ผมสุดจะทนกับน้องฝึกงานทีมผมละ มาจากม.ดังคิดว่าจะมีความรับผิดชอบหน่อย
น้องมาฝึกงาน 3 เดือน เดือนนี้ครบ 2 เดือน จะแจ้งว่าเดือนหน้าไม่ต้องมาฝึกแล้ว

เวลาเข้างานปกติ 8 โมง แต่ HR แจ้งว่าจะนับสายหลังจาก 8 ครึ่ง ทีนี้มา 8 ครึ่งทุกวัน บางทีเกินอีก สายแทบทุกวัน
ลาป่วยทุกอาทิตย์ บางทีก็เข้าใจว่าป่วยจริง แต่ก็ถี่เกินไป
เคยลากิจไปมหาลัยโดยบอกตอนเช้าวันที่จะลา ผมก็ถามว่าทำไมไม่แจ้งล่วงหน้าก็บอกว่า'ลืม'

วันนี้วันทำงาน ผม WFH ว่าจะฝากช่วยเดินเอกสารที่ออฟฟิศให้ ก็ทักไปถามตามนี้





ตอนมาทำงานก็ช่วยงานดี แต่เรื่องความรับผิดชอบนี่เกินให้โอกาสจริงๆ

คุยส่วนตัวและก็ตัดสินไปเลยคับ

เคสแบบนี้ ผมแจ้งอาจารย์ที่ปรึกษาก่อน

ปรกติการฝึกงาน จะมีหนังสือแจ้งมาที่บริษัท และมีชื่อ/หมายเลขติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาไว้อยู่แล้ว และก็ระบุชัดว่าชั่วโมงฝึกงานไม่ครบ เพราะจะไม่นับวันนี้ให้(ถ้าลาปรกติจะนับให้)ครับ

ผญ ด้วยนะ ทำไมดูไม่มีความรับผิดชอบ

อาจจะใหม่จริงๆ ปรับตัวเข้ากับที่ทำงานไม่ได้

ยังไงก็ตามเม้นบน แจ้งอาจารย์น่าจะดีสุด

มันก็ยากนะครับ คิดว่าคุยตักเตือนให้ถึงที่สุดก่อนดีกว่า เพราะฝึกงานไม่ผ่าน มันจะเรียนจบช้าได้เลยนะ แต่ถ้าไม่ไหวแล้วก็ตามนั้น

คือคิดว่าฝึกงานมาชิลๆ จะเข้าวันไหน กี่โมงก็ได้หรอ อันนี้เรียกว่าขาดความรับผิดชอบครับ ไม่ได้แจ้งบอกกล่าวให้รู้เลยต้องให้มาตามเองด้วยนะ

ถ้าแบบนี้ผมว่าเกินไปนะ ผมว่าแจ้งเรื่องอาจารย์ที่ปรึกษาไปเลยครับ ส่วนตัวตอนสมัยฝึกผมมาทุกวันแหละ แต่ไม่ค่อยตั้งใจมัวแต่คุยกับสาว จนพี่ที่เทรนเค้าก็บอกกับผมตรงๆว่า น้องต้องปรับปรุงตัวเอง ไม่งั้นส่งกลับ เพราะถ้าทำหน้างานแล้วไม่รู้ที่เค้าสอน มันส่งผลเสีย

อย่าตัดอนาคตเด็กเลยครับ ตักเตือนก็พอ แล้วอย่าให้ทำงานสำคัญๆ
ส่วนเรื่องปัญหาสุขภาพอยากให้มองเห็นภาพตัวเราเองตอนป่วยดูครับ คนเรากำหนดวันป่วยไม่ได้หรอกครับ
สำคัญคือแก้ที่การแบ่งงานให้น้องทำนี่แหละ ถ้ารู้ว่าน้องเป็นแบบนี้ เราต้องแบ่งงานแบบไหน
เด็กฝึกงานจะคาดหวังให้ทำเงินให้บริษัทเท่ากับพนักงานปกติไม่ได้หรอกครับ ต้องเข้าใจว่าฝึกงานก็คือมาฝึก มาเก็บประสบการณ์เฉยๆ น้องเขาก็ไม่ได้เงินอะไรเยอะ อะไรที่ไม่ดีก็ตัดเตือนก็พอ ในความเห็นส่วนตัวผมนะ

ถ้าทำงานดีอาจจะให้ passed with comments ได้ปะครับ เด็กฝึกงานมันก็ยังเด็กแหละ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานอยู่แล้ว แต่แน่นอนว่าต้องตักเตือนกันตรงๆ เพื่ออนาคตของน้องมันด้วย

ก่อนจะไม่ให้ผ่าน ต้องมีตัวขั้วัดที่ชัดเจน และหลักฐาน

ว่าคุณไม่ผ่านเกณฑ์ข้อไหน ไม่ได้ตัดสินจากความรู้สึก

เรียกมาเตือนแบบจริงจัง

เหมือนพี่สอนน้อง

ถ้ายังไม่ดีขึ้น ก็เลือกได้เลยครับ ว่าจะปนะเมินแบบไหน

ถ้าผม จะเลือกเตือนแบบจริงจัง แต่สุดท้ายผมให้ผ่าน

ผมเชื่อว่า เด็กมันจะคิดได้เอง ในอนาคต เมื่อต้องทำงานจริงสักที เผื่อภายภาคหน้า เราอาจได้ร่วมงานกัน แล้วให้น้องมันระลึกถึงคำสอน คำเตือนเรา

เอาหลักฐานให้ครูเขาดู แล้วก็แจ้งว่าลองหาที่อื่นที่อาจจะเหมาะกว่าที่เรามั้ย เรียกคุยกับเด็กและครูเพื่อหาทางออกร่วมกัน ส่วนใหญ่มันก็มีแค่เด็กไม่ดีจริงๆ กับ บริษัทใช้เด็กหนักเกินไป

อาจจะต้องชั่งน้ำหนักดูครับ
ว่าจะปล่อยให้มีบทเรียนหรือไม่มี...หรือแค่คุยกันปรับความเข้าใจ สอนเขาได้
ควรมีบทเรียน หนักเบา แค่ไหน เห็นหลายท่านบอกให้ Pass with Comment ผมว่าก็เข้าท่า

เช่นว่าท่านบอกว่า
ตอนทำงานก็ช่วยเหลือดี น้องเขาก็อาจจะไม่ได้แบบถึงขนาดไป Way ที่จะให้ไม่ผ่านขนาดนั้น

ก็ให้ผ่าน โดยมีข้อแม้ ทดแทน เหมือนการติด ร โดย น้องอาจต้องทำโปรเจคทดแทนให้รู้สึกว่า ถ้าอยากผ่านน้องต้องทำอะไรทดแทน เช่น โปรเจคต่อเนื่องจนกว่าจะ ปี 3 เทอม 1 จบ ครับ ถ้าไม่ทำร่วม จะไม่เซนต์ผ่านให้ จะต้องฝึกงานใหม่กับที่อื่นแล้วจบช้า ครับ โดยให้คุยกับ อาจารย์ ว่าจะไม่ให้ผ่าน ถ้าจะให้ผ่าน อาจารย์ต้องให้โจทย์ น้องทำ ต่อเนื่องกับโรงงานจนกว่าจะจบปี 3 เทอม 1 (โดยเราต้องไม่หวังอะไรจากโปรเจคนอกจากความรับผิดชอบทาง Time Att. ของน้อง) เพื่อเป็นการลงโทษด้านวินัยน้อง และเป็นการไม่ตัดโอกาสการจบปกติของน้องครับ

ผมจะแจ้งอาจารย์ครับ ว่าเป็นแบบนี้ๆ

แต่ส่วนตัวก็ให้ผ่านนะ แล้วให้คะแนนประเมินน้อยไปตามสัดส่วน

ผมเคยมีเคสให้น้องฝึกงานไม่ผ่านอยู่ครับ แต่อันนั้นคือโหดมาก กำหนดฝึกคือ 6 เดือน น้องมาแค่ 1 เดือนแรก แล้วหายไป 3-4 วัน สรุปคือไม่เซ็นผ่านฝึกงานให้ (ฝึกงานเพื่อขอใบประกอบวิชาชีพ)

ปล.แต่น้องแกก็โหดเช่นกันได้ข่าวไปหาลายเซ็นบริษัทอื่นฝึกงาน 6 เดือนมาได้ สรุปก็คือผ่านฝึกงานด้วยการย้ายไปฝึกที่อื่น