สงสัยกระบวนการนิดหน่อย
ถ้าเอาตามสามัญสำนึก คนผิดจริงๆคือเมียเก่า เพราะเอาที่สินสมรสไปขาย (ส่วนจะจงใจหรือไม่ต้องไปว่ากันอีกที) เพราะงั้นคนที่ต้องรับผิดชอบมันควรจะเป็นคนขายอะ คนซื้อไม่ได้ผิดอะไรทำตามกระบวนการทุกอย่าง
คำตัดสินมันควรจะต้องให้เมียเก่ารับผิดชอบผัวเก่าด้วยการแบ่งเงินครึ่งหนึ่ง
หรือถ้าผัวไม่เอาก็ต้องซื้อที่ส่วนของผัวครึ่งหนึ่งนั้นกลับคืนจากคนที่ซื้อ ส่วนคนซื้อจะไม่ขาย หรือจะใจดีขายคืนราคาเดิมก็แล้วแต่เค้าเพราะเค้าไม่ได้ทำไรผิด
อันนี้คำตัดสินมันแบบ ต่อไปจะซื้ออะไรหัดดูด้วยนะ ถ้าซื้อแล้วไม่ดูให้ดีก็ต้องซวยงี้แหละ
เฮ้ย ไม่ใช่ดิ กรณีแบบนี้คนขายอะต้องเคลียร์ตัวเอง ไม่งั้นมันคือช่องให้ฉ้อโกงประเภทนึงอะ

เข้ามาอ่าน ต้องหาอาหารสมองหน่อย


โคตร งง กับ เรื่องพวกนี้เลย

อ่านแล้วไม่เข้าใจว่าทำไมตัดสินงั้นวะ

ตามหลักมันต้องสั่งให้เอาเงิน 9.5 ล้านไปแบ่งกันดิ

แบบนี้แสดงว่าผัวเก่าไม่ยอม จะเอาที่ดินอย่างเดียวแบบนี้รึเปล่า เพราะถ้ามองในแง่กฎหมายตามตัวอักษร

ในเมื่อทรัพย์สินเป็นที่ดิน ตอนแบ่งก็ต้องแบ่งเป็นที่ดิน ไม่ใช่เงินที่เกิดจากการขายโดยมิชอบ (ที่ดินราคาขึ้นแทบจะตลอดจากราคาประเมิน)

สรุปคือคนซื้อซวย ศาลก็ตัดสินแค่คดีที่ฟ้องร้อง ต้องรอจบแล้วไปฟ้องแพ่ง(หรือมีอาญาก่อนด้วยอีกวะ)จากคนขายเอาเอง

เสียเงิน เสียเวลา เสียโอกาส เสียความรู้สึก

ของผมก็แบบนี้ครับ เมียเก่าผมเอาบ้านที่เป็นชื่อเขาไปขายโดยไม่ได้รับการยินยอมจากผม

ผมก็ฟ้องคืนเหมือนกันแต่ฟ้องคนขาย (เมียเก่า) ให้แบ่งเงินมา มากกว่าให้คนซื้อคืนที่ครับ มันแล้วแต่คนฟ้องว่าจะเอาแบบไหนมากกว่าครับ แต่เคสนี้เห็นใจคนซื้อเลยครับ

ถามว่าคนซื้อจะรู้ได้ไง ไม่รู้เลยครับ หย่าก็หย่าแล้ว แต่ตอนซื้อ ชื่อเป็นของเขา แต่เอกสารแนบท้ายใบหย่าแจ้งเป็นทรัพย์สินร่วมครับ มันก็จะไม่ได้เอาชื่อเข้าไปใส่ในโฉนดอยู่ดี ซึ่งก็แบ่งนั้นก็เป็นคำสั่งศาลสั่งเช่นกัน ให้เป็นสินสมรสแบ่งคนละครึ่งกันตอนหย่า (แบ่งอีกหลายชิ้นอยู่ครับ ให้ฟรีเขาไปก็เยอะแต่บ้านพร้อมที่ดินแบ่งครึ่ง)

จะว่าผัวเก่าไม่ยอมก็ไม่เชิงครับ คือศาลแบ่งเป็นกรณีไป

กรณีการแบ่งสินสมรส อดีตสามีต้องได้ที่ดินครึ่งหนึ่งครับ จะได้เป็นเงินไม่ได้เพราะเงินที่ได้มาไม่ใช่สินสมรส
จะต่างจากการขายบ้านหรือห้อง เพราะกรณีนั้นมันแบ่งไม่ได้ครับ ศาลจึงจะต้องแบ่งเป็นเงินที่ขายได้

แต่ถ้าอดีตสามีร้องขอเองว่า ไหนๆก็ขายไปแล้วเอาเป็นเงินก็ได้ แบบนี้ถึงจะเอาเงินมาแบ่งกันครับ
เพราะงั้นถ้าอดีตสามีไม่ร้องขอขึ้นมาเอง ยังไงก็ต้องแบ่งเป็นที่ดิน โดยไม่นำเรื่องการซื้อขายมาเกี่ยวข้องครับ


ส่วนการซื้อขายก็แยกมาอีกเคส ผู้ซื้อก็ต้องไปร้องกับผู้ขายอีกทีครับ

เคสนี ดูแล้ว ซับซ้อนปวดหัว

แต่ คนที่ซวยเต็มคือ ผู้ซื้อที่ดิน ทำตามขั้้นตอนทุกอย่างถูกต้อง จ่ายเงินเต็ม

ทำไมต้องมาซวยเจอเรืองแย่ๆ ไม่เป็นเรื่องแบบนี้อีก

เกี่ยวไรกับที่ดินอ่ะ ในเมื่อกระบวนการโอนจบสิ้นไปแล้ว ควรให้เอาเงินที่ได้มาเคลียร์กันเองระหว่างผัวเมียไหม สินสมรสกลายเป็นเงินก้อนที่ได้มาจากการขายที่แล้วนี่

สงสัยว่าหย่าไปตั้ง 2 ปี แล้ว ทำไมยังจัดการเรื่องแบ่งทรัพย์สินไม่จบอีกเหรอ มันคาราคาซังไปได้กี่ปีเนี่ย

จัดการจบแล้วครับแบ่งกันเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เอาฉโนดไปอัพเดทและรังวัดใหม่ ซึ่งไม่มีกำหนดเวลา
แล้วแต่ว่าอยากไปทำตอนไหนก็ตามสะดวก

เคสนี้คนฟ้องมันก็แค่อยากได้เงินแบบหน้าด้านๆอะ แค่นั้นเลย

ใจความสำคัญคือถึงมีใบหย่า ก็ต้องขอดูบันทึกการแบ่งสินสมรสด้วย

จากที่ผมฟังมาในรายการนะ ถ้าไม่มีบันทึกการแบ่งสินสมรสมาแสดงให้ตีไว้ก่อนว่ายังไม่ได้แบ่ง

ต้องขอให้ผู้ขายเรียกคู่สมรสมาออกใบยินยอมด้วย

อันนี้คือวิธีการป้องกันตัวเองเบื้องต้นตามที่ทนายในรายการให้ความรู้มานะ

อ่านแล้วงงเหมือนกันว่า
มันไม่ได้ซื้อขายกันสิ้นสุดไปแล้วเหรอ

ถ้าจะฟ้องร้องเอาสินสมรสก็ต้องเอาเงิน 9.5 ไปแบ่งกันสิ มาโมฆะการซื้อขายที่เสร็จสิ้นแล้วแบ่งที่ดินคืนได้ไง มันเปลี่ยนเจ้าของไปแล้วนี่

เคสนี้ต้องไปดุกระบวนการซื้อขายที่ สนง ที่ดิน เพราะ เวลาซื้อขายกรณี มีคุ่สมรส คุ่สมรสต้องเซ็นยินยอมด้วย ผมไม่แน่ใจว่าตอนซื้อขาย ผุ้ขายแจ้งว่า โสด สมรส รึ หย่า ถ้าแจ้งหย่าแล้ว มีเอกสารใบหย่าชัดเจน ผมว่า มันเคลียร์นะ ถึงทรัพย์ได้มาต นสมรส แต่คุณหย่ากันก่อนขาย ถ้าคุณจะเรียกสิทธิ์ ควรไปเรียกกะเมียเก่าไหมอะ ได้เงินไป 9.5 ลบ ไม่ใช่มาเรียกกับเจ้าของที่

ผมว่า เล่ห์เหลี่ยมแน่ๆ ปัญญาอ่อนล่ะ ฟ้องเอาคืนได้
หาทะนายเก่งๆอัดคืน เอาให้ฝังดินเลย พวกนี้หัวหมอ

เคสนี้ถ้าคนขายเป็นสุจริตชน ก็แค่เจรจาขอคืนเงินครึ่งหนึ่งให้ผู้ซื้อไปโดยอาจจะของดเว้นดอกเบี้ยหรือค่าดำเนินการ

ต่างๆ แล้วแต่การตกลงเจรจา ส่วนคนซื้อเมื่อได้เงินคืนครึ่งหนึ่งค่อยไปเจรจากับสามีผู้ขายว่าอยากได้ทั้งแปลง

สนใจขายให้มั้ย มันไม่ได้ยากซับซ้อนอะไรขนาดนั้น เว้นแต่คนขายตั้งแต่แรกไม่มีเจตนาสุจริตถ้าเป็นแบบนี้ คนซื้อ

จะเหมือนตกนรกทั้งเป็นเพราะต้องไปตั้งทนายให้มาทำเรื่องฟ้องร้องกันอีกไม่รู้กี่ปีกว่าคดีจะสิ้นสุด กว่าจะได้เงินคืน

เอาตามกฏหมายคือผู้ซื้อชนะผู้ขายแน่นอน เพียงแต่กว่าขั้นตอนจะจบเนี่ยสิ