ผมเห็นข่าวของแสนดีโพสต์ แล้วก็มาสะอื้อเมื่อวาน ก็เห็นคนว่า ๆ ไปเรียนเมืองนอกไม่น่าเป็นแบบนี้ เห็นโลกกว่าไม่น่าเป็นแบบนี้ ฯลฯ

คือ ผมจะบอกว่า จาก ปสก ผม ผมเห็นมาหลายรูปแบบจริง ๆ นะ ผมเคยไปอยู่ ตปท มาหลายปีเอาเป็นว่าสมมติว่าเป็นอังกฤษ ไปเรียนนั่นละ ผมไปตอนที่สลิ่มครองกรุงเทพ ครองชุมชนคนไทย จะอ้วกเลยกูตอนนั้น

ชุมชน ม. ที่ผมอยู่จะประกอบด้วยคนแบบนี้ ( แต่ละประเภทมี outlier อยู่เสมอ)

๑. คนที่ไปเรียนด้วยเงินที่บ้าน คือรวยมากอยู่แล้ว เรียนเองตอน ป. ตรี-เอก การเข้าไปเรียนได้คือคุณต้องรวยมาก ระดับ 0.01% ของประเทศไทย คนพวกนี้เท่าที่เจอคือ เขาไม่ Give a Damn เกี่ยวกับการเมืองเลย คือมาแล้วก็ไปเที่ยวเล่น ช่วงหยุดก็ไปสกีที่สวิสเซอร์แลนด์ ว่างก็ไปตีกอล์ฟ ตีเทนนิส พวกนี้คือเวลาสนใจการเมืองคือเป็นตามกระแสเท่านั้น แล้วจะชอบเอาความยิ่งใหญ่ของสถานะการเรียนตัวเองมาอ้าง แน่นอนว่ามีส่วนน้อยที่สนใจบ้านเมืองจริง ๆ หรือว่าพยายามทำความเข้าใจสังคมจริง ๆ สมัย กปปส เรืองอำนาจ คนพวกนี้ผมปวดหัวสุด คุยกันไม่รู้เรื่อง

๒. คนที่ไปด้วยทุนจากรัฐบาลหรือหาทุนอื่น ๆ ไป คนพวกนี้คือเนิร์ด แต่เก่งมาก ระดับหัวกะทิเลย ทำอะไรทำสุดจริง พยายามเปิดกว้างทางความคิด สนใจก็จะศึกษา ฉะนั้น พวกนี้จะเป็นประเภทที่เข้าใจสังคม เข้าใจคนด้อยโอกาสได้มากกว่าหน่อย คือ พูดง่าย ๆ ถ้าไปคุยกับเขา เขาพร้อมเปิดใจศึกษา

๓. คนที่ไปเรียนด้วยเงินทางบ้านแต่ไปทำงานเพื่ออุดค่าใช้จ่ายที่บ้านด้วย คนพวกนี้จะเข้าใจความลำบากของมนุษย์ทั่วไปในไทย เพราะตอนอยู่ไทยอาจจะเป็นชนชั้นกลาง พอไปอยู่โน่นเปรียบเหมือนชนชั้นแรงงานของที่โน่น เลยจะทำให้เข้าใจคุณค่าของการทำงาน คุณค่าของเงิน และคนพวกนี้พอย้อนกลับมามองไทยจะรู้สึก เห็นอกเห็นใจแรงงานไทยมาก ที่ขาดโอกาสและไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับชีวิตพวกเขา


ย้ำอีกครั้ง ทุกกรณีมี outlier หมดนะครับ ส่วนตัวผม ผมเอ็นจอยอยู่กับกลุ่มที่ ๓ มากที่สุด

คำถามคือ คนที่ ไปด้วยเงินที่บ้าน ตอนเรียนก็มีคนซื้อบ้านให้อยู่ ไม่ต้องไปอยู่หอถูก ๆ และเผลอ ๆ ไม่ต้องทำงานพิเศษ แบบนักศึกษาอเมริกันทั่ว ๆ ไปนี่ จะเข้าใจความเป็นอยู่ของคนไทยโดยเฉพาะคนชั้นล่างขนาดนั้นเลยหรอ???? คำตอบก็อยู่ตรงนั้นนั่นละ

อันนี้ก็เป็นที่น่าศึกษาเหมือนกันนะครับ

ผมเองไปทำงานอยู่เมืองนอกมาเกือบสี่ปี (ฝรั่งเศส) และไม่มีคนทางบ้านส่งอะไรทั้งนั้น เราไปทำงานภายใต้ contract... ฉะนั้น ผมน่าจะเป็นกลุ่มที่สามมากกว่า (ทำงาน ทำงาน ทำงาน) และผมเองแทบไม่เคยสุงสิงกับคนไทยเลย เพราะในเมืองที่ผมอยู่ คนไทยมีไม่เยอะและส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่สอง (ที่แน่นอนว่าเป็นสลิ่ม เพราะได้ทุนจากรัฐบาล)

ส่วนตัวผมไม่ได้มองว่า mindset แบบแสนดีแปลกอะไร เพราะสิ่งที่แสนดีพูด ถ้าเราตัดเรื่องความเป็น"ลูกชัชชาติ"ออกไป สิ่งเหล่านี้มีคนพูดตลอดเวลาเต็มไปหมดทั้งในทวิตเตอร์และในเฟสบุ้ค หรือกระทั่งใน SS แห่งนี้ก็เป็น แค่เราพูดแบบนี้กับอีกฝั่ง(กปปส สลิ่ม หรือเพื่อไทย) เรายังด่าคนอื่นว่าสวะอยู่เลยด้วยซ้ำ ซึ่งผม considered ว่าเป็น hate speech มากกว่าคำว่า bratty/woke แบบที่แสนดีพูดมากกว่าอีก

และยิ่งอยู่ในสังคมแบบที่เค้าเติบโตมา การแสดงออกทางการเมืองที่ต่อให้เป็น dem/rep มันก็ทำได้ทั้งนั้นแหล่ะ คือเค้าก็ entitled to his own opinion นั่นแหล่ะครับ แค่มันดูไม่ favourable กับคนหมู่มากหรือผู้รับสารของเค้าเท่านั้นเอง

ส่วน mindset เกี่ยวกับคนรากหญ้าหรือกับชนชั้นแรงงานผมขอไม่ตัดสินใจ เพราะผมไม่ยังไม่เห็นอะไรมากไปกว่าแค่โพสต์นั้นครับ

ล่าสุดในรายการสรยุทธ อ.ชช แกบอกว่าเอามาอ้างว่าไปอยู่นอกนานไม่ได้ เพราะไปเรียนแค่ 3 ปี อยากรู้เหมือนกันว่าความคิดมันเปลี่ยนได้ขนาดนี้เลย หรือเกิดจากความ elite กันแน่

ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็น mindset ปลูกฝังจาก กะลาเพท่อไทยเลย

hate speech อันนี้เกิดจาก เข้าพรรคเพื่อไทย ฟังแต่นางแบกนายแบก และดูแต่ top เอ้ย voicetv ครับ

เหมือนอยู่แต่ใน echo chamber เพื่อไทย

สังเกตุว่าตัวพ่อยังอบรบปรกติ แต่ตัว สส พรรค นี่ spoil เลย พวก นางแบก นายแบก ก็เอามาโหนเลย

อันนี้ก็เป็นที่น่าศึกษาเหมือนกันนะครับ

ผมเองไปทำงานอยู่เมืองนอกมาเกือบสี่ปี (ฝรั่งเศส) และไม่มีคนทางบ้านส่งอะไรทั้งนั้น เราไปทำงานภายใต้ contract... ฉะนั้น ผมน่าจะเป็นกลุ่มที่สามมากกว่า (ทำงาน ทำงาน ทำงาน) และผมเองแทบไม่เคยสุงสิงกับคนไทยเลย เพราะในเมืองที่ผมอยู่ คนไทยมีไม่เยอะและส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่สอง (ที่แน่นอนว่าเป็นสลิ่ม เพราะได้ทุนจากรัฐบาล)

ส่วนตัวผมไม่ได้มองว่า mindset แบบแสนดีแปลกอะไร เพราะสิ่งที่แสนดีพูด ถ้าเราตัดเรื่องความเป็น"ลูกชัชชาติ"ออกไป สิ่งเหล่านี้มีคนพูดตลอดเวลาเต็มไปหมดทั้งในทวิตเตอร์และในเฟสบุ้ค หรือกระทั่งใน SS แห่งนี้ก็เป็น แค่เราพูดแบบนี้กับอีกฝั่ง(กปปส สลิ่ม หรือเพื่อไทย) เรายังด่าคนอื่นว่าสวะอยู่เลยด้วยซ้ำ ซึ่งผม considered ว่าเป็น hate speech มากกว่าคำว่า bratty/woke แบบที่แสนดีพูดมากกว่าอีก

และยิ่งอยู่ในสังคมแบบที่เค้าเติบโตมา การแสดงออกทางการเมืองที่ต่อให้เป็น dem/rep มันก็ทำได้ทั้งนั้นแหล่ะ คือเค้าก็ entitled to his own opinion นั่นแหล่ะครับ แค่มันดูไม่ favourable กับคนหมู่มากหรือผู้รับสารของเค้าเท่านั้นเอง

ส่วน mindset เกี่ยวกับคนรากหญ้าหรือกับชนชั้นแรงงานผมขอไม่ตัดสินใจ เพราะผมไม่ยังไม่เห็นอะไรมากไปกว่าแค่โพสต์นั้นครับ

สำคัญสุดผมว่าคือสังคมรอบตัวครับ ความคิดความอ่าน ความคิดเห็นเรื่องต่างๆมันคือการที่เราแลกเปลี่ยนกับใครรอบตัว ซึ่งในวัยที่เพิ่งเรียนจบ อาจจะเติบโตมาไม่ได้ตื่นรู้มากน้อยเท่ากับคนในประเทศ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพนี้ล่ะครับ คนรอบตัวเป็นอย่างไรก็สะท้อนภาพนั้น

แต่สำคัญสุดจากเรื่องที่เกิดผมว่าทัศนคติที่ควรปรับอย่างแรกเลยคือการแสดงความคิดเห็นแบบไม่เหยียดผู้อื่น ควรเป็นพื้นฐานเลย

มั่วครับ ผมทำงานกับคนต่างชาติมา 6-7 ปี เป็น อเมริกา ยุโรป จีน ออส สิงคโป บราซิล อาเจน ก็ไม่เห็นเค้าใช้ภาษาหยาบแบบนี้หรือพูดดถูกคนอื่นนะครับ ถ้าเค้าไปพูดแบบแสนดีใส่เพื่อนร่วมงานตอนทำงาน โดน report แล้วโดนลงโทษข้อหา language abuse แน่ๆครับ ใครบอกเด็กนอกเป็นแบบนี้ธรรมดาคือมั่วโคตรๆ

บอร์ดนี้กับทวิต ปล่อย สวะ อส อห เกลื่อนกว่าอีก

จะบอกเขาสมควรโดน ก็คงไม่ต่างกันที่แสนดีคิดอ่ะแหล่ะ

ผิดมากๆคือผิดกาละเทศะ พรรคพ่อยังไม่ทันจะบ๊ายบายกัน ยังหนุนกันอยูู่ไปอีกนิด ตัวแสนดีเสล่อให้พรรคร่วมแตกแยกกัน พิธาก็บอกแล้วว่าจะหนุนพท. อันนี้ผมว่าผิดแค่ตรงนี้แหล่ะ

Bratty / disobedient children เฉยมากเพราะผมก็ด่าพวกเด็กประเภทนี้

นั่นทำงานครับ ทำงานที่ไหน ๆ ก็แบบนี้ทั้งนั้น มันมีกติกาของความเป็นมืออาชีพอยู่

ก็ อ. เล่นไปซื้อบ้านให้ลูกอยู่เลยอะ คนอื่นเขาอยู่ในหอกันส่วนมาก มีไม่เยอะหรอกที่จะซื้อบ้านอยู่เองแบบลูกชายแก

เพื่อนผมอยู่ อเมริกา มองว่า ไม่เกี่ยวกับความคิดที่เป็นเด็กนอกครับ อย่าง อ.ชช บอกเองเลยว่า อยู่แค่ 3 ปีไม่เกี่ยวว่าไปอยู่เมืองนอกแล้วคิดแบบนี้ เป็นเรื่องของความคิดส่วนตัวล้วนๆครับ ซึ่ง อ.ชช เองยอมรับว่า ลูกเขาผิดเองและพยายามพูดคุยกับลูกมากขึ้น จุดนี้ผม ยอมรับ อ.ชช ว่า แกตอบได้ดีและทำให้ดูสถานการณ์ดรอบลง

เพื่อนผมอยู่ อเมริกา มองต่างกับ แสนดีเลย ยังมองว่า พรรคอันดับ 1 คือ นายก คิดหลักการสากลง่ายๆ ครับ แค่ ประเทศไทย มันบิดเบี้ยวแค่นั้น

วิจารณ์เรื่องนโยบาย ผมมองว่า เรื่องปกติ มันคงไม่ร้อนแรงเท่าไป ว่าคนเห็นต่างแค่นั้นจริงๆ เรื่องนี้ที่ แสนดี พลาดอย่างแรง และต้องไปเรียนรู้ความผิดพลาดนี้

เกี่ยวกับเรื่องไม่ได้ภาษาไทยด้วยไหม เลยเข้าถึงการรับรู้เกี่ยวกับสังคมไทย จากสื่อภาษาไทยไม่ได้ ทั้งข่าว ทั้งโซเชียล

ส่วนตัวไม่คิดว่าเกี่ยวกับเรียนเมืองนอกเท่าไหร่

มันอยุ่ที่ว่ามองคนระดับไหน แล้วก้สื่อสารยังไงมากกว่า

ในขณะที่10กว่าปีก่อนตอนที่ผมไปเรียนอังกฤษ เพื่อนๆผมแม่งนั่งสั่งหนังสือกงจักรปีศาจและนั่งฟังลุงสมชาย ป้าสมจิตรทั้งวัน

ผมเข้าใจคนที่ไปเมืองนอกมันเจอความ ปสด. กับพวก woke, extremist liberal มาเยอะ0นรำคาญ

แต่ในพรรคการเมืองไทยมันพูดคนละเรื่อง มันพูดเรื่องสิทธิการสมรส พูดเรื่องโอกาสในการทำงาน ฯลฯ ซึ่งต่างประเทศเรื่องพวกนี้มันคือ standard ต่ำสุดด้วยซ้ำ ซึ่งในไทยมองเป็นเรื่องสุดโต่ง


ดังนั้นผมว่าอ้างไม่ได้สักเรื่องเลย ในเมื่อคุณจะมาทำงานการเมือง เป็นผู้ช่วยหาเสียงให้พรรค คุณต้องเข้าใจบริบทสังคมไทยให้มากที่สุดอ่ะ ยิ่งพ่อตัวเองโดนฝ่ายนึงทำการแขวนประจาน ยังบ้าไปอยากให้พวกนี้มาบริหารประเทศอีก

เอาแค่การเหมารวมด่ากราดว่าคนเลือกพรรคส้มมีแต่เด็กนี่ก็อ่อนหัด ไร้เดียงสาทางการเมืองมากๆ

เขาเด็กอยู่ ใจเย็น ๆ