BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Sep 2013
ตอบ: 5264
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 02:16
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
ที่บ้านแฟนผมไม่ได้เรียกร้องอะไรแต่พ่อแม่ผมเต็มใจให้ผมแต่งกับแฟนมา10กว่าปีละและแต่งตอนผม18ปีด้วย ของผมที่บ้านผมให้ค่าสินสอด10mทอง10บาท เงินสินสอดที่ให้พ่อตาแม่ยายผมคืนหมดไม่เอาสักบาทเพราะบ้านแฟนผมมีหน้ามีตาทางสังคมด้วยเรื่องเงินอาจจะไม่เกี่ยวแต่แค่เป็นเรื่องของหน้าตาทางบ้านแฟนผมมากกว่า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1199
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 02:21
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
กว่าจะได้ยูสมา พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
ThisIsMelo พิมพ์ว่า:
กว่าจะได้ยูสมา พิมพ์ว่า:
ขอเล่าในมุมมองของพ่อแม่ฝ่ายหญิง จากประสบการณ์ตรงของผมแล้วกันครับ

ในฐานะที่ตัวผมเองก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ตอนขอแฟนเหมือนกันครับ เตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มมีแผนจะแต่งเลย

เพราะคิดว่ายังไงบ้านแฟนต้องขอให้เราเตรียมเงินมาวางแน่ๆ โดยเหตุผลหลักๆ ที่แฟนผมเล่าให้ฟังคือ

1. บ้านแฟนผมค่อนข้างมีฐานะ เลี้ยงลูกมาไม่เคยลำบาก เค้าอยากรู้ว่าเรามีความสามารถในการดูแลลูกเค้าแค่ไหน เอาตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราบริหารรายได้ของเราอย่างไร

2. สินสอดที่เค้าเรียกให้มาวางนั้น เค้าคืนให้ทุกบาท แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกู้ หรือยืมมาวาง โดยกำหนดขั้นต่ำไว้ แต่สุดท้ายก็เจรจาได้ครับ ถ้าหาไม่ทันจริงๆ

3. ค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ของรับไหว้บางส่วนทางพ่อแม่ฝ่ายผม และฝ่ายแฟนผมช่วยออกด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ภาระไม่ได้มาตกที่ผมมากไปนัก

ตัวผมเองก็ยินยอมที่จะทำตามเงื่อนไขที่เค้าวางไว้ครับ เพราะจากที่คุยกันก็รู้ว่าท่านไม่ได้ต้องการเงินอะไรของเรา แค่อยากให้มั่นใจว่าเราดูแลลูกเค้าได้ แถมตอนหลังก็มีแถมเงินมาให้อีก

ผมคงไม่ได้สรุปว่าทุกครอบครัวจะเป็นแบบครอบครัวแฟนผม แต่ผมคิดว่าบางทีมันก็มีเหตุผลของการเรียกสินสอดครับ ไม่ได้ใช่ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะอยากได้เงินเพียงอย่างเดียว

ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ  

เคสท่านก็อีกเคสครับ อันนี้พอจะพูดได้ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้ต้องการเงิน

แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ คือชีวิตคู่สมัยนี้มันต้องทำงานและบริหารเงินทั้งคู่ถูกมะ ถ้ามีฝ่ายนึงเละเทะก็ลำบากเหมือนกัน สมมุติท่านรับผิดชอบได้ แต่แฟนท่านดันผลาญหมด(ย้ำว่าสมมุติ) แบบนี้มันก็แย่ เหมือนใน SS ที่มีเคสมาเล่าว่าโดนแฟนดูดเป็นปลิง เป็นต้น

แต่ตรรกะสินสอดมันตลกคือส่วนมากแล้วผู้ชายเป็นฝั่งที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่การแต่งงานต้องการความรับผิดชอบจากทั้ง 2 ฝ่าย


ปล. แต่ในความเห็นผมคือ ลูกโตขนาดนี้ หาเงินเองได้แล้ว คิดเองเป็นแล้ว ผมยังมองไม่เห็นว่าพ่อแม่จะสร้างเงื่่อนไขเป็นเม็ดเงินทำไมในการจะให้ลูกแต่งงาน เตือนหรือให้คำปรึกษาก็เพียงพอแล้ว ถ้าเรามีลูกแล้วต้องคำนึงว่าเราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเค้าครับ ถึงจุดนึงรู้จักลดบทบาทตัวเองลงได้แล้ว  


ขออนุญาตแสดงความเห็นหน่อยนะครับ

จากประโยค Comment ที่ว่า "ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ"

อันนี้อ่านแล้ว ผมนับถือความตั้งใจของท่านนะ แต่ผมลองคิดว่า สมมติเป็นกรณีที่ผมรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เขารวยกว่าผมมาก แต่ผมกำลังเพิ่งสร้างเนื้่อสร้างตัว วัย 30 ปี ครอบครัวผมไม่รวย ผมทำงานกินเงินเดือนระดับค่าเฉลี่ย เงินเก็บเผลอๆแค่หลักแสนบาทก็เก่งมากแล้ว หนักกว่านั้นอาจจะมีแค่บ้านที่กำลังผ่อน หรือคอนโดที่ได้แต่เช่าอยู่

... ซึ่งในทางปฏิบัติ คิดว่าผมต้องใช้เวลากี่ปีเพื่อเก็บเงินไปเป็นสินสอดให้เขาซัก 1 ล้านบาทครับ
สมมติผมต้องใช้เวลา 5 ปี ถ้าฝ่ายหญิง (แฟนเรา) อายุประมาณเรา
เท่ากับว่า เขาต้องรอเราเป็นเวลา 5 ปีจนเขาอายุ 35 เลยใช่ไหมกว่าผมจะมีความเหมาะสมที่จะดูแลเขาได้
คำถามคือเขาจะรอได้ไหม หรือผมจะถูกประเมินเลยว่า ไม่เหมาะจะดูแลให้ลูกสาวเขาสบายได้ และต้องเลิกรากันไป

เอาง่ายๆคือถ้ามองในมุมของท่านที่ผม Quote มา
ผมไม่ได้ว่าท่านคิดผิดนะ แต่วิธีคิดแบบนี้เท่ากับว่า ผมแต่งงานได้กับเฉพาะคนที่ฐานะใกล้เคียงกันมากๆเท่านั้นเลยนะครับ เพราะพอไปแต่งกับสาวที่บ้านรวยกว่า แล้วถ้าผมไม่สามารถยกระดับฐานะตัวเองขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับว่า ผมสอบตก โดนประเมินว่าเป็นคนที่ไม่สามารถดูแลลูกสาวเขาได้เลยงั้น
ทั้งๆที่ผมก็อาจจะเป็นคนที่ทำมาหากินสุจริต ไม่ขี้เกียจ รักจริง ซื่อสัตย์ และอื่นๆ แต่ผมเพียงแค่หาเงินได้่ไม่เท่าระดับที่เขา (และครอบครัวเขา) หาได้

---------------------------------------------------

สำหรับประโยคของท่าน ThisIsMelo

"แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ"

อันนี้ผมเห็นด้วยนะว่า ทำไมมองแต่ในมุมที่ผู้ชายต้องพิสูจน์ตัวเองเรื่องการหาเงิน การสร้างเนื้อสร้างตัว แล้วฝ่ายหญิงหล่ะ ไม่มีส่วนรับผิดชอบตรงนี้หรอ?

คือผมมองว่า ถ้าแต่งงานกัน มันก็สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะร่วมกันไปก็ได้ไม่ใช่หรอ
การที่ฝ่ายชายต้องเอาสินสอดมาวาง เพื่อจะพิสูจน์อะไรก็แล้วแต่
มันเหมือนยังอิงกับแนวคิดว่า ฝ่ายชายต้องรับภาระเลี้ยงดูฝ่ายหญิง
(ก็เหมือนที่ยูสท่าน ThisIsMelo กล่าวไว้อ่ะ คือแล้วทำไมกลายเป็นแค่ฝ่ายชายต้องพิสูจน์?)
ต้องพร้อมมากมาแล้วทางด้านการเงินเพื่อให้ฝ่ายหญิงสบายไรงี้ ทั้งๆที่ชีวิตคู่มันก็รับผิดชอบร่วมกันสองฝ่าย
 


ขออนุญาตถกทีละเรื่องนะครับ

1.ปัญหาเรื่องการคบแฟนต่างฐานะนี่บอกเลยว่าสินสอดเป็นแค่ประตูบานแรกที่ท่านต้องเจอครับ ถึงท่านไม่เจอเรื่องสินสอด ต่อไปท่านก็จะเจอเรื่องรสนิยม ความสามารถ การเป็นหัวหน้าครอบครัว คำพูดจากคนรอบข้าง ปัญหาอีกล้านแปดครับ สินสอดเลยเป็นเรื่องเล็กเลยครับ

ทีนี้ถ้าเรากำลังสร้างตัว และลงมือทำอยู่จริงๆ ผมว่าคนที่จะช่วยท่านในการพูดคุยเรื่องสินสอดก็คือแฟนท่านนี่แหละ ถ้าเราลงมือทำให้เห็น แฟนเรารักเราจริงๆ ยังไงเรื่องนี้ผมว่าไม่น่าจะยากนะครับ แต่ถ้ามันยากผมแนะนำให้ถอยดีกว่า แสดงว่าเราไปกับครอบครัวนี้ไม่ได้แน่ๆ ครับ

2. อย่างที่ผมตอบไปกับท่าน ThisIsMelo หน้าที่ผู้หญิงต้องพิสูจน์แน่ครับ ตัวท่านเองนี่แหละที่เป็นคนตัดสินตั้งแต่ก่อนจะขอเค้าแต่งงานอีก

3. เรื่องฝ่ายหญิงสบายนี่แล้วแต่คู่จริงๆ ครับ ผมคงไม่ตัดสินคนอื่น พอดีผมเองหลังจากแต่งงานก็ได้แฟนผมช่วยเรื่องธุรกิจหลายๆ เรื่อง ครอบครัวแฟนผมก็ช่วยผมหลายๆ เรื่องเหมือนกัน ดังนั้น สรุปคือ มันขึ้นอยู่กับคนสองคนจริงๆ ครับ ว่าสินสอดเนี่ยมันจำเป็นไหม และท่านพร้อมที่จะทำไหม  
 


ข้อ 1 : ผมเห็นด้วยกับท่านนะ ถ้าฐานะต่างกัน มันคงจะเกิดความยากลำบากด้านอื่นๆแบบที่ท่านว่ามา
ยิ่งกับเฉพาะกับสังคมไทย แต่ปัจจัยอื่นๆพวกนั้น มันขัดขวางการแต่งงานไม่ได้ไงครับท่าน
มันเป็นเรื่องหลังจากที่ชายหญิงที่ฐานะต่างกันอาจจะเผชิญหลังจากใช้ชีวิตคู่ที่ผ่านการแต่งงานไปแล้ว
มันเป็นเรื่องภายหลัง เป็นอีกประเด็นหนึ่งไป

แต่สินสอดมันเป็นตัวที่ขวางไม่ให้เกิดการแต่งงานขึ้นได้ครับ ซึ่งผมยังมองว่ามันไม่ควรมีเงื่อนไขนี้

-----------------------------------------------------------------------

ข้อ 2 : ที่ท่านบอกว่า ผู้หญิงก็พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว โดยผ่านการตัดสินจากเรา
งั้นในมุมกลับ เราเองก็พิสูจน์ตัวเองมาแล้วเหมือนกันหนิครับ ผู้หญิงเขาถึงตกลงจะแต่งงานกับเรา
แล้วทำไมเราที่เป็นฝ่ายชาย ยังต้องมีการพิสูจน์ตัวเองเรื่องสินสอดเพิ่มเข้ามาอีก?
ก็วนกลับไปที่คำถามจากท่าน ThisIsMelo เหมือนเดิม
คือ แล้วทำไมผู้หญิงไม่พิสูจน์เรื่องสินสอดเหมือนที่ผู้ชายต้องพิสูจน์ตัวเองหล่ะถ้างั้น

โดยสรุป คือ การพิสูจน์ตัวเองของฝ่ายชายหญิง มันเกิดขึ้นจากกระบวนการคบหา การมีความสัมพันธ์คบหาดูใจมาแล้ว ซึ่งถ้าใช้หลักคิดว่า ต้องมีสินสอดเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควร
ผมก็ยังไม่เข้าใจว่า แล้วทำไมภาระการพิสูจน์ตัวเองด้านสินสอดถึงตกเป็นภาระของฝ่ายชายฝ่ายเดียว  


ข้อ 1 ในกรณีนี้สินสอดเหมือนเป็น มาตรการขั้นแรกอะสำหรับผม ถ้าผ่านด่านนี้ไม่ได้ ยังไงเงื่อนไขหลังๆ มันก็ไม่ได้แน่ๆ ครับ เรื่องสินสอดนี่คือการบริหาร 1.การเงิน 2.การเจรจา 3.ทัศนคติในการใช้ชีวิตตามสังคม

อย่างที่เห็นผม และอีกหลายๆ ท่านในกระทู้นี้ต่างมีมุมมองต่อสินสอดที่ต่างกันมากๆ ดังนี้ สินสอดเนี่ยเป็นประตูบานแรกของการแต่งงานครับ ในการแก้ไขปัญหา คู่ไหนผ่านก็คือพร้อมที่จะเจอปัญหาต่อๆ ไปละ คู่ไหนไม่ผ่านก็ถือว่าแยกกันตรงนี้ดีกว่า

ข้อ 2 ก็แล้วแต่มุมมองครับ อย่างที่ผมบอก แฟนผมพิสูจน์กับผมแล้ว และพ่อแม่ผมแล้วตอนที่ผมคบกันก่อนแต่ง เงินเก็บมี หาเงินได้ ใช้เงินเป็น แค่ไม่ได้เอามาวางตอนงานแต่งแบบผมแค่นั้นเอง

มันเลยวนกลับไปข้อ 1 ครับ สินสอดมันขึ้นอยู่กับมุมมองของ 2 ครอบครัว ถามว่าจำเป็นไหมก็ไม่ แต่ถ้าถามผม (เฉพาะผมนะครับ) ผมมองว่าสำคัญ มันทำให้เราได้รู้มุมมองของว่าที่คู่ครอง และว่าที่พ่อตาแม่ยายเราว่าเป็นคนแบบไหน โดยเฉพาะเรื่องการเงินครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Once Blue.... Always Blue.... <3
ออนไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1199
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 02:28
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
เชียร์ปืนจนเหี่ยว พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
ThisIsMelo พิมพ์ว่า:
กว่าจะได้ยูสมา พิมพ์ว่า:
ขอเล่าในมุมมองของพ่อแม่ฝ่ายหญิง จากประสบการณ์ตรงของผมแล้วกันครับ

ในฐานะที่ตัวผมเองก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ตอนขอแฟนเหมือนกันครับ เตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มมีแผนจะแต่งเลย

เพราะคิดว่ายังไงบ้านแฟนต้องขอให้เราเตรียมเงินมาวางแน่ๆ โดยเหตุผลหลักๆ ที่แฟนผมเล่าให้ฟังคือ

1. บ้านแฟนผมค่อนข้างมีฐานะ เลี้ยงลูกมาไม่เคยลำบาก เค้าอยากรู้ว่าเรามีความสามารถในการดูแลลูกเค้าแค่ไหน เอาตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราบริหารรายได้ของเราอย่างไร

2. สินสอดที่เค้าเรียกให้มาวางนั้น เค้าคืนให้ทุกบาท แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกู้ หรือยืมมาวาง โดยกำหนดขั้นต่ำไว้ แต่สุดท้ายก็เจรจาได้ครับ ถ้าหาไม่ทันจริงๆ

3. ค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ของรับไหว้บางส่วนทางพ่อแม่ฝ่ายผม และฝ่ายแฟนผมช่วยออกด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ภาระไม่ได้มาตกที่ผมมากไปนัก

ตัวผมเองก็ยินยอมที่จะทำตามเงื่อนไขที่เค้าวางไว้ครับ เพราะจากที่คุยกันก็รู้ว่าท่านไม่ได้ต้องการเงินอะไรของเรา แค่อยากให้มั่นใจว่าเราดูแลลูกเค้าได้ แถมตอนหลังก็มีแถมเงินมาให้อีก

ผมคงไม่ได้สรุปว่าทุกครอบครัวจะเป็นแบบครอบครัวแฟนผม แต่ผมคิดว่าบางทีมันก็มีเหตุผลของการเรียกสินสอดครับ ไม่ได้ใช่ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะอยากได้เงินเพียงอย่างเดียว

ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ  

เคสท่านก็อีกเคสครับ อันนี้พอจะพูดได้ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้ต้องการเงิน

แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ คือชีวิตคู่สมัยนี้มันต้องทำงานและบริหารเงินทั้งคู่ถูกมะ ถ้ามีฝ่ายนึงเละเทะก็ลำบากเหมือนกัน สมมุติท่านรับผิดชอบได้ แต่แฟนท่านดันผลาญหมด(ย้ำว่าสมมุติ) แบบนี้มันก็แย่ เหมือนใน SS ที่มีเคสมาเล่าว่าโดนแฟนดูดเป็นปลิง เป็นต้น

แต่ตรรกะสินสอดมันตลกคือส่วนมากแล้วผู้ชายเป็นฝั่งที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่การแต่งงานต้องการความรับผิดชอบจากทั้ง 2 ฝ่าย


ปล. แต่ในความเห็นผมคือ ลูกโตขนาดนี้ หาเงินเองได้แล้ว คิดเองเป็นแล้ว ผมยังมองไม่เห็นว่าพ่อแม่จะสร้างเงื่่อนไขเป็นเม็ดเงินทำไมในการจะให้ลูกแต่งงาน เตือนหรือให้คำปรึกษาก็เพียงพอแล้ว ถ้าเรามีลูกแล้วต้องคำนึงว่าเราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเค้าครับ ถึงจุดนึงรู้จักลดบทบาทตัวเองลงได้แล้ว  


ขออนุญาตแสดงความเห็นหน่อยนะครับ

จากประโยค Comment ที่ว่า "ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ"

อันนี้อ่านแล้ว ผมนับถือความตั้งใจของท่านนะ แต่ผมลองคิดว่า สมมติเป็นกรณีที่ผมรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เขารวยกว่าผมมาก แต่ผมกำลังเพิ่งสร้างเนื้่อสร้างตัว วัย 30 ปี ครอบครัวผมไม่รวย ผมทำงานกินเงินเดือนระดับค่าเฉลี่ย เงินเก็บเผลอๆแค่หลักแสนบาทก็เก่งมากแล้ว หนักกว่านั้นอาจจะมีแค่บ้านที่กำลังผ่อน หรือคอนโดที่ได้แต่เช่าอยู่

... ซึ่งในทางปฏิบัติ คิดว่าผมต้องใช้เวลากี่ปีเพื่อเก็บเงินไปเป็นสินสอดให้เขาซัก 1 ล้านบาทครับ
สมมติผมต้องใช้เวลา 5 ปี ถ้าฝ่ายหญิง (แฟนเรา) อายุประมาณเรา
เท่ากับว่า เขาต้องรอเราเป็นเวลา 5 ปีจนเขาอายุ 35 เลยใช่ไหมกว่าผมจะมีความเหมาะสมที่จะดูแลเขาได้
คำถามคือเขาจะรอได้ไหม หรือผมจะถูกประเมินเลยว่า ไม่เหมาะจะดูแลให้ลูกสาวเขาสบายได้ และต้องเลิกรากันไป

เอาง่ายๆคือถ้ามองในมุมของท่านที่ผม Quote มา
ผมไม่ได้ว่าท่านคิดผิดนะ แต่วิธีคิดแบบนี้เท่ากับว่า ผมแต่งงานได้กับเฉพาะคนที่ฐานะใกล้เคียงกันมากๆเท่านั้นเลยนะครับ เพราะพอไปแต่งกับสาวที่บ้านรวยกว่า แล้วถ้าผมไม่สามารถยกระดับฐานะตัวเองขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับว่า ผมสอบตก โดนประเมินว่าเป็นคนที่ไม่สามารถดูแลลูกสาวเขาได้เลยงั้น
ทั้งๆที่ผมก็อาจจะเป็นคนที่ทำมาหากินสุจริต ไม่ขี้เกียจ รักจริง ซื่อสัตย์ และอื่นๆ แต่ผมเพียงแค่หาเงินได้่ไม่เท่าระดับที่เขา (และครอบครัวเขา) หาได้

---------------------------------------------------

สำหรับประโยคของท่าน ThisIsMelo

"แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ"

อันนี้ผมเห็นด้วยนะว่า ทำไมมองแต่ในมุมที่ผู้ชายต้องพิสูจน์ตัวเองเรื่องการหาเงิน การสร้างเนื้อสร้างตัว แล้วฝ่ายหญิงหล่ะ ไม่มีส่วนรับผิดชอบตรงนี้หรอ?

คือผมมองว่า ถ้าแต่งงานกัน มันก็สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะร่วมกันไปก็ได้ไม่ใช่หรอ
การที่ฝ่ายชายต้องเอาสินสอดมาวาง เพื่อจะพิสูจน์อะไรก็แล้วแต่
มันเหมือนยังอิงกับแนวคิดว่า ฝ่ายชายต้องรับภาระเลี้ยงดูฝ่ายหญิง
(ก็เหมือนที่ยูสท่าน ThisIsMelo กล่าวไว้อ่ะ คือแล้วทำไมกลายเป็นแค่ฝ่ายชายต้องพิสูจน์?)
ต้องพร้อมมากมาแล้วทางด้านการเงินเพื่อให้ฝ่ายหญิงสบายไรงี้ ทั้งๆที่ชีวิตคู่มันก็รับผิดชอบร่วมกันสองฝ่าย

 
 

ก็แบบพอการเงินมีปัญหา หรือฝ่ายชายหมดสภาพการหารายได้/ป่วยหนักกระทันหันไม่สามารถทำงานไม่ได้ ก็โดนทิ้ง ด้วยเหตุผลว่าดูแลลูกสาวไม่ได้ดีพอ ควรให้เขาไปหาผัวใหม่ที่ดูแลได้มั้งครับ ถ้ามาตรรกะโชว์เงินเพื่อดูว่าดูแลได้ ถึงบอกว่าเรื่องพวกนี้มันพิสูจน์อะไรชีวิตคู่ไม่ได้หรอก ว่าพอเจอเวฟมรสุมชีวิตจะไปด้วยกันไปไหมหรือทิ้งอีกฝั่งไว้คนเดียว สุดท้ายมันก็วนไปที่เรื่องการศึกษานิสัยใจคอกัน อ่านเกมกันให้ออกก่อนลงหลักปักฐานนั้นแหละ  


อันนี้ท่านก็มองโลกแง่ร้ายไปไหมครับ

อย่างของผมที่เกริ่นๆ ไปในข้างต้น หลังแต่งงานผมก็เจอมรสุมครั้งใหญ่ ชีวิตเกือบไปไม่รอด การเงินติดลบ ก็ได้แฟน กับครอบครัวแฟนนี่แหละช่วย ถึงได้ลืมตาอ้าปากได้ใหม่อีกรอบ

ผมถึงบอกว่า การขอดูสินสอดเนี่ย เค้าเอาไว้วัดทัศนคติ กับความสามารถครับ ถ้าผมยอมแพ้ตั้งแต่เริ่ม วันนั้นผมไม่แสดงความพยายามของผมในการเก็บเงิย บอกแฟนว่างั้นเราไม่แต่งอยู่กันแบบนี้แหละ พอวันที่ผมล้ม ตอนผมติดลบ ท่านคิดว่าจะแฟมผมจะยอมช่วยผมไหมครับ จะยอมลำบากกับผมในวันนั้นไหม ไม่ใช่พอแฟนไม่ช่วย ก็ไปโทษฝ่ายหญิงอีก ทั้งๆ ที่เราไม่เคยพยายามให้เค้าเห็นเลย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Once Blue.... Always Blue.... <3
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Sep 2018
ตอบ: 106
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 02:34
[RE]พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?
leobeers พิมพ์ว่า:
บางคนก็เหมือนไม่พยายามจะเข้าใจอะไร ในฐานะผมเป็นพ่อของลูกสาว ก็ต้องอยากคุยกับลูกเขยป่ะ ถ้าผมไปบอกลูกเขยว่าหาสินสอดให้ผมหน่อยนะ 1 ล้านบาท แล้วลูกเขยบอกว่าไม่เอาอ่ะ งั้นไม่ต้องแต่งอยู่กันไปแบบนี้แหละถามหน่อยไม่คิดจะมาคุยมาทำความรู้จักหรือประนีประนอมอะไรหน่อยหรอ หรือจะตอบเขาไปว่าถ้าจะพิสูจน์ว่าผมมีเงินเลี้ยงดูลูกท่านไหมดูพอร์ตหรือเงินสดผมไหม เราจะพูดแบบนี้จริงๆ หรอ ในการเข้าหาผู้ใหญ่
ูู็  

ถ้าผมเป็นพ่อ ผมไม่บอกว่าที่ลูกเขยนะว่าหาสินสอดให้หน่อย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2019
ตอบ: 18004
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 03:12
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
ส่วนเรื่องสินสอด ในฐานะที่เป็นคนจ่าย ผมก็เจรจาไปครับ ไหวก็บอก ไม่ไหวก็บอกไป แค่นั้น

ผมเป็นชนชั้นกลางใน กทม. การเรียนก็งั้นๆ ทำงาน ลงทุนไปวันๆ เจอเรียกมา 2m ทอง20 ผมก็เหว่อแดก แต่พ่อที่ไปด้วยเจรจาว่า เอาเท่าลูกชายคนโตละกัน 1m ทอง10 แล้วก็ ชุดเครื่องเพชน และ ทอง

หลังจากขั้นตอนนี้ เมียก็มาเล่าให้ฟังว่า ตัวเค้าไปถามแม่ว่า ทำไมเรียกเยอะขนาดนั้น คำตอบที่ได้คือ เรียกไปงั้นๆเพราะไม่รู้ว่าต้องเรียกเท่าไร ต่อมาแค่ไหนก็แค่นั้นไม่ได้สนใจ

ทุกอย่างก็ดำเนินไป ผมก็จ่ายไปตามนั้นแหละ ส่วนค่างานช่วยกัน

พองานจบปุ๊บ แม่ยายก็ยกคืนให้ทั้งหมด แถมเงินมาให้ตั้งตัวเพิ่มด้วย (ซึ่งเมียก็ไม่รู้ว่าแม่จะมาแบบนี้)

เพราะงั้น มันอยู่ที่พื้นฐานครอบครัวของคนที่เราคบอะครับว่ามันเป็นแบบไหน ครอบครัวแฟนมาแนวไหน

อีกตัวอย่างนึงคือ พี่สาวของผม พ่อแม่ผมไม่ได้แม้แต่ขอสินสอดสักบาท (ที่วางๆในงานคือของป๊าม๊าเอง) ป๊าม๊ามาบอกทีหลังว่า พี่ขายผมดูแลแม่คนเดียวที่ป่วยอยู่ และจะให้เค้าเอาเงินมาเป็นสินสอดทำไม

ผมว่ามันคุยกันได้ ถ้าบ้านแฟนไม่ได้ไร้เหตุผลจนเกินไป ซึ่งถ้ามันไร้เหตุผลจนเกินไป สุดท้ายมันก็จบที่แยกย้ายอยู่ละฮะ การแต่งงานไม่ใช่อยู่กัน 2 คน มีลูกแล้วจบ ซะหน่อย ยังไงเราก็ต้องมีการไปมาหาสู่บ้านของทั้งคู่อยู่แล้ว ซึ่งถ้ามันแสดงออกมาตั้งแต่ก่อนแต่ง ผมว่ามันจบที่แยกย้ายน่าจะดีที่สุด

การแต่งงานเป็นเรื่องของคน 2 คนที่ตกลงจะมาแชร์ชีวิต ใช้ชีวิตร่วมกัน ให้เกิดความสบายใจบางอย่างร่วมกัน แต่มันปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า สังคม collectivism มันไม่สามารถเป็นแบบนั้นได้ (ซึ่งสังคมแบบนี้ก็จะมีในแถวๆบ้านเราเนี่ยแหละ ที่เยอะๆหน่อย) ซึ่งมันต่างจาก individualism ทางฝั่งตะวันตก เพราะงั้นวัฒนธรรมและวิธีการมันก็แตกต่างกันไป

------------------------------------------------------------

คือผมเข้าใจ จขกท นะ แต่มันจะจบที่คำๆเดียวคือ มันเป็น ประเพณี คือมันสั้นๆแค่นั้นเลยครับ

คือ มันมีทั้งคนที่ชอบ และ คนที่ไม่ชอบประเพณีของประเทศที่ตนเองอยู่ (มันมีแบบนี้ทุกประเทศแหละครับ)

ถ้าคนไม่เห็นด้วยมากๆ ประเพณีนี้ก็จะค่อยๆเลือนลางและหายไปในที่สุดครับ

ยกตัวอย่างนะครับ ประเพณีลอยกระทง ซึ่งตอนนี้ผม 35 ละ ผมไปลอยไม่ถึง 5 ครั้ง ซึ่ง 2-3 ปีหลังมา มันก็เริ่มมีการบอกว่า อย่าลอยเลย ทำน้ำสกปรกมากกว่าเดิม เพียงเพื่อขอขมาเนี่ยนะ มันไม่ make sense เลย

เนี่ยครับ ไม่ต่างกัน ถ้าคนที่ไม่เห็นด้วยมันมากขึ้นเรื่อยๆ การลอยกระทงก็จะค่อยๆเลือนหายไป

สินสอดก็เช่นกันครับ

ปล. ผมไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องนี้เพราะตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่มีลูก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
7
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 5408
ที่อยู่: Buzz lightyear of star command
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 03:22
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
ถ้ามาตั้งธงฟันทุกคนแบบนี้ ก็ต้องมีเคสที่หายลูกกินอยู่แล้วผสมกันไป เพื่อนผมและผมเองแต่งงาน5คน
วางสินสอดทุกคน ไม่มีใครบ่น หลักๆมันอยู่ที่การเข้าใจที่มาของมัน ไม่ใช่มาฟันว่าแม่งขายลูกกินทุกดอก

สมัยนี้การจะตัดสินว่าคนนี้ใช้ได้ในทุกๆเรื่อง ก็ดูจากความสามารถในการหาเงิน การศึกษา ทรรศนคติ
คุณเรียนจบมั้ย หาเงินต่อเดือนได้ขนาดไหน ถ้ามีลูกมีหลานเงินที่คุณหามันพอมั้ย นี่คือสิ่งที่คนในสังคมของผมเค้าดู

พ่อตาแม่ยายผมตอนคุยเรื่องแต่งงานก็คุยเรื่องสินสอด ดูบัญชี ดูหน้าที่การงาน ดูไปถึงว่าตัวผมเองซื้ออะไรไว้บ้าง
คอนโด รถ ที่ผมมีได้มากจากที่บ้านหรือซื้อเอง สุดท้ายคุยจนแต่ง ไม่ขอซักบาท ให้เรือนหอผมมาด้วยหลังนึง

ผมเรียนกรุงเทพอยู่ห้องเช่าตั้งแต่เด็กยันโต มันก็ไม่ใช่ชีวิตที่สบายนักหรอก แต่ผมแสดงให้เห็นหมด ผมตั้งใจเรียน
ตั้งใจที่จะรวย หางานใหม่เงินเดือนสูงเสมอ ถ้าเจอคนขายลูกกินทั้งๆที่ผมแสดงทุกอย่างให้เห็น ผมก็ไม่เอา
แก้ไขล่าสุดโดย Luxxx เมื่อ Mon Jan 08, 2024 03:23, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ผู้ช่วยผู้จัดการทีมชุดใหญ่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Sep 2013
ตอบ: 19488
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 03:25
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
leobeers พิมพ์ว่า:
บางคนก็เหมือนไม่พยายามจะเข้าใจอะไร ในฐานะผมเป็นพ่อของลูกสาว ก็ต้องอยากคุยกับลูกเขยป่ะ ถ้าผมไปบอกลูกเขยว่าหาสินสอดให้ผมหน่อยนะ 1 ล้านบาท แล้วลูกเขยบอกว่าไม่เอาอ่ะ งั้นไม่ต้องแต่งอยู่กันไปแบบนี้แหละถามหน่อยไม่คิดจะมาคุยมาทำความรู้จักหรือประนีประนอมอะไรหน่อยหรอ หรือจะตอบเขาไปว่าถ้าจะพิสูจน์ว่าผมมีเงินเลี้ยงดูลูกท่านไหมดูพอร์ตหรือเงินสดผมไหม เราจะพูดแบบนี้จริงๆ หรอ ในการเข้าหาผู้ใหญ่
ูู็  

ห้ะ งงครับ

จะคุยจะทำความรู้จักก็ทำไปสิครับ ชวนคุยดูนิสัย ดูทัศนคติก็ได้ ใครๆก็ทำกัน ก็เหมือนฝ่ายผู้หญิง เขาก็ไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ฝ่ายชายเหมือนกัน

เกี่ยวอะไรกับเรียกสินสอด ถ้าไม่คุยเรื่องสินสอดนี่ไม่มีอะไรจะคุยกับว่าที่ลูกเขยแล้วเหรอ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออนไลน์
ผู้ช่วยผู้จัดการทีมชุดใหญ่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Sep 2013
ตอบ: 19488
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 03:37
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
Jitpongankapitlu พิมพ์ว่า:
แต่งงานไปถ้าเลิกกันฝ่ายหญิงมีแต่เสีย ยิ่งมีลูกยิ่งเสีย ต้องออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน เห็นหลายคู่ละฝ่ายชายปากดี บอกโชว์ฐานะ โชว์พอร์ต สุดท้ายก็ทิ้งไปมีคนอื่น ผู้หญิงออกจากงานเป็นแม่บ้านเต็มตัว แทบตายทั้งเป็น

ตอนแต่งพ่อแม่แฟนผมไม่เรียกเงิน แต่ผมให้เป็นหลักประกันว่า ในอนาคตถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น แฟนผมยังจะมีอะไรบ้าง ซึ่งสินสอดพ่อแม่เค้าก็ให้แฟนผมเก็บไว้  

เดี๋ยวนี้พ่อเลี้ยงเดี่ยวเยอะแยะไปนะครับ ไม่เกี่ยวแล้วว่าเลิกกันแม่ต้องรับผิดชอบ (ยังไม่นับเรื่องเรียกเงินค่าเลี้ยงดูตามกฏหมาย)

ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบ ถ้าพ่อเป็นคนรับผิดชอบแต่แม่ไม่ใช่ก็เป็นพ่อเลี่ยงเดี่ยว ถ้ากลับกันก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ถ้ารับผิดชอบทั้งคู่ก็จะช่วยกันดูแลในฐานะพ่อแม่ ถ้าไม่รับผิดชอบทั้งคู่ก็ชิบหาย

ถ้าเกิดกรณีที่ผู้หญิงทิ้ง แล้วผู้ชายต้องเลี้ยงลูกคนเดียวขึ้นมา แต่อันนี้ผู้ชายไม่มีสินสอดรีบประกันนะ

มันไม่ได้ตอบคำถามเลยว่าทำไมภาระค่าสินสอดถึงต้องตกเป็นของฝ่ายชายฝ่ายเดียว ในการหามาจ่ายพ่อแม่ฝ่ายหญิง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออนไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Mar 2019
ตอบ: 31685
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 03:47
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
งงเหมือนกันว่าทำไมต้องมีแต่ฝ่ายเจ้าบ่าวที่ต้องแห่ขันหมาก ยกสินสอดไปให้ครอบครัวฝ่ายหญิง ทำไมต้องเป็นเจ้าบ่าวหาเงินไปให้ครอบครัวฝ่ายหญิง บางครอบครัวก็ดีที่ไม่เอา หรือคืนให้

แต่งงตรรกะที่บอกว่าเป็นค่าน้ำนม เป็นค่าเลี้ยงดูที่ครอบครัวฝ่ายหญิงเลี้ยงเจ้าสาวมา

เอ้า ละครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวเขาไม่ต้องเลี้ยงลูกชายเขามาเหมือนกันเรอะ

อันนี้งงจริงนะ คือทั้งสองครอบครัวก็เสียค่าเลี้ยงดู เสียเวลา เสียเงินมาไม่รู้กี่ปีทำให้คนสองคนโตขึ้นมาจนแต่งงานกันได้ แต่ทำไมถึงต้องเป็นฝ่ายชายที่เป็นคนหาเงินไปให้ครอบครัวฝ่ายหญิง

ไม่เคยเข้าใจตรรกะนี้มาตั้งแต่เด็กละ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


FSG จงเจริญ!! FSG จงเจริญ!! FSG จงเจริญ!!
ออฟไลน์
XWB
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 4996
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 04:19
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
อย่างที่ ละคร หลายๆเรื่องบอก มันเป็นประเพณี โบราณ

ชายต้องหาเงิน หญิง ทำงานบ้าน

ทีนี้ บ้านผมขี้งกด้วยอ่ะ ดิ เลยต้องตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ

จนมาได้เมีย ผมบลอนด์ ตาฟ้า

55555555

ตอนนี้ยังไม่แต่งนะ แต่ไม่น่ามีค่าสินสอด แค่มีของโอกาสพิเศษ ให้เมีย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status: It's Complicated
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Feb 2014
ตอบ: 3772
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 04:28
[RE]พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?
leobeers พิมพ์ว่า:
บางคนก็เหมือนไม่พยายามจะเข้าใจอะไร ในฐานะผมเป็นพ่อของลูกสาว ก็ต้องอยากคุยกับลูกเขยป่ะ ถ้าผมไปบอกลูกเขยว่าหาสินสอดให้ผมหน่อยนะ 1 ล้านบาท แล้วลูกเขยบอกว่าไม่เอาอ่ะ งั้นไม่ต้องแต่งอยู่กันไปแบบนี้แหละถามหน่อยไม่คิดจะมาคุยมาทำความรู้จักหรือประนีประนอมอะไรหน่อยหรอ หรือจะตอบเขาไปว่าถ้าจะพิสูจน์ว่าผมมีเงินเลี้ยงดูลูกท่านไหมดูพอร์ตหรือเงินสดผมไหม เราจะพูดแบบนี้จริงๆ หรอ ในการเข้าหาผู้ใหญ่
ูู็  


อยากรู้จักก็ชวนมากินข้าว ไปทำกิจกรรมกันสิครับ

ทำไมต้องเรียกเค้ามาเพื่อให้ท่านสัมภาษณ์ หรือ ตั้งโจทย์ยากๆให้เค้าต้องเข้ามาเจรจาเพื่อพูดคุย

ทำเหมือนพวกรุ่นพี่มหาลัยที่ให้น้องไปล่าลายเซนรุ่นพี่

บอกว่า กิจกรรมเพื่อให้รุ่นพี่รุ่นน้องรู้จักกัน

ถามหน่อย รุ่นน้องอยากรู้จักพวกพี่ๆหรอ ถ้าเค้าอยากรู้จัก เดี๋ยวเค้าก็เข้าไปหาเองครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 641
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 05:18
[RE]พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?
แต่งตอนปี44 บ้านภรรยาคืนครบทุกอย่าง สินสอด เงิน1แสน ทอง 10 บาท เท่านั้น

แต่งที่บ้านภรรยา จัดโต๊ะแบบไทยๆ ประหยัดให้มากที่สุด

โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2023
ตอบ: 5875
ที่อยู่: ไม่บอก
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 05:57
ถูกแบนแล้ว
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
แอนตี้ครับ แต่ส่วนตัวถ้าผมรวยก็ยอมให้สัก 3-4แสน ถือว่าช่วยเหลือไปเพราะทางบ้านแฟนลำบากชอบมาขอเงินแฟนทุกเดือน ให้ไปตั้งตัวละกัน แต่อย่ามายืมบ่อย
แก้ไขล่าสุดโดย puripuri เมื่อ Mon Jan 08, 2024 05:57, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Jun 2010
ตอบ: 8851
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 06:11
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
แนวคิดของ จขกท เอาไว้เพื่อแก้ปัญหาสังคม การแต่งงานน้อย เด็กเกิดน้อย

ส่วนคนที่เห็นด้วยกับการที่ ญ คิดสินสอด ก็เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คุณทำได้ ใช่ว่าคนอื่นจะทำได้ แถมไปเจอ ฝ่าย ญ คิดแต่จะสูบเลือดอีก

ผมบอกเลยถ้าไม่เลิกวัฒนธรรมนี้ ประชากรไทยจะลดลงไปเรื่อยๆ จนเด็กๆ ต้องมาแบกภาระประเทศเลี้ยงดูคนชรา
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

จักรวาลกว้างใหญ่แค่ไหน หากเราอยู่เพียงลำพัง
มันก็เวิ้งว้างว่างเปล่า โดดเดี่ยวเดียวดาย
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Mar 2023
ตอบ: 670
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 06:37
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
ความคิดแบบกะลาแลนด์ที่ว่าพ่อแม่ฝ่าย ญ จะดูว่าจะสามารถเลี้ยงดูลูกเขาได้มั้ย ฉันเลี้ยงลูกสาวเองกับมือ...แล้วพ่อแม่ฝ่ายชายหละ เขาให้ลูกกินหญ้าหน้าบ้านตั้งแต่เล็กจนโตหรอ บางครอบครัวเรียกเงินอย่างบ้าคลั่ง และมันไม่ได้ให้คินทุกครอบครัว ถ้าอยากรู้จริงกางเงินใน บช. ให้ดูเลย แล้วให้เขาเอาเงินนั่นหละไปเลี้ยงดูลูกสาวคุณ ไม่ใช่ไปอยากได้เงินของคนอื่น แล้วมาบอกพิสูจน์ว่าจะเลี้ยงลูกสาวได้ไหม ตลก

ฝ่าย ช บางคนนี่แทบจะหมดตัวเพราะไอค่าสินสอด เงินเก็บทั้งชีวิตต้องเอามาประเคนให้พ่อแม่ฝ่าย ญ เป็นชุดความคิดที่เลอะเทอะมาก อย่ามาทำพูดว่าทำไมไม่พิสูจน์ตัวเอง

เจอมากับตัว เพื่อนสนิทเป็นมนุษย์เงินเดือนประมาน 17 - 18 K ได้แฟนสวยมากและเป็นลูกสาวคนเดียว ครอบครัวฝ่าย ญ เรียกรวม ๆ ที่ 9 แสนเกือบ ๆ 1 ล้าน ชาตินี้คงไม่ต้องแต่งอะ พ่อแม่ฝ่าย ญ ให้เหตุผลว่ามีลูกสาวแค่คนเดียวกลัวลูกสาวจะไปลำบาก และลูกสาวแม่ก็สวยมากด้วย แม่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด

เพื่อนผมมันฟังแล้วแบบ.....อืม มันก็พยามทำทุกอย่างเพื่อบเก็บเงินใว้แต่งงาน แต่ก็ได้แค่หลักแสน ห่างไกลกับ 1 ล้านมาก ซึ่งแฟนมันก็ไม่เห็นด้วยกับพ่อแม่ที่เรียกเยอะขนาดนี้ แต่พ่อแม่ไม่ยอม ก็เลยตกลงกันว่าไม่ต้องแต่งและไม่เลิกกันด้วย คบกันไปแบบนี้แหละ

แฟนเพื่อนผมมันก็ดี๊ ดี แฟนมันพูดมาคำนึงว่าไม่ต้องสนใจนะ เราอยู่กันอย่างนี้ได้ เราแต่งงานเพื่อมาจะเริ่มต้นชีวิตคู่กัน แต่ถ้าต้องเอาเงินเก็บทั้งชีวิตไปให้่บ้านเขาหมด ชีวิตคู่ของเราพังแน่นอน ถ้าพ่อแม่ไม่เปลี่ยนความคิดก็ช่างเขา


ตอนมันเล่าให้ฟังแล้วแบบผมนี่กำหมัดจัด ๆ
แก้ไขล่าสุดโดย ajswarlord เมื่อ Mon Jan 08, 2024 06:38, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel