พรรคก้าวไกล โดนวิจารณ์ไม่ได้ไม่ใช่ข้อเท็จจริง

เพราะก้าวไกล มวลชนวิจารณ์วิพากษ์กันเองอยู่แล้ว
มีกรณ์ไม่มีกูนี่ชัดเจน

แต่กับกรณี ปิยบุตร
พรรคโดนกระทำจากตุลาการอยู่แล้ว
คนก็โกรธแค้นตุลาการอยู่แล้ว

แต่ ปิยบุตรแทนที่จะด่าตุลาการก่อน
ดันมาด่า ก้าวไกลเรื่อง action ก่อน
กลายเป็น action ช้า

คนที่โกรธแค้นตุลาการเค้าก็ยิ่งผิดหวังปิยบุตรดิที่เล่นกันเอง
แทนที่จะเล่นตุลาการ

แล้วก็ออกมาบอกว่าก้าวไกลวิจารณ์ไม่ได้
แทนที่ตุลาการจะโดนด่าจากสังคมกลายเป็นก้าวไกลโดนด่าซะงั้น
โคตรประสาทแดก

ถ้าปิยบุตรโดนวิจารณ์ได้แสดงว่า มวลชนก้าวไกลไม่ได้บูชาตัวบุคคล

กรณีกรณ์ มวลชนก็ไม่ได้ปกป้องพรรค
เลิกดูถูกมวลชนก้าวไกลที่แย้งปิยบุตร ว่าเป็นติ่งไครต่อไครได้แล้วครับ

มันคล้ายๆ ปิยบุตรบอก ให้พรรค callout

Shiroyasha ต้องเข้ามาอ่านนะ

ถ้าเป็นความเห็นจากพวกสาวกเพื่อไทย ท่านอย่าไปเก็บมาใส่ใจเลย พวกนี้ขอให้ได้ด่าพอ ด่ามั่วเลอะเทอะไปเรื่อย เหตุผลไม่มี เสียเวลาเอามาคิดเปล่าๆ

..คือในความวุ่นว่ายตอนนี้ ผมกลับชอบบรรยากาศแบบนี้นะ มันได้เห็นว่าทุกคนมึแอคชั่นกันแบบใหม่ๆ มีแง่มุมแบบใหม่ๆ ความคิดเห็นที่แตกต่าง(แต่อีกฝั่งบอกแตกแยกก็ปล่อยมันพูดไป) ถกกันด้วยเหตุผล


ดีกว่าอะไรนะ " พรรคว่าไง ผมก็ว่างั้น พรรคพูดไรพวกเราก็เชื่อแบบน้้น " พวกเรามีหน้าที่แค่กดสแปมหัวใจสีแดงรัวๆ


เท่าที่อ่านๆมาช่วงนี้ ไม่มีฝั่งไหนคิดผิดสำหรับผม การทำงานย่อมมีการถกปัญหากันแบบนี้แหละ เราได้ถกเถียงกันมันดีซะอีก ไม่ต้องไปแคร์ไอพวกredbuf , slim ที่ชอบมาปั่นอะไรพวกนั้นมาก พวกเราทำสิ่งที่คิดว่าถูกต้องก็พอครับ

ตุลาการตัดสินใจตามคำสั่ง ทุกคนก็เข้าใจ
ด่าตุลาการก็ไม่ได้อะไรดีขึ้น

ส่วนช่อ เองก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ผิดกับสิ่งที่ทำไป ตั้งใจล่อให้อีกฝั่งลงโทษอยู่แล้ว คิดว่าสิ่งที่โดนจะช่วยดึกกระแสคนไม่เห็นด้วยเยอะๆ แต่กลับเป็นเงียบซะงั้น

ช่วงนี้เพิ่งเลือกตั้งเสร็จ ก็กวาดล้างทุกอย่างที่ค้างคามาก่อนหน้านี้ เพราะกว่าจะเลือกตั้งใหม่ คนก็ลืมสิ่งที่ทำในวันนี้หมดแล้ว

ยิ่งเลือกตั้งรอบนี้ เพื่อไทย ที่เป็นผ่ายตรงข้ามฝ่ายปฏิวัติจับมือกัน ยิ่งง่ายที่จะจัดการก้าวไกล ต่างชาติก็ไม่กดดัน เพราะไม่ใช่พรรคทหารอีกแล้ว

รอดูว่า ฝั่งก้าวไกลจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร จะยอมให้ทีมงานที่โดน 112 ติดคุกไปให้หมดก่อนแล้วค่อยเรียกร้องให้ปล่อยตอนหลังแบบเพื่อไทยทำกับเสื้อแดงมั้ย แต่เสื้อแดงนี่หลายคนโดนขังลืมเลยนะ

ถ้าน้อยใจด้อมส้มผมคงไม่แปลกใจ แต่ถ้าไปให้ค่ากับสลิ่มแดงสลิ่มเหลืองนี่ผมคงผิดหวัง

มันคือการ Call out ถึงพรรคการเมืองให้รีบ take action ซึ่งพรรคก็ดูจะเคลื่อนไหวช้าจริง

อย่างกรณีของการตัดสิทธิ์การเมืองของพรรณิการ์นี่มันมีความเห็นอยู่ได้แค่ทางเดียว คือแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย มันไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อน หรือต้อง prove กันมากมายเลย

คุณบอกทันทีเลยก็ได้ว่า เราไม่เห็นด้วย แสดงจุดยืนได้เลย แล้วจะแถลงเป็นทางการซ้ำอีกครั้งก็ได้ แต่นี่ปล่อยจนเกือบข้ามวัน แล้วมันเกิดกับหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มันควรต้องไวกว่านี้มากๆ (หรือจะเล่นแง่ว่าไม่เกี่ยวกับก้าวไกล?)

ดีนะแตกกันยิ่งดี55555 ครบโดนแบนเมื่อไหร่ก็ตั้งพรรคขึ้นมาสู้ ถึงตอนนั้นโหวตเตอร์เด็กๆก็เพิ่มมาอีกเยอะแล้ว สู้กันด้วยอุดมการณ์ใครสูงกว่ากัน ผมละอยากให้เป็นmoveนี้มากๆ (ไอ้พวกพรรคที่พยายามจะลากความก้าวหน้าให้ถอยหลังมันจะได้ค่อยๆหายไปซักที)

ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค 2 คน..ผมชอบธรณ์มากกว่า ตรงที่แกไม่ค่อยออกมาแทรกแซง,ว่าพรรคออกสื่อให้เสียบรรยากาศเท่าไหร่

แต่ก็ต้องยอมรับตรงๆว่า คาแรคเตอร์แบบปิยบุตรก็เป็นจิ๊กซอสำคัญที่ทุกองค์กรควรจะมี คือคนที่ยึดหลักการณ์มากกว่าบรรยากาศ

เพราะถ้าทำงาน,ประชุมกัน โดยไม่มีการตำหนิกันเลย โอเคครับๆ ตามนั้นครับๆ ประณีประนอมกันทุกเรื่อง การเปลี่ยนแปลงก็จะช้า

ตราบใดที่จุดร่วมยังเหมือนกัน เมื่อเถียงกันด้วยหลักการณ์กันตรงๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องแก่งแย่งผลประโยชน์กันเอง ยังงัยมันก็ดีต่อองค์กร

(จุดเปลี่ยนที่ทำให้พรรค กก.กลายมาเป็นพรรคอันดับ 1 ในโพลได้ ผมว่าก็มาจากตอนที่ปิยบุตรเหมือนจะทะเลาะกับพิธาด้วยหลักการณ์)

เพราะฉะนั้นตอนนี้ ถ้ามีคำติเตียน ไม่เห็นด้วยมาจากทางปิยบุตร ในฐานะคนสนับสนุน กก.ผมว่าก็ควรฟังแหละฮะ

ส่วนเสียงนกเสียงกา ปากหอยปากปูจาก นางแบก หรือ สลิ่ม..ผมว่าไม่มีผลอะไรกับตัวพรรคอยู่แล้วอ่ะฮะ ปล่อยมันพ่นไปเหอะ

ถึงผมจะติ่งธร แต่ผมก็เฉยๆกับมูฟ อ ป๊อก แกก็แนวๆนี้แต่แรกอยู่แล้ว

แกด่าหมดไม่สนฝั่ง การเมืองที่ดีมันก็ควรยังงี้ ไม่ใช่อวยแต่กันเอง ในความคิดผมนะ