[RE: ทำไมคุณถึงทำงานในภาคเอกชนทั้งๆที่เงินเดือนไม่เยอะ]
KaiGerrard พิมพ์ว่า:
byrd.tt พิมพ์ว่า:
KaiGerrard พิมพ์ว่า:
Spoil
byrd.tt พิมพ์ว่า:
KaiGerrard พิมพ์ว่า:
นั่งอ่านบางเม้นท์ก็นะ ดูถูกข้าราชการซะ
เรื่องเลื่อนตำแหน่งก่อน มันไม่ใช่ว่าแค่เลียแข้งเลียขา ประจบสอพอ ไปวันๆ แล้วจะได้เลื่อนตำแหน่ง
มันมีระเบียบหลักเกณฑ์ อายุราชการ ทำผลงานประเมินขึ้นระดับ สอบแข่งขันเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
เอกชน มันไม่ค่อยมีหลักเกณฑ์ที่กำหนดแบบนี้ไง มันเลยเลื่อนตำแหน่งได้ในระยะเวลาที่เร็วกว่า
เอกชน บางที หัวหน้างานลาออก ตำแหน่งว่าง ก็ผลักดันกันขึ้นตำแหน่ง สนิทกับเจ้าของ บริษัท ได้ขึ้นตำแหน่ง
มันก็ใช่ว่าจะไม่มี ถูกใจเจ้านายเจ้านายดันขึ้นตำแหน่งก็มีเยอะแยะไป
ของแบบนี้มาพูดเหมารวม มันก็ไม่ถูก ระบบข้าราชการพลเรือน มันมีระเบียบกำกับไว้ค่อนข้างเคร่งครัด อยู่ดีๆ จะไปเอาคนของตัวเองมานั่งในตำแหน่งไม่ได้หรอก โดนฟ้องศาลปกครองกันมานักต่อนักแล้ว
ส่วน ขรก. - พนักงานส่วนท้องถิ่น ก็อาจจะทำให้ภาพพจน์ ขรก. ดูแย่ จริงๆ แหละ
ผมมีญาติเป็นอบจ.คนนึง และมีอีกคนเป็นครูนะครับ ส่วนตัวจะเรียกว่าดูถูกมั้ย ผมว่าผมเองก็ไม่ได้พูดแรงถึงขนาดนั้น แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีเรื่องคะแนนจิตพิสัยจริงๆ ซึ่งเอกชนที่ผมผ่านการทำงาน มีระบบประเมินที่ชัดเจนกว่ามาก ไมว่าจะเป็น peer review หรือให้พนักงานให้เกรดกันเอง ไม่ว่าจะเป็น Calibration Review หรือการเอาคนเลเวลเท่ากันมาเทียบกัน ไม่ว่าจะทำงานแผนกไหนก็ตาม อันนี้เพื่อรีวิวทั้งผลงานว่ามีสิ่งที่ทำมีผลต่อองค์กรขนาดไหน รวมถึงเพื่อวัดเรื่อง EQ และ soft skills อื่นๆด้วย ซึ่งทุกวันนี้ผมทำงานเอกชนเป็นบริษัทที่ 6 แล้ว ทุกที่มีการประเมินผลงานในรูปแบบที่เล่าไปไม่มากก็น้อยครับ ต่อให้จะมีลูกรัก พอถึงเวลาทำ calibration ก็ร่วงอยู่ดี เพราะคนอื่นไม่เอาด้วย
ขณะที่ราชการตามที่ผมรู้จัก ต่อให้ไม่ได้มีผลงานอะไร เงินเดือนก็ขึ้นอยู่ดี การเลือกคนไปสอบวิทยฐานะก็เหมือนกัน ก็จิ้มๆเอาตามอาวุโส ทั้งๆที่มีคนผ่านเกณฑ์หลายคนแต่ก็เลือกคนตามขั้นตอนอยู่ดี หรือกระทั้งปรับขั้นแบบวนกันไปก็มี (ต่างกับเอกชนที่ต้องผลงานมีจริงๆ) และต่อให้ทำงานได้ไม่ดี ก็อยู่กันได้ ไม่มีมีการประเมินเพื่อเชิญออกหรืออย่างไร อันนี้คือที่ผมไม่ชอบครับ มันเพาะบ่มใดห้คนทำงานเรื่อยๆก็อยู่ได้ ไม่ได้ต้องแข่งขันอะไรกันมากนัก
ส่วนที่เหลือที่เป็น process ของการทำงานข้าราชการ ผมว่าเราน่าจะเห็นเหมือนกันนะครับ ฉะนั้นสิ่งเหล่านั้นผมว่าเราไม่น่าจะต้องอธิบายกันเพิ่มเติมเนอะครับ
ที่ท่านพูดมามันก็มีส่วนจริง แต่ตรง ย่อหน้าที่ 2 นี่แหละครับ ที่เหมือนเป็นการดูถูก ข้าราชการ
วิธีการประเมิน เป็นรูปแบบองค์คณะ ไม่ได้ประเมิณคนเดียวนะครับ ส่วนเรื่องทำงานไม่ดี ไม่มีผลงาน
ถ้ามันแย่หรือไม่มีผลงานแบบท่านว่าจริงๆ ประเมิณไม่ผ่านหรอก ผู้ประเมิณเค้าไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับผู้ขอประเมิณ แต่ถ้าช่วยกันก็คงมีบ้าง เอกชนก็คงมีไม่ต่างกัน
ส่วนเรื่องประเมินประสิทธิภาพในการทำงาน มีครับ บ้างรายบกพร่องทำให้เสียหายต่อราชการก็มีการสอบสวนวินัย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่อยู่ดีๆ จะให้ออกจากราชการเลย แบบที่เอกชนทำ มันก็จะโดนฟ้องนะสิ เอกชนเวลาจะให้ออกยังต้องจ้างออกจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานเลย หรือใช้วิธีบีบออก กดดันจนทนไม่ได้เอง
แบบนี้เป็นธรรมกับลูกจ้างรึป่าว
ที่อยากจะบอก คือ อย่าเหมารวม ทุกองค์กร หน่วยงาน มันมีบริบทของมัน ชอบเอกชนก็ไปทำเอกชน ไม่ควรมาดูถูกราชการ ข้าราชการดีๆ ตั้งใจทำงานให้ประเทศ มันก็มีเยอะครับ เห็นพูดเหมารวมซะ แย่ไปหมด
ผมไม่แน่ใจว่าราชการมีตัวเลขตรงนี้เท่าไหร่ แต่คุณพอทราบมั้ยครับว่า attrition rate หรือเรทพนักงานที่ออกจากงานในภาคเอกชนเนี่ย มีประมาณ 11-15% ต่อเดือนนะครับ (อันนี้เป็นตัวเลขจากอุตสาหกรรมที่ผมทำงานอยู่ มีพนักงานรวมๆกันประมาณ 20,000 คนครับ) นั่นแปลว่าออะไร นั่นแปลว่ามีคนออกจากงานเฉลี่ยถึงเดือนละ 2000 - 3000 คน ขณะที่ termination rate จะอยู่ที่ประมาณ 24% ของตัวเลขนั้น นั่นแปลว่าการให้ออกจากงานของภาคเอกชนในบางอุตสาหกรรมสูงถึง 500 - 700 คน/เดือน
ซึ่งนี่เราพูดถึงการชดเชยแบบถูกต้องนะครับ ไม่ได้รวมตัวเลขที่เราเรียกว่าบีบให้ออกก็ได้ นั่นแปลว่าอะไร นั่นแปลว่าคนที่คุณภาพไม่ถึงสำหรับตลาดแรงงาน มีถูกให้ออกจากงานถึง 700 คนจาก 20,000 คนต่อเดือน (3%) และนั่นเป็นอุตสาหกรรมเดียวนะ และไม่ได้รวมพนักงานสัญญาจ้างด้วย ซึ่งถ้ารวมก็อาจจะมากกว่านี้
ขณะที่ข้าราชการ จากตัวเลขชุดเดียวที่ผมเห็นคือจากกรมแรงงาน ซึ่งมีข้าราชการประมาณ 1,200 คน และมีตัวเลขคนลาออกเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลังที่ปีละ 60 คน (เฉลี่ยเดือน 5 คนหรือเท่ากับ 0.41% ต่อเดือน) ซึ่งนั่นแปลว่าตัวเลขการลาออกมันน้อยมากๆครับ ยังไม่ต้องลงไปถึงระดับการให้ออกเพราะไม่ perform เลยครับ
Spoil
https://personnel.labour.go.th/attachments/article/2075/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.pdf
ซึ่งนั่นแปลว่าการแข่งขันในภาคเอกชนมันสูงกว่าแน่ๆ เพื่อที่จะไม่ได้ถูกคัดออก
ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าคนทำงานราชการไม่ใช่คนดี (คุณไปอ่านความเห็นแรกผมก็ได้ ว่าผมพูดถึงว่าอะไรบ้าง) แต่บอกว่าระบบมันไม่เอื้อให้คนเก่งโต มันไม่เอื้อให้คนอยากทำให้ดีขึ้น (incentivize) ขณะที่คนไม่เก่ง ก็อาจจะยังอยู่ได้เรื่อยๆ ไม่ต้องแข่งขันอะไร (penalize) ขณะที่การทำเอกสาร ทำ paperwork ต่างๆก็ล้าหลัง ไม่ให้เกิด efficiency ในระบบขึ้นอีก คือองคาพยพของระบบราชการนั่นแหล่ะ ที่มีปัญหา และเราควรจะยอมรับมันให้ได้ว่ามันมีปัญหา และหาทางแก้ปัญหาตรงนี้อย่างจริงจังต่างหากครับ
ภาพรวมมันดูมีปัญหา และต้องแก้ไขจริงๆ ครับ แต่ด้วยความเป็นราชการ มันมีระเบียบกฎหมายกำกับไว้ ต้องปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายเป็นสำคัญ บางครั้งอาจจะมีปัญหาที่ติดระเบียบกฎหมาย ที่ไม่สามารถทำได้โดยสะดวกเหมือนเอกชนที่ยืดหยุนกว่า
ราชการ กับ เอกชน จุดประสงค์มันต่างกันอยู่แล้วครับ ราชการ ทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ เอกชนทำเพื่อกำไร จะเอามาเปรียบเทียบกันตรงๆ มันก็ยังไงอยู่
ก็อย่างที่ผมสรุป ชอบเอกชนเลือกทำงสยเอกชนครับ ต้องการเติบโตมีรายได้เยอะๆ ก็ไปเอกชน
ชอบงานราชการ อยู่แบบมั่นคง มีสวัดิการ สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพแบบไม่ลำบากในต่างจังหวัดได้ ก็พยายามสอบข้าราชการให้ได้
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ควรให้เกียร์ติกันทุกอาชีพครับ
แล้วข้อมูลที่ท่านยกมาเรื่อง ขรก. ลาออก นั้นเป็นข้อมูลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน แค่กรมเดียวครับ ไม่ใช้ข้อมูลของ ขรก ทั่วประเทศ
ผมก็บอกนะ ว่าผมเห็นตัวเลขจากแค่หน่วยงานเดียวไม่ใช่ทั้งหมด (ผมใช้คำว่าตัวเลขชุดเดียว) ขณะที่ในฝั่งเอกชน ผมก็ใช้ตัวเลขแค่อุตสาหกรรมเดียวเช่นกัน (เพราะไม่กล้าพูดข้ามอุตสาหกรรมเหมือนกัน)
ผมเองไม่ให้ไม่ให้เกียรติราชการ (ญาติผมเองก็ทำราชการ) แต่ผมไม่ให้คุณค่าในแบบเดียวกันกับผมให้กับระบบของเอกชนต่างหากครับ ระบบมันมีปัญหา กระบวนการก็มีปัญหา มันก็เหมือนอารมณ์เรามองรถ MG นั่นแหล่ะครับ คือรถ EV ของ MG นี่โคตรดี แต่ชื่อมันเสียไปตั้งแต่รถ ICE แล้วไง ก็อารมณ์เหมือนกับราชการนั่นแหล่ะครับ ในส่วนที่ดีก็มี ส่วนที่แย่มันก็มีเหมือนกัน