[บันทึกความสำเร็จชีวิต] จากคนว่างงานเงินเก็บไม่ถึงหนึ่งพัน สู่เจ้าของบ้านหลักหลายล้านบาท
สวัสดีพี่น้องชาว SS ทุกครั้งอีกครั้ง นานๆ ทีที่ผมจะได้มีโอกาสเขียนกระทู้บทความเกี่ยวกับชีวิตตัวเองที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาและแชร์ประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาของตัวเอง กลั่นกรองมาเป็นตัวหนังสือถ่ายทอดเรื่องราวให้ออกมาดีที่สุด บางครั้งก็ขอยอมรับว่าแรงจูงใจและแรงบันดาลใจในการเขียน "มีไม่เพียงพอ" บางครั้งนึกไอเดียเรื่องรางที่จะเขียนขึ้นมาได้แต่พอเข้าจริงดันหมดไฟเสียก่อน สาเหตุก็มาจากผลงานเขียนช่วงหลังๆ รู้สึกไม่ค่อยปังเท่าไหร่ ยอดคนอ่านมีไม่มากพอตามที่ตัวเองคาดหวังไว้ เลยขาดกำลังใจและแรงกระตุ้นไปพอสมควร อาจจะดูเป็นเหตุผลที่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคราวนี้จะพยายามทำออกมาให้เต็มที่ และในกระทู้นี้จะเล่าเรื่องถึงสถานการณ์ในปัจจุบันว่ากว่าจะถึง ณ จุดนี้ได้อย่างไร
สามารถอ่านเนื้อหาบางส่วนได้ที่กระทู้ก่อนหน้านี้
https://www.soccersuck.com/boards/topic/2136764
ปี 2010
ตัวของผมในวัย 25 ปี ณ ขณะนั้น ผมยังเป็นเพียงแค่พนักงานคุมร้านเกม-อินเตอร์เน็ตคนนึงที่รายได้ต่อเดือนแค่ไม่กี่พันบาทต่อเดือนและทำงานในรอบกลางคืน ในภาพตัวเองตอนนั้นไม่ได้คาดคิดถึงเกี่ยวกับอนาคตตัวเองเท่าไหร่ ทุกๆ เช้าก่อนเลิกงานก็ได้เฝ้าดูวิถีชีวิตของเหล่าบรรดาผู้คนที่ออกไปทำงานหรือไปโรงเรียน แต่ละคนมีชีวิตที่สดใสเบิกบานและมองย้อนกลับมาดูที่ตัวเองว่า ซักวันหนึ่งเราจะมีโอกาสได้ออกไปทำงานทำการด้วยความเบิกบานและภาคภูมิใจได้หรือไม่ เพราะทุกอย่างมันดูมืดมนไปหมด
กลางปี 2015
การทำงานเป็นฟรีแลนซ์เริ่มไม่สร้างรายได้เพราะฟองสบู่ในการขายของออนไลน์เริ่มแตกรวมไปถึงตัวเองไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับตลาดให้ทันด้วยตัวเอง และเมื่อถึงวันเกิดตัวเองครบรอบ 30 ปี แล้ว ณ ตอนนั้นมีเงินในบัญชีติดตัวแค่ประมาณพันกว่าบาท เมื่อมองย้อนหลังกลับไปดูเส้นทางที่ตัวเองผ่านมา ล้วนมีแต่ประสบความล้มเหลว เป็นทั้งพ่อค้าขายของออนไลน์ที่ไม่ได้เรื่อง เป็นนักกีฬาอีสปอร์ตที่ไม่ได้เรื่อง เป็นสตรีมเมอร์ที่ไม่ได้เรื่อง และในฐานะมนุษย์ก็อาจจะเป็นแค่คนที่ไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง
แต่ก็มีเหตุการณ์นึงที่คอยกระตุ้นแรงจูงใจในการมีชีวิต นั่นก็คืองานพิเศษในช่วง Mobile Expo ที่ศูนย์ประชุมสิริกิต(ก่อนก่อสร้างใหม่) โดยคนที่ชวนมาทำงานเป็นรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกันมาก่อนสมัยช่วงที่ผมเริ่มต้นทำงานที่แรก หลังจากที่ได้ทำงานรวมกันทั้งหมด 4 วัน ก็ได้ซึมซับความรู้สึกและบรรยากาศในการทำงานที่ไม่ได้สัมผัสมาหลายปี ทำให้มีกำลังใจต่อสู้ชีวิตต่อไป
กลางปี 2016
ปีนี้แทบจะเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองมากที่สุด เพราะได้กรีนการ์ดที่เป็นใบเบิกทางสู่การไปใช้ชีวิตทำงานที่ต่างประเทศ และเมื่อมาถึงตรงนี้ คุณแม่ก็ได้จัดแจงวางแผนเกี่ยวกับชีวิตว่าต้องทำอะไรบ้าง โดยอย่างแรกที่ต้องการก็คือมีใบขับขี่เป็นของตัวเอง , สอบ Citizenship เพื่อเป็นคนสัญชาติอเมริกันเต็มตัว , มีบ้านเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะข้อสุดท้ายนี้ถูกคาดหวังไว้พอสมควร เพราะที่อยู่อาศัยที่ได้อยู่ ณ ตอนนั้น เป็นเพียงแค่อพาร์ทเมนต์ระดับธรรมดาค่อนข้างไปทางล่าง คุณภาพจัดว่าห่วยสวนทางกับราคาที่ค่อนข้างแพง เพราะแค่ทำเลดี ใกล้กับถนนใหญ่ ร้านค้าและชุมชน แต่ต้องแลกกับคุณภาพของเหล่าเพื่อนบ้านตลาดล่างที่ค่อนข้างไร้มารยาท เสียงดังโครมคราม และจุดพลุหาบุพการีช่วงเวลาเที่ยงคืนตลอดทุกเทศกาล
ปี 2019
เชื่อหรือไม่ว่าตอนผมอยู่ประเทศไทยผมยังขับรถไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ และยิ่งประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีพื้นที่ใหญ่มหาศาล การมีรถส่วนตัวหรือทักษะการขับรถค่อนข้างสำคัญมาก ในช่วงแรกที่ฝึกขับรถก็มีความกลัวอย่างโน้นอย่างนี้ แทบจะไม่กล้าที่จะขับรถ แต่เมื่อมามองถึงสถานการณ์ในอนาคต เราคงจะพึ่งพาผู้ใหญ่หรือคนอื่นไปตลอดไม่ได้ ก็แรงต้องใช้แรงฮึดพอสมควรที่จะสอบให้ได้ จากความพยายามที่สอบตกมาสองครั้งแรก ครั้งที่สามก็สามารถผ่านได้ฉลุย จนทุกวันนี้มีความสามารถในการขับรถอย่างช่ำชองบวกกับวุฒิภาวะในการตัดสินใจสำหรับคนมีอายุเท่านี้ รวมไปถึงประสบการณ์ที่ได้เล่นเกม Need for Speed มาหลายๆ ภาคก็มีส่วนที่ทำให้พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
ปี 2023
หลังจากที่ได้สอบผ่านซิติเซ่นในช่วงปีที่แล้ว (2022) ก็เริ่มดำเนินแผนการต่อไป นั่นก็คือหาที่อยู่ใหม่แบบถาวร เพราะไม่ต้องการไปอยู่อพาร์ทเมนต์หรือที่อยู่ในลักษณะแบบต้องเช่า ด้วยเหตุผลหลักๆ ก็คือความเป็นส่วนตัว สะดวกสบายในการทำอะไรและข้อสำคัญสุดก็คือ ถ้าผ่อนได้จนครบ ซักวันนึงที่ชำระได้หมด ก็จะได้เป็นเจ้าของเต็มๆ โดยไม่ต้องสูญเงินเปล่าไปกับการเช่าไปตลอด
ทันทีที่เริ่มต้นแผนการนี้ สิ่งแรกที่ต้องการเลยก็คือเงินก้อนจำนวนหนึ่งสำหรับการดาวน์ โดยผมต้องจำใจขายรถกระบะที่ใช้ขับอยู่ทุกวันมาเป็นเวลาหลายปีออกไป รวมไปถึงนำเงินจากระบบ 401k Plan หรือระบบเงินฝากออมอัตโนมัติที่จะหักเงินจากรายได้โดยเราจะเลือกได้ว่า จะหักเงินกี่ % ต่อทุกรอบเงินเดือนออก และผมก็ได้ใช้เงินทั้งสองก้อนนี้ เพื่อเป็นเงินทุนไว้ใช้จ่ายค่าดาวน์ และเมื่อได้จำนวนเงินที่ต้องการก็เริ่มหาบ้านผ่านแอพฯ Zillow เพื่อที่จะดูว่าบ้านหลังไหนที่่เหมาะสมกับครอบครัวของผมรวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระผ่อนต่อเดือน เพราะแพงไป ก็ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ และในที่สุดก็ได้ตัวเลือกที่ถูกใจที่สุด จะมีแค่ชื่อที่อยู่ถนนที่ออกจะเหมือนชื่ออดีต CEO คนนึงของแมนยูฯ ที่ทุกคนต่างร้องยี้
ระบบ 401k โดยละเอียด (แปลไทย)
https://www.blockdit.com/posts/60cb4b64e63b6f0c7baa122f
แต่เรื่องมันก็ยังไม่ได้จบแค่นั้น เพราะต้องมีเรื่องของการเช็คเครดิตภูมิหลังของผมและครอบครัวก่อนว่า มีความศัยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ได้ตามกำหนดหรือเปล่า เริ่มจากธนาคารที่จะให้กู้ยืมในการผ่อนบ้านก็เริ่มตรวจเช็ค Statement ประวัติรายรับรายจ่าย แหล่งที่มาของรายได้ ฯลฯ ซึ่งบางทีผมก็หงุดหงิดเหมือนกัน เพราะบางครั้งชอบถามหาที่มาจากประวัติการเติมเงินซื้อกาชาในเกม โดยเฉพาะช่วงที่เสียหายเยอะกับตู้ Kafka ใน Honkai: Starrail
และหลังจากเคลียร์เรื่องเอกสารเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น ผมก็ได้บ้านที่เป็นในลักษณะกึ่งคอนโดสูงสามชั้น(รวมโรงจอดรถ) ซึ่งราคาโดยรวมถ้าตีเป็นเงินไทยก็เฉียดๆ สิบล้านบาท เมื่อเทียบขนาดตัวบ้านในไทยน่าจะได้บ้านหลังที่ใหญ่กว่านี้ แต่ด้วยค่าครองชีพที่สูงลิบลิ่วของสินค้าต่างๆ ก็ราคาแพงไม่เว้นแต่กระทั่งที่อยู่อาศัยก็แพงเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่ได้บ้านเป็นของตัวเองมาครอบครองถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ภาคภูมิใจมากที่สุดในชีวิต ถึงจะเป็นแค่การเริ่มต้นก็เถอะ เมื่อมองย้อนอดีตไปเพียงไม่กี่ปีผมยังเป็นแค่คนว่างงานที่ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่าง เริ่นต้นสร้างรากฐานชีวิตได้ช้ากว่าคนทั่วไป
แต่มันก็ไม่มีคำว่าสายจริงมั้ยล่ะครับทุกคน
(จากนี้ไปเป็นภาพที่อยู่บ้านใหม่ อาจจะโหลดภาพหนักหน่อยนะครับ)
และขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่ติดตามอ่านหรือเพิ่งเคยอ่านด้วยครับ
ManSmith