BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: Francis C.Xavier
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 11219
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 00:55
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
ThisIsMelo พิมพ์ว่า:
กว่าจะได้ยูสมา พิมพ์ว่า:
ขอเล่าในมุมมองของพ่อแม่ฝ่ายหญิง จากประสบการณ์ตรงของผมแล้วกันครับ

ในฐานะที่ตัวผมเองก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ตอนขอแฟนเหมือนกันครับ เตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มมีแผนจะแต่งเลย

เพราะคิดว่ายังไงบ้านแฟนต้องขอให้เราเตรียมเงินมาวางแน่ๆ โดยเหตุผลหลักๆ ที่แฟนผมเล่าให้ฟังคือ

1. บ้านแฟนผมค่อนข้างมีฐานะ เลี้ยงลูกมาไม่เคยลำบาก เค้าอยากรู้ว่าเรามีความสามารถในการดูแลลูกเค้าแค่ไหน เอาตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราบริหารรายได้ของเราอย่างไร

2. สินสอดที่เค้าเรียกให้มาวางนั้น เค้าคืนให้ทุกบาท แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกู้ หรือยืมมาวาง โดยกำหนดขั้นต่ำไว้ แต่สุดท้ายก็เจรจาได้ครับ ถ้าหาไม่ทันจริงๆ

3. ค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ของรับไหว้บางส่วนทางพ่อแม่ฝ่ายผม และฝ่ายแฟนผมช่วยออกด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ภาระไม่ได้มาตกที่ผมมากไปนัก

ตัวผมเองก็ยินยอมที่จะทำตามเงื่อนไขที่เค้าวางไว้ครับ เพราะจากที่คุยกันก็รู้ว่าท่านไม่ได้ต้องการเงินอะไรของเรา แค่อยากให้มั่นใจว่าเราดูแลลูกเค้าได้ แถมตอนหลังก็มีแถมเงินมาให้อีก

ผมคงไม่ได้สรุปว่าทุกครอบครัวจะเป็นแบบครอบครัวแฟนผม แต่ผมคิดว่าบางทีมันก็มีเหตุผลของการเรียกสินสอดครับ ไม่ได้ใช่ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะอยากได้เงินเพียงอย่างเดียว

ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ  

เคสท่านก็อีกเคสครับ อันนี้พอจะพูดได้ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้ต้องการเงิน

แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ คือชีวิตคู่สมัยนี้มันต้องทำงานและบริหารเงินทั้งคู่ถูกมะ ถ้ามีฝ่ายนึงเละเทะก็ลำบากเหมือนกัน สมมุติท่านรับผิดชอบได้ แต่แฟนท่านดันผลาญหมด(ย้ำว่าสมมุติ) แบบนี้มันก็แย่ เหมือนใน SS ที่มีเคสมาเล่าว่าโดนแฟนดูดเป็นปลิง เป็นต้น

แต่ตรรกะสินสอดมันตลกคือส่วนมากแล้วผู้ชายเป็นฝั่งที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่การแต่งงานต้องการความรับผิดชอบจากทั้ง 2 ฝ่าย


ปล. แต่ในความเห็นผมคือ ลูกโตขนาดนี้ หาเงินเองได้แล้ว คิดเองเป็นแล้ว ผมยังมองไม่เห็นว่าพ่อแม่จะสร้างเงื่่อนไขเป็นเม็ดเงินทำไมในการจะให้ลูกแต่งงาน เตือนหรือให้คำปรึกษาก็เพียงพอแล้ว ถ้าเรามีลูกแล้วต้องคำนึงว่าเราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเค้าครับ ถึงจุดนึงรู้จักลดบทบาทตัวเองลงได้แล้ว  


ขออนุญาตแสดงความเห็นหน่อยนะครับ

จากประโยค Comment ที่ว่า "ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ"

อันนี้อ่านแล้ว ผมนับถือความตั้งใจของท่านนะ แต่ผมลองคิดว่า สมมติเป็นกรณีที่ผมรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เขารวยกว่าผมมาก แต่ผมกำลังเพิ่งสร้างเนื้่อสร้างตัว วัย 30 ปี ครอบครัวผมไม่รวย ผมทำงานกินเงินเดือนระดับค่าเฉลี่ย เงินเก็บเผลอๆแค่หลักแสนบาทก็เก่งมากแล้ว หนักกว่านั้นอาจจะมีแค่บ้านที่กำลังผ่อน หรือคอนโดที่ได้แต่เช่าอยู่

... ซึ่งในทางปฏิบัติ คิดว่าผมต้องใช้เวลากี่ปีเพื่อเก็บเงินไปเป็นสินสอดให้เขาซัก 1 ล้านบาทครับ
สมมติผมต้องใช้เวลา 5 ปี ถ้าฝ่ายหญิง (แฟนเรา) อายุประมาณเรา
เท่ากับว่า เขาต้องรอเราเป็นเวลา 5 ปีจนเขาอายุ 35 เลยใช่ไหมกว่าผมจะมีความเหมาะสมที่จะดูแลเขาได้
คำถามคือเขาจะรอได้ไหม หรือผมจะถูกประเมินเลยว่า ไม่เหมาะจะดูแลให้ลูกสาวเขาสบายได้ และต้องเลิกรากันไป

เอาง่ายๆคือถ้ามองในมุมของท่านที่ผม Quote มา
ผมไม่ได้ว่าท่านคิดผิดนะ แต่วิธีคิดแบบนี้เท่ากับว่า ผมแต่งงานได้กับเฉพาะคนที่ฐานะใกล้เคียงกันมากๆเท่านั้นเลยนะครับ เพราะพอไปแต่งกับสาวที่บ้านรวยกว่า แล้วถ้าผมไม่สามารถยกระดับฐานะตัวเองขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับว่า ผมสอบตก โดนประเมินว่าเป็นคนที่ไม่สามารถดูแลลูกสาวเขาได้เลยงั้น
ทั้งๆที่ผมก็อาจจะเป็นคนที่ทำมาหากินสุจริต ไม่ขี้เกียจ รักจริง ซื่อสัตย์ และอื่นๆ แต่ผมเพียงแค่หาเงินได้่ไม่เท่าระดับที่เขา (และครอบครัวเขา) หาได้

---------------------------------------------------

สำหรับประโยคของท่าน ThisIsMelo

"แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ"

อันนี้ผมเห็นด้วยนะว่า ทำไมมองแต่ในมุมที่ผู้ชายต้องพิสูจน์ตัวเองเรื่องการหาเงิน การสร้างเนื้อสร้างตัว แล้วฝ่ายหญิงหล่ะ ไม่มีส่วนรับผิดชอบตรงนี้หรอ?

คือผมมองว่า ถ้าแต่งงานกัน มันก็สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะร่วมกันไปก็ได้ไม่ใช่หรอ
การที่ฝ่ายชายต้องเอาสินสอดมาวาง เพื่อจะพิสูจน์อะไรก็แล้วแต่
มันเหมือนยังอิงกับแนวคิดว่า ฝ่ายชายต้องรับภาระเลี้ยงดูฝ่ายหญิง
(ก็เหมือนที่ยูสท่าน ThisIsMelo กล่าวไว้อ่ะ คือแล้วทำไมกลายเป็นแค่ฝ่ายชายต้องพิสูจน์?)
ต้องพร้อมมากมาแล้วทางด้านการเงินเพื่อให้ฝ่ายหญิงสบายไรงี้ ทั้งๆที่ชีวิตคู่มันก็รับผิดชอบร่วมกันสองฝ่าย

ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1199
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 00:56
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
ยักษ์เดนส์ พิมพ์ว่า:
แล้วทำไมผู้หญิงไม่ต้องเก็บเงินเพื่อพิสูจน์บ้างล่ะ
ว่าสามารถดูแลผู้ชายได้ไหม

สรุปชีวิตคูืคือ คนสองคนดูแลกัน
หรือผู้ชายต้องดูแลฝ่ายหญิงอยู่ข้างเดียว

พ่อแม่ผมก็เลี้ยงผมมาไม่เคยลำบาก
แต่กลับต้องมาลำบากเก็บเงินพิสูจน์เพื่อพ่อแม่คนอื่น

ตรรกะที่งงไม่หาย ใครมาตอบก็ไม่เคยเจอคำตอบที่เคลียร์สักที  


แล้วทำไมท่านไม่พิสูจน์เองหละครับ ความสามารถในการเก็บเงินของแฟน ทำไมต้องรอประเพณี

มันไม่มี ไม่ใช่ทำไม่ได้หนิครับ

เช่นเดียวกัน ประเพณีมันมี ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกคนเหมือนกัน

อีกอย่างการเก็บเงินสักก้อนเนี่ย ถ้าท่านบอกว่ามันลำบาก ผมว่าอนาคตชีวิตคู่ท่านมีปัญหาแน่ๆ ครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Once Blue.... Always Blue.... <3
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Aug 2021
ตอบ: 638
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 00:57
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
สนับสนุนครับ และมันจะมีพวกตรรกะ

Loser บ้าง ไม่มีเงินแลิวจะดูแลได้ไงบ้าง

โคตรลำคาน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวโอลิมปิก
Status: You ain't ever gonna burn my heart out.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 25304
ที่อยู่: Mothership CAMP NOU
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:04
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
คือถ้าอยากเห็นว่ามีเงินเก็บรึเปล่า และคิดว่าจะไม่เอาจริงๆ

บอกตรงๆเลย เดี๋ยวเปิดสมุดบัญชี เปิดพอร์ตให้ดูเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Aug 2021
ตอบ: 1517
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:05
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
คู่รัก90%มันก็ต้องทำงานหาเงินทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชายแล้วค่อยมาแบ่งเบาภาระในครอบครัวกัน บางบ้านที่ไม่ได้มีลูกหรือมีภาระยังต่างคนต่างหาต่างใช้เลย แล้วทำไมต้องมาพิสูจน์ว่าฝ่ายชายสามารถเลี้ยงดูฝ่ายหญิงได้ไหม ทัังๆที่การแต่งงานก็เป็นเพียง พิธีการพิธีหนึ่งเท่านั้นหลังจากแต่งงานทั้งคู่ก็กลับไปใช้ชีวิตปกติ ต่างคนต่างทำงานหาเงินเหมือนเดิม เอาจริงๆนะคนจะใช้ชีวิตร่วมกันมันควรแบ่งเบาซึ่งกันและกันเพื่อให้ประคองชีวิตไปได้อย่างราบลื่นด้วยซ้ำ ถ้าคิดจะมีสินสอดก็ควรมีทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชาย ถ้าจะไม่มีก็ไม่ต้องมีทั้ง2ฝ่ายเลย การจัดงานแต่งมันก็ควรจะแบ่งกันคนละครึ่งเลยด้วยซ้ำมันถึงเรียกการประคองชีวิตเกื้อกุลซึ่งกันและกัน

ไอขนบทำเนียมปัญญาอ่อนเนี่ยมันควรเลิกใช้ตั้งแต่หมดยุค ชายเป็นนายหญิวเป็นบ่าวแล้วเพราะมันไม่ใช่สมัยที่ผู้ชายต้องเลี้ยงดูฝ่ายหญิงแล้ว ยุคสมัยปัจจุบันมันต้องช่วยกันทำมาหากินเพื่อประคอวชีวิตต่างหาก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1199
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:06
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
ThisIsMelo พิมพ์ว่า:
กว่าจะได้ยูสมา พิมพ์ว่า:
ขอเล่าในมุมมองของพ่อแม่ฝ่ายหญิง จากประสบการณ์ตรงของผมแล้วกันครับ

ในฐานะที่ตัวผมเองก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ตอนขอแฟนเหมือนกันครับ เตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มมีแผนจะแต่งเลย

เพราะคิดว่ายังไงบ้านแฟนต้องขอให้เราเตรียมเงินมาวางแน่ๆ โดยเหตุผลหลักๆ ที่แฟนผมเล่าให้ฟังคือ

1. บ้านแฟนผมค่อนข้างมีฐานะ เลี้ยงลูกมาไม่เคยลำบาก เค้าอยากรู้ว่าเรามีความสามารถในการดูแลลูกเค้าแค่ไหน เอาตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราบริหารรายได้ของเราอย่างไร

2. สินสอดที่เค้าเรียกให้มาวางนั้น เค้าคืนให้ทุกบาท แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกู้ หรือยืมมาวาง โดยกำหนดขั้นต่ำไว้ แต่สุดท้ายก็เจรจาได้ครับ ถ้าหาไม่ทันจริงๆ

3. ค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ของรับไหว้บางส่วนทางพ่อแม่ฝ่ายผม และฝ่ายแฟนผมช่วยออกด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ภาระไม่ได้มาตกที่ผมมากไปนัก

ตัวผมเองก็ยินยอมที่จะทำตามเงื่อนไขที่เค้าวางไว้ครับ เพราะจากที่คุยกันก็รู้ว่าท่านไม่ได้ต้องการเงินอะไรของเรา แค่อยากให้มั่นใจว่าเราดูแลลูกเค้าได้ แถมตอนหลังก็มีแถมเงินมาให้อีก

ผมคงไม่ได้สรุปว่าทุกครอบครัวจะเป็นแบบครอบครัวแฟนผม แต่ผมคิดว่าบางทีมันก็มีเหตุผลของการเรียกสินสอดครับ ไม่ได้ใช่ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะอยากได้เงินเพียงอย่างเดียว

ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ  

เคสท่านก็อีกเคสครับ อันนี้พอจะพูดได้ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้ต้องการเงิน

แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ คือชีวิตคู่สมัยนี้มันต้องทำงานและบริหารเงินทั้งคู่ถูกมะ ถ้ามีฝ่ายนึงเละเทะก็ลำบากเหมือนกัน สมมุติท่านรับผิดชอบได้ แต่แฟนท่านดันผลาญหมด(ย้ำว่าสมมุติ) แบบนี้มันก็แย่ เหมือนใน SS ที่มีเคสมาเล่าว่าโดนแฟนดูดเป็นปลิง เป็นต้น

แต่ตรรกะสินสอดมันตลกคือส่วนมากแล้วผู้ชายเป็นฝั่งที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่การแต่งงานต้องการความรับผิดชอบจากทั้ง 2 ฝ่าย


ปล. แต่ในความเห็นผมคือ ลูกโตขนาดนี้ หาเงินเองได้แล้ว คิดเองเป็นแล้ว ผมยังมองไม่เห็นว่าพ่อแม่จะสร้างเงื่่อนไขเป็นเม็ดเงินทำไมในการจะให้ลูกแต่งงาน เตือนหรือให้คำปรึกษาก็เพียงพอแล้ว ถ้าเรามีลูกแล้วต้องคำนึงว่าเราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเค้าครับ ถึงจุดนึงรู้จักลดบทบาทตัวเองลงได้แล้ว  


ขออนุญาตแสดงความเห็นหน่อยนะครับ

จากประโยค Comment ที่ว่า "ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ"

อันนี้อ่านแล้ว ผมนับถือความตั้งใจของท่านนะ แต่ผมลองคิดว่า สมมติเป็นกรณีที่ผมรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เขารวยกว่าผมมาก แต่ผมกำลังเพิ่งสร้างเนื้่อสร้างตัว วัย 30 ปี ครอบครัวผมไม่รวย ผมทำงานกินเงินเดือนระดับค่าเฉลี่ย เงินเก็บเผลอๆแค่หลักแสนบาทก็เก่งมากแล้ว หนักกว่านั้นอาจจะมีแค่บ้านที่กำลังผ่อน หรือคอนโดที่ได้แต่เช่าอยู่

... ซึ่งในทางปฏิบัติ คิดว่าผมต้องใช้เวลากี่ปีเพื่อเก็บเงินไปเป็นสินสอดให้เขาซัก 1 ล้านบาทครับ
สมมติผมต้องใช้เวลา 5 ปี ถ้าฝ่ายหญิง (แฟนเรา) อายุประมาณเรา
เท่ากับว่า เขาต้องรอเราเป็นเวลา 5 ปีจนเขาอายุ 35 เลยใช่ไหมกว่าผมจะมีความเหมาะสมที่จะดูแลเขาได้
คำถามคือเขาจะรอได้ไหม หรือผมจะถูกประเมินเลยว่า ไม่เหมาะจะดูแลให้ลูกสาวเขาสบายได้ และต้องเลิกรากันไป

เอาง่ายๆคือถ้ามองในมุมของท่านที่ผม Quote มา
ผมไม่ได้ว่าท่านคิดผิดนะ แต่วิธีคิดแบบนี้เท่ากับว่า ผมแต่งงานได้กับเฉพาะคนที่ฐานะใกล้เคียงกันมากๆเท่านั้นเลยนะครับ เพราะพอไปแต่งกับสาวที่บ้านรวยกว่า แล้วถ้าผมไม่สามารถยกระดับฐานะตัวเองขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับว่า ผมสอบตก โดนประเมินว่าเป็นคนที่ไม่สามารถดูแลลูกสาวเขาได้เลยงั้น
ทั้งๆที่ผมก็อาจจะเป็นคนที่ทำมาหากินสุจริต ไม่ขี้เกียจ รักจริง ซื่อสัตย์ และอื่นๆ แต่ผมเพียงแค่หาเงินได้่ไม่เท่าระดับที่เขา (และครอบครัวเขา) หาได้

---------------------------------------------------

สำหรับประโยคของท่าน ThisIsMelo

"แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ"

อันนี้ผมเห็นด้วยนะว่า ทำไมมองแต่ในมุมที่ผู้ชายต้องพิสูจน์ตัวเองเรื่องการหาเงิน การสร้างเนื้อสร้างตัว แล้วฝ่ายหญิงหล่ะ ไม่มีส่วนรับผิดชอบตรงนี้หรอ?

คือผมมองว่า ถ้าแต่งงานกัน มันก็สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะร่วมกันไปก็ได้ไม่ใช่หรอ
การที่ฝ่ายชายต้องเอาสินสอดมาวาง เพื่อจะพิสูจน์อะไรก็แล้วแต่
มันเหมือนยังอิงกับแนวคิดว่า ฝ่ายชายต้องรับภาระเลี้ยงดูฝ่ายหญิง
(ก็เหมือนที่ยูสท่าน ThisIsMelo กล่าวไว้อ่ะ คือแล้วทำไมกลายเป็นแค่ฝ่ายชายต้องพิสูจน์?)
ต้องพร้อมมากมาแล้วทางด้านการเงินเพื่อให้ฝ่ายหญิงสบายไรงี้ ทั้งๆที่ชีวิตคู่มันก็รับผิดชอบร่วมกันสองฝ่าย
 
 


ขออนุญาตถกทีละเรื่องนะครับ

1.ปัญหาเรื่องการคบแฟนต่างฐานะนี่บอกเลยว่าสินสอดเป็นแค่ประตูบานแรกที่ท่านต้องเจอครับ ถึงท่านไม่เจอเรื่องสินสอด ต่อไปท่านก็จะเจอเรื่องรสนิยม ความสามารถ การเป็นหัวหน้าครอบครัว คำพูดจากคนรอบข้าง ปัญหาอีกล้านแปดครับ สินสอดเลยเป็นเรื่องเล็กเลยครับ

ทีนี้ถ้าเรากำลังสร้างตัว และลงมือทำอยู่จริงๆ ผมว่าคนที่จะช่วยท่านในการพูดคุยเรื่องสินสอดก็คือแฟนท่านนี่แหละ ถ้าเราลงมือทำให้เห็น แฟนเรารักเราจริงๆ ยังไงเรื่องนี้ผมว่าไม่น่าจะยากนะครับ แต่ถ้ามันยากผมแนะนำให้ถอยดีกว่า แสดงว่าเราไปกับครอบครัวนี้ไม่ได้แน่ๆ ครับ

2. อย่างที่ผมตอบไปกับท่าน ThisIsMelo หน้าที่ผู้หญิงต้องพิสูจน์แน่ครับ ตัวท่านเองนี่แหละที่เป็นคนตัดสินตั้งแต่ก่อนจะขอเค้าแต่งงานอีก

3. เรื่องฝ่ายหญิงสบายนี่แล้วแต่คู่จริงๆ ครับ ผมคงไม่ตัดสินคนอื่น พอดีผมเองหลังจากแต่งงานก็ได้แฟนผมช่วยเรื่องธุรกิจหลายๆ เรื่อง ครอบครัวแฟนผมก็ช่วยผมหลายๆ เรื่องเหมือนกัน ดังนั้น สรุปคือ มันขึ้นอยู่กับคนสองคนจริงๆ ครับ ว่าสินสอดเนี่ยมันจำเป็นไหม และท่านพร้อมที่จะทำไหม
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Once Blue.... Always Blue.... <3
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Sep 2023
ตอบ: 2496
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:29
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
แต่งงานไปถ้าเลิกกันฝ่ายหญิงมีแต่เสีย ยิ่งมีลูกยิ่งเสีย ต้องออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน เห็นหลายคู่ละฝ่ายชายปากดี บอกโชว์ฐานะ โชว์พอร์ต สุดท้ายก็ทิ้งไปมีคนอื่น ผู้หญิงออกจากงานเป็นแม่บ้านเต็มตัว แทบตายทั้งเป็น

ตอนแต่งพ่อแม่แฟนผมไม่เรียกเงิน แต่ผมให้เป็นหลักประกันว่า ในอนาคตถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น แฟนผมยังจะมีอะไรบ้าง ซึ่งสินสอดพ่อแม่เค้าก็ให้แฟนผมเก็บไว้
แก้ไขล่าสุดโดย Jitpongankapitlu เมื่อ Mon Jan 08, 2024 01:30, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


BVB
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: Francis C.Xavier
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 11219
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:30
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
กว่าจะได้ยูสมา พิมพ์ว่า:
Spoil
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
ThisIsMelo พิมพ์ว่า:
กว่าจะได้ยูสมา พิมพ์ว่า:
ขอเล่าในมุมมองของพ่อแม่ฝ่ายหญิง จากประสบการณ์ตรงของผมแล้วกันครับ

ในฐานะที่ตัวผมเองก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ตอนขอแฟนเหมือนกันครับ เตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มมีแผนจะแต่งเลย

เพราะคิดว่ายังไงบ้านแฟนต้องขอให้เราเตรียมเงินมาวางแน่ๆ โดยเหตุผลหลักๆ ที่แฟนผมเล่าให้ฟังคือ

1. บ้านแฟนผมค่อนข้างมีฐานะ เลี้ยงลูกมาไม่เคยลำบาก เค้าอยากรู้ว่าเรามีความสามารถในการดูแลลูกเค้าแค่ไหน เอาตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราบริหารรายได้ของเราอย่างไร

2. สินสอดที่เค้าเรียกให้มาวางนั้น เค้าคืนให้ทุกบาท แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกู้ หรือยืมมาวาง โดยกำหนดขั้นต่ำไว้ แต่สุดท้ายก็เจรจาได้ครับ ถ้าหาไม่ทันจริงๆ

3. ค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ของรับไหว้บางส่วนทางพ่อแม่ฝ่ายผม และฝ่ายแฟนผมช่วยออกด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ภาระไม่ได้มาตกที่ผมมากไปนัก

ตัวผมเองก็ยินยอมที่จะทำตามเงื่อนไขที่เค้าวางไว้ครับ เพราะจากที่คุยกันก็รู้ว่าท่านไม่ได้ต้องการเงินอะไรของเรา แค่อยากให้มั่นใจว่าเราดูแลลูกเค้าได้ แถมตอนหลังก็มีแถมเงินมาให้อีก

ผมคงไม่ได้สรุปว่าทุกครอบครัวจะเป็นแบบครอบครัวแฟนผม แต่ผมคิดว่าบางทีมันก็มีเหตุผลของการเรียกสินสอดครับ ไม่ได้ใช่ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะอยากได้เงินเพียงอย่างเดียว

ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ  

เคสท่านก็อีกเคสครับ อันนี้พอจะพูดได้ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้ต้องการเงิน

แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ คือชีวิตคู่สมัยนี้มันต้องทำงานและบริหารเงินทั้งคู่ถูกมะ ถ้ามีฝ่ายนึงเละเทะก็ลำบากเหมือนกัน สมมุติท่านรับผิดชอบได้ แต่แฟนท่านดันผลาญหมด(ย้ำว่าสมมุติ) แบบนี้มันก็แย่ เหมือนใน SS ที่มีเคสมาเล่าว่าโดนแฟนดูดเป็นปลิง เป็นต้น

แต่ตรรกะสินสอดมันตลกคือส่วนมากแล้วผู้ชายเป็นฝั่งที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่การแต่งงานต้องการความรับผิดชอบจากทั้ง 2 ฝ่าย


ปล. แต่ในความเห็นผมคือ ลูกโตขนาดนี้ หาเงินเองได้แล้ว คิดเองเป็นแล้ว ผมยังมองไม่เห็นว่าพ่อแม่จะสร้างเงื่่อนไขเป็นเม็ดเงินทำไมในการจะให้ลูกแต่งงาน เตือนหรือให้คำปรึกษาก็เพียงพอแล้ว ถ้าเรามีลูกแล้วต้องคำนึงว่าเราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเค้าครับ ถึงจุดนึงรู้จักลดบทบาทตัวเองลงได้แล้ว  


ขออนุญาตแสดงความเห็นหน่อยนะครับ

จากประโยค Comment ที่ว่า "ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ"

อันนี้อ่านแล้ว ผมนับถือความตั้งใจของท่านนะ แต่ผมลองคิดว่า สมมติเป็นกรณีที่ผมรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เขารวยกว่าผมมาก แต่ผมกำลังเพิ่งสร้างเนื้่อสร้างตัว วัย 30 ปี ครอบครัวผมไม่รวย ผมทำงานกินเงินเดือนระดับค่าเฉลี่ย เงินเก็บเผลอๆแค่หลักแสนบาทก็เก่งมากแล้ว หนักกว่านั้นอาจจะมีแค่บ้านที่กำลังผ่อน หรือคอนโดที่ได้แต่เช่าอยู่

... ซึ่งในทางปฏิบัติ คิดว่าผมต้องใช้เวลากี่ปีเพื่อเก็บเงินไปเป็นสินสอดให้เขาซัก 1 ล้านบาทครับ
สมมติผมต้องใช้เวลา 5 ปี ถ้าฝ่ายหญิง (แฟนเรา) อายุประมาณเรา
เท่ากับว่า เขาต้องรอเราเป็นเวลา 5 ปีจนเขาอายุ 35 เลยใช่ไหมกว่าผมจะมีความเหมาะสมที่จะดูแลเขาได้
คำถามคือเขาจะรอได้ไหม หรือผมจะถูกประเมินเลยว่า ไม่เหมาะจะดูแลให้ลูกสาวเขาสบายได้ และต้องเลิกรากันไป

เอาง่ายๆคือถ้ามองในมุมของท่านที่ผม Quote มา
ผมไม่ได้ว่าท่านคิดผิดนะ แต่วิธีคิดแบบนี้เท่ากับว่า ผมแต่งงานได้กับเฉพาะคนที่ฐานะใกล้เคียงกันมากๆเท่านั้นเลยนะครับ เพราะพอไปแต่งกับสาวที่บ้านรวยกว่า แล้วถ้าผมไม่สามารถยกระดับฐานะตัวเองขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับว่า ผมสอบตก โดนประเมินว่าเป็นคนที่ไม่สามารถดูแลลูกสาวเขาได้เลยงั้น
ทั้งๆที่ผมก็อาจจะเป็นคนที่ทำมาหากินสุจริต ไม่ขี้เกียจ รักจริง ซื่อสัตย์ และอื่นๆ แต่ผมเพียงแค่หาเงินได้่ไม่เท่าระดับที่เขา (และครอบครัวเขา) หาได้

---------------------------------------------------

สำหรับประโยคของท่าน ThisIsMelo

"แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ"

อันนี้ผมเห็นด้วยนะว่า ทำไมมองแต่ในมุมที่ผู้ชายต้องพิสูจน์ตัวเองเรื่องการหาเงิน การสร้างเนื้อสร้างตัว แล้วฝ่ายหญิงหล่ะ ไม่มีส่วนรับผิดชอบตรงนี้หรอ?

คือผมมองว่า ถ้าแต่งงานกัน มันก็สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะร่วมกันไปก็ได้ไม่ใช่หรอ
การที่ฝ่ายชายต้องเอาสินสอดมาวาง เพื่อจะพิสูจน์อะไรก็แล้วแต่
มันเหมือนยังอิงกับแนวคิดว่า ฝ่ายชายต้องรับภาระเลี้ยงดูฝ่ายหญิง
(ก็เหมือนที่ยูสท่าน ThisIsMelo กล่าวไว้อ่ะ คือแล้วทำไมกลายเป็นแค่ฝ่ายชายต้องพิสูจน์?)
ต้องพร้อมมากมาแล้วทางด้านการเงินเพื่อให้ฝ่ายหญิงสบายไรงี้ ทั้งๆที่ชีวิตคู่มันก็รับผิดชอบร่วมกันสองฝ่าย
 
 


ขออนุญาตถกทีละเรื่องนะครับ

1.ปัญหาเรื่องการคบแฟนต่างฐานะนี่บอกเลยว่าสินสอดเป็นแค่ประตูบานแรกที่ท่านต้องเจอครับ ถึงท่านไม่เจอเรื่องสินสอด ต่อไปท่านก็จะเจอเรื่องรสนิยม ความสามารถ การเป็นหัวหน้าครอบครัว คำพูดจากคนรอบข้าง ปัญหาอีกล้านแปดครับ สินสอดเลยเป็นเรื่องเล็กเลยครับ

ทีนี้ถ้าเรากำลังสร้างตัว และลงมือทำอยู่จริงๆ ผมว่าคนที่จะช่วยท่านในการพูดคุยเรื่องสินสอดก็คือแฟนท่านนี่แหละ ถ้าเราลงมือทำให้เห็น แฟนเรารักเราจริงๆ ยังไงเรื่องนี้ผมว่าไม่น่าจะยากนะครับ แต่ถ้ามันยากผมแนะนำให้ถอยดีกว่า แสดงว่าเราไปกับครอบครัวนี้ไม่ได้แน่ๆ ครับ

2. อย่างที่ผมตอบไปกับท่าน ThisIsMelo หน้าที่ผู้หญิงต้องพิสูจน์แน่ครับ ตัวท่านเองนี่แหละที่เป็นคนตัดสินตั้งแต่ก่อนจะขอเค้าแต่งงานอีก

3. เรื่องฝ่ายหญิงสบายนี่แล้วแต่คู่จริงๆ ครับ ผมคงไม่ตัดสินคนอื่น พอดีผมเองหลังจากแต่งงานก็ได้แฟนผมช่วยเรื่องธุรกิจหลายๆ เรื่อง ครอบครัวแฟนผมก็ช่วยผมหลายๆ เรื่องเหมือนกัน ดังนั้น สรุปคือ มันขึ้นอยู่กับคนสองคนจริงๆ ครับ ว่าสินสอดเนี่ยมันจำเป็นไหม และท่านพร้อมที่จะทำไหม  


ข้อ 1 : ผมเห็นด้วยกับท่านนะ ถ้าฐานะต่างกัน มันคงจะเกิดความยากลำบากด้านอื่นๆแบบที่ท่านว่ามา
ยิ่งกับเฉพาะกับสังคมไทย แต่ปัจจัยอื่นๆพวกนั้น มันขัดขวางการแต่งงานไม่ได้ไงครับท่าน
มันเป็นเรื่องหลังจากที่ชายหญิงที่ฐานะต่างกันอาจจะเผชิญหลังจากใช้ชีวิตคู่ที่ผ่านการแต่งงานไปแล้ว
มันเป็นเรื่องภายหลัง เป็นอีกประเด็นหนึ่งไป

แต่สินสอดมันเป็นตัวที่ขวางไม่ให้เกิดการแต่งงานขึ้นได้ครับ ซึ่งผมยังมองว่ามันไม่ควรมีเงื่อนไขนี้

-----------------------------------------------------------------------

ข้อ 2 : ที่ท่านบอกว่า ผู้หญิงก็พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว โดยผ่านการตัดสินจากเรา
งั้นในมุมกลับ เราเองก็พิสูจน์ตัวเองมาแล้วเหมือนกันหนิครับ ผู้หญิงเขาถึงตกลงจะแต่งงานกับเรา
แล้วทำไมเราที่เป็นฝ่ายชาย ยังต้องมีการพิสูจน์ตัวเองเรื่องสินสอดเพิ่มเข้ามาอีก?
ก็วนกลับไปที่คำถามจากท่าน ThisIsMelo เหมือนเดิม
คือ แล้วทำไมผู้หญิงไม่พิสูจน์เรื่องสินสอดเหมือนที่ผู้ชายต้องพิสูจน์ตัวเองหล่ะถ้างั้น

โดยสรุป คือ การพิสูจน์ตัวเองของฝ่ายชายหญิง มันเกิดขึ้นจากกระบวนการคบหา การมีความสัมพันธ์คบหาดูใจมาแล้ว ซึ่งถ้าใช้หลักคิดว่า ต้องมีสินสอดเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควร
ผมก็ยังไม่เข้าใจว่า แล้วทำไมภาระการพิสูจน์ตัวเองด้านสินสอดถึงตกเป็นภาระของฝ่ายชายฝ่ายเดียว
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Jul 2009
ตอบ: 864
ที่อยู่: Habitia Orbit
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:38
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
บางคนก็เหมือนไม่พยายามจะเข้าใจอะไร ในฐานะผมเป็นพ่อของลูกสาว ก็ต้องอยากคุยกับลูกเขยป่ะ ถ้าผมไปบอกลูกเขยว่าหาสินสอดให้ผมหน่อยนะ 1 ล้านบาท แล้วลูกเขยบอกว่าไม่เอาอ่ะ งั้นไม่ต้องแต่งอยู่กันไปแบบนี้แหละถามหน่อยไม่คิดจะมาคุยมาทำความรู้จักหรือประนีประนอมอะไรหน่อยหรอ หรือจะตอบเขาไปว่าถ้าจะพิสูจน์ว่าผมมีเงินเลี้ยงดูลูกท่านไหมดูพอร์ตหรือเงินสดผมไหม เราจะพูดแบบนี้จริงๆ หรอ ในการเข้าหาผู้ใหญ่
ูู็
5
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1947
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:43
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
เคยเจอแม่แฟนเก่า เรียก 5 ล้านเหมือนกัน บอกเดี๋ยวจบโท จะเรียก 8 ล้าน ไม่พอต้องเอาเงินให้ที่บ้านเค้าอีก 2-3 หมื่นต่อเดือน ยิ่งกว่าขายลูกกินอีก แล้วบอกรู้จักกับเศรษฐีในจังหวัด ว่าจะไปติดต่อขอให้เค้ามาขอแต่งงาน ผมได้ยินแบบดีแล้วที่เลิกกัน ยิ่งกว่าขอทาน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 11528
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:45
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
ThisIsMelo พิมพ์ว่า:
กว่าจะได้ยูสมา พิมพ์ว่า:
ขอเล่าในมุมมองของพ่อแม่ฝ่ายหญิง จากประสบการณ์ตรงของผมแล้วกันครับ

ในฐานะที่ตัวผมเองก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ตอนขอแฟนเหมือนกันครับ เตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มมีแผนจะแต่งเลย

เพราะคิดว่ายังไงบ้านแฟนต้องขอให้เราเตรียมเงินมาวางแน่ๆ โดยเหตุผลหลักๆ ที่แฟนผมเล่าให้ฟังคือ

1. บ้านแฟนผมค่อนข้างมีฐานะ เลี้ยงลูกมาไม่เคยลำบาก เค้าอยากรู้ว่าเรามีความสามารถในการดูแลลูกเค้าแค่ไหน เอาตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราบริหารรายได้ของเราอย่างไร

2. สินสอดที่เค้าเรียกให้มาวางนั้น เค้าคืนให้ทุกบาท แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกู้ หรือยืมมาวาง โดยกำหนดขั้นต่ำไว้ แต่สุดท้ายก็เจรจาได้ครับ ถ้าหาไม่ทันจริงๆ

3. ค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ของรับไหว้บางส่วนทางพ่อแม่ฝ่ายผม และฝ่ายแฟนผมช่วยออกด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ภาระไม่ได้มาตกที่ผมมากไปนัก

ตัวผมเองก็ยินยอมที่จะทำตามเงื่อนไขที่เค้าวางไว้ครับ เพราะจากที่คุยกันก็รู้ว่าท่านไม่ได้ต้องการเงินอะไรของเรา แค่อยากให้มั่นใจว่าเราดูแลลูกเค้าได้ แถมตอนหลังก็มีแถมเงินมาให้อีก

ผมคงไม่ได้สรุปว่าทุกครอบครัวจะเป็นแบบครอบครัวแฟนผม แต่ผมคิดว่าบางทีมันก็มีเหตุผลของการเรียกสินสอดครับ ไม่ได้ใช่ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะอยากได้เงินเพียงอย่างเดียว

ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ  

เคสท่านก็อีกเคสครับ อันนี้พอจะพูดได้ว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้ต้องการเงิน

แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ คือชีวิตคู่สมัยนี้มันต้องทำงานและบริหารเงินทั้งคู่ถูกมะ ถ้ามีฝ่ายนึงเละเทะก็ลำบากเหมือนกัน สมมุติท่านรับผิดชอบได้ แต่แฟนท่านดันผลาญหมด(ย้ำว่าสมมุติ) แบบนี้มันก็แย่ เหมือนใน SS ที่มีเคสมาเล่าว่าโดนแฟนดูดเป็นปลิง เป็นต้น

แต่ตรรกะสินสอดมันตลกคือส่วนมากแล้วผู้ชายเป็นฝั่งที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่การแต่งงานต้องการความรับผิดชอบจากทั้ง 2 ฝ่าย


ปล. แต่ในความเห็นผมคือ ลูกโตขนาดนี้ หาเงินเองได้แล้ว คิดเองเป็นแล้ว ผมยังมองไม่เห็นว่าพ่อแม่จะสร้างเงื่่อนไขเป็นเม็ดเงินทำไมในการจะให้ลูกแต่งงาน เตือนหรือให้คำปรึกษาก็เพียงพอแล้ว ถ้าเรามีลูกแล้วต้องคำนึงว่าเราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเค้าครับ ถึงจุดนึงรู้จักลดบทบาทตัวเองลงได้แล้ว  


ขออนุญาตแสดงความเห็นหน่อยนะครับ

จากประโยค Comment ที่ว่า "ในฐานะผู้ช่าย ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับใคร ผมก็อยากที่จะพิสูจน์ตัวเองในการเก็บเงิน สร้างฐานะเหมือนกันครับ ถ้ารักเค้า แต่เราไม่มีปัญญาเก็บเงินสร้างตัวเนี่ย ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไร ผมว่าฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ"

อันนี้อ่านแล้ว ผมนับถือความตั้งใจของท่านนะ แต่ผมลองคิดว่า สมมติเป็นกรณีที่ผมรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เขารวยกว่าผมมาก แต่ผมกำลังเพิ่งสร้างเนื้่อสร้างตัว วัย 30 ปี ครอบครัวผมไม่รวย ผมทำงานกินเงินเดือนระดับค่าเฉลี่ย เงินเก็บเผลอๆแค่หลักแสนบาทก็เก่งมากแล้ว หนักกว่านั้นอาจจะมีแค่บ้านที่กำลังผ่อน หรือคอนโดที่ได้แต่เช่าอยู่

... ซึ่งในทางปฏิบัติ คิดว่าผมต้องใช้เวลากี่ปีเพื่อเก็บเงินไปเป็นสินสอดให้เขาซัก 1 ล้านบาทครับ
สมมติผมต้องใช้เวลา 5 ปี ถ้าฝ่ายหญิง (แฟนเรา) อายุประมาณเรา
เท่ากับว่า เขาต้องรอเราเป็นเวลา 5 ปีจนเขาอายุ 35 เลยใช่ไหมกว่าผมจะมีความเหมาะสมที่จะดูแลเขาได้
คำถามคือเขาจะรอได้ไหม หรือผมจะถูกประเมินเลยว่า ไม่เหมาะจะดูแลให้ลูกสาวเขาสบายได้ และต้องเลิกรากันไป

เอาง่ายๆคือถ้ามองในมุมของท่านที่ผม Quote มา
ผมไม่ได้ว่าท่านคิดผิดนะ แต่วิธีคิดแบบนี้เท่ากับว่า ผมแต่งงานได้กับเฉพาะคนที่ฐานะใกล้เคียงกันมากๆเท่านั้นเลยนะครับ เพราะพอไปแต่งกับสาวที่บ้านรวยกว่า แล้วถ้าผมไม่สามารถยกระดับฐานะตัวเองขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับว่า ผมสอบตก โดนประเมินว่าเป็นคนที่ไม่สามารถดูแลลูกสาวเขาได้เลยงั้น
ทั้งๆที่ผมก็อาจจะเป็นคนที่ทำมาหากินสุจริต ไม่ขี้เกียจ รักจริง ซื่อสัตย์ และอื่นๆ แต่ผมเพียงแค่หาเงินได้่ไม่เท่าระดับที่เขา (และครอบครัวเขา) หาได้

---------------------------------------------------

สำหรับประโยคของท่าน ThisIsMelo

"แต่ในทางกลับกัน ผมสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ฝั่งผู้ชายถึงไม่อยากพิสูจน์ความสามารถในการบริหารเงินของฝ่ายหญิงบ้างครับ"

อันนี้ผมเห็นด้วยนะว่า ทำไมมองแต่ในมุมที่ผู้ชายต้องพิสูจน์ตัวเองเรื่องการหาเงิน การสร้างเนื้อสร้างตัว แล้วฝ่ายหญิงหล่ะ ไม่มีส่วนรับผิดชอบตรงนี้หรอ?

คือผมมองว่า ถ้าแต่งงานกัน มันก็สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะร่วมกันไปก็ได้ไม่ใช่หรอ
การที่ฝ่ายชายต้องเอาสินสอดมาวาง เพื่อจะพิสูจน์อะไรก็แล้วแต่
มันเหมือนยังอิงกับแนวคิดว่า ฝ่ายชายต้องรับภาระเลี้ยงดูฝ่ายหญิง
(ก็เหมือนที่ยูสท่าน ThisIsMelo กล่าวไว้อ่ะ คือแล้วทำไมกลายเป็นแค่ฝ่ายชายต้องพิสูจน์?)
ต้องพร้อมมากมาแล้วทางด้านการเงินเพื่อให้ฝ่ายหญิงสบายไรงี้ ทั้งๆที่ชีวิตคู่มันก็รับผิดชอบร่วมกันสองฝ่าย

 

ก็แบบพอการเงินมีปัญหา หรือฝ่ายชายหมดสภาพการหารายได้/ป่วยหนักกระทันหันไม่สามารถทำงานไม่ได้ ก็โดนทิ้ง ด้วยเหตุผลว่าดูแลลูกสาวไม่ได้ดีพอ ควรให้เขาไปหาผัวใหม่ที่ดูแลได้มั้งครับ ถ้ามาตรรกะโชว์เงินเพื่อดูว่าดูแลได้ ถึงบอกว่าเรื่องพวกนี้มันพิสูจน์อะไรชีวิตคู่ไม่ได้หรอก ว่าพอเจอเวฟมรสุมชีวิตจะไปด้วยกันไปไหมหรือทิ้งอีกฝั่งไว้คนเดียว สุดท้ายมันก็วนไปที่เรื่องการศึกษานิสัยใจคอกัน อ่านเกมกันให้ออกก่อนลงหลักปักฐานนั้นแหละ
แก้ไขล่าสุดโดย เชียร์ปืนจนเหี่ยว เมื่อ Mon Jan 08, 2024 01:47, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Sep 2005
ตอบ: 16543
ที่อยู่: Paradise
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:46
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
โชว์สลิปเงินเดือน3เดือนย้อนหลังงี้ด้วยมั้ย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
|||

ออฟไลน์
แข้งบุนเดสลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 May 2021
ตอบ: 4084
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:47
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?

ใช่ครับ

ใครที่เป็นพ่อก็เลิกทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของลูกสาวตัวเองได้แล้ว คนเค้ารักกัน ตกลงแล้วว่าจะแต่งกัน จะมาคุยเรื่องเงินอีกทำไม

คนชาติอื่นเค้าแต่งกันได้ไม่มีสินสอด ทำไมคนไทยมันเรื่องมากจังวะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 17 Jan 2010
ตอบ: 6603
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:52
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
เห็นด้วยว่าไม่ควรตัดสินกันที่ตัวเงิน

แต่อีกมุมมองถ้าฝ่ายชายด้อยกว่า ส่วนฝ่ายหญิงหาเงินได้มากกว่า หน้าที่การงานเหนือกว่า มีทรัพย์สินที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงส่งต่อให้มีมากกว่า

การเรียกดูสินสอดก็ถือว่าอาจจะเป็นการทำให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงสบายใจขึ้นบ้าง

คน 2 คนรักกัน ก่อนจะรวมครอบครัว มันเป็นเรื่องของคน 2 คน ใช่มันก็จริง

แต่หลังจดทะเบียนแล้วมันมีเรื่องเงินทอง สินสมรส ทรัพย์สิน กิจการ ของแต่ละฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง

ลองมองในมุมพ่อแม่ฝ่ายหญิงมีกิจการใหญ่โต ทรัพย์สินมากมาย ส่วนฝ่ายชายคนธรรมดา มนุษย์เงินเดือน

การพิสูจน์ตัวเองด้วยนิสัย ด้วยการดูแลลูกสาว ด้วยความขยันของฝ่ายชาย แค่นั้นมันอาจจะไม่พอ

ถ้าความสามารถในการหาเงินมันห่างกันเกินไป

สมมติฝ่ายหญิงไปเที่ยวต่างประเทศกับที่บ้านได้สบายๆ แต่พอไปกับฝ่ายชายต้องรอฝ่ายชายเก็บเงิน ออมเงินหลายเดือนกว่าจะได้ไปด้วยกัน

อยู่กับพ่อแม่ได้ทุกอย่างที่สมฐานะ แต่ถ้าลูกสาวแต่งงานมีครอบครัว แล้วลูกสาวเค้ามีคุณภาพชีวิตต่ำกว่าที่เค้าเลี้ยงมา

ในมุมพ่อแม่จะไม่ให้รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอ ถ้าลูกตัวเองต้องไปอยู่กับฝ่ายชายจริงๆ

มันกึ่งๆ เป็นการบอกฝ่ายชายว่า คุณต้องถืบตัวเองมากกว่านั้น หาเงินให้ได้มากกว่านั้น มีเงินให้มากกว่าที่มี มั่นคงมากกว่านี้ ถ้าจะแต่งกับลูกสาวเค้า

ถ้าทำไม่ได้ ก็แปลว่ามันไม่เหมาะสมกันนั่นแหละ รักอย่างเดียวมันกินไม่ได้หรอก

แต่ถ้าหญิงด้อยกว่าหรือเท่ากัน แล้วบ้านฝ่ายหญิงเรียกเงินสินสอดกะรวย เพื่อปากท้องของครอบครัวฝ่ายหญิง นั่นก็อีกเรื่องนึง
แก้ไขล่าสุดโดย Audere Est Facere เมื่อ Mon Jan 08, 2024 02:10, ทั้งหมด 2 ครั้ง
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
.
"If you tell the truth, you don't have to remember anything"

"It ain't what you don't know that gets you into trouble. It's what you know for sure that just ain't so."

– Mark Twain
ออนไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 24162
ที่อยู่: แฟลตรูหนู
โพสเมื่อ: Mon Jan 08, 2024 01:55
[RE: พวกเรียกสินสอด นี่เค้าเลี้ยงลูกไว้ขายเหรอครับ ?]
หน้าเงินตามแบบอย่างไทย
ยิ่งผัวฝรั่งนะ ขูดรีดจนแห้งอะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel