ผมเคยเจอแบบที่สอง แบบเก่งจริง ยอมรับเลย แต่เรื่องเข้างานสายทางบริษัทก็ปรับเงินตามมาตรฐานเท่ากัน ไม่มีอภิสิทธิ์ให้ใคร ก็ไม่มีใครทำตามนะเรื่องมาสาย

คนที่ตรงเวลาทำงานกลางๆ คือคนที่ทำงานไปวันๆ เช้าชามเย็นชาม เพราะอาชีพที่ทำมันต่อยอดหรือพัฒนาไรไม่ได้

ไม่ต่างอะไรจากคนที่มันมาเรียนหนังสือทุกวัน แต่เรียนรึเปล่าไม่รู้ แถมติด F ทุกปี

ผมขอมาสายแต่เก่งงานดีกว่าครับ มาสายแต่ถ้าตามที่ท่านบอกคือเขาก็จะเตรียมการ วางแผนงานมาหมดแล้วว่าวันๆนึงต้องทำไรบ้าง

ดีกว่ามาตรงเวลาแต่ทำงานแค่ตามคำสั่งแล้วต้องมาคอยแก้ให้นี่ปวดหัวกว่าเยอะ

mentality แบบแรกนี่คือตัวทำบ้านเมืองตกต่ำเลย ข้าราชการไทยชัดๆ

อยู่ที่ประเภทงานครับ

ใครมองว่า มาสายแต่เก่ง เป็นคนเอาเปรียบต้องคิดใหม่
มาสายแล้วเก่ง แล้วงานครบ หมายความว่า

1 ) เฉพาะกรณีงานห่วย คือ คนมาไว คือ มีเวลามากกว่า (กรณีงานห่วย) แต่งานไม่ได้เรื่องไม่เป็นไหน ไม่มีคุณภาพ = อนุมานได้ว่า คุณมีมีเวลาเยอะแต่ไม่ใส่ใจงาน อาจจะอู้ งานไม่ไปไหน จะมาเร็วไปเพื่ออะไร นี่ก็คือการเอาเปรียบได้เหมือนกัน ถ้าเป็นผมๆ จะเขี่ยทิ้งให้ไว

2) คนมาช้าแต่ทำงานเก่ง เก่งงาน หมายความว่า เขามีเวลาน้อยกว่า แต่ทำงานออกมาเก่ง นั้นหมายความว่างานต้องดี ต้องเตรียมความพร้อม ใส่ใจในงานมากพอสมควรที่จะทดแทนเวลาที่หายไป รับผิดชอบในตัวงานในระดับหนึ่งแล้วเพื่อให้ทันกับคนมาไว

สังคมไทย ยังชอบคนในกรอบหรือมองว่า 1) เฉพาะกรณี 1) งานกากๆ ถูก 2) เอาเปรียบ 1) แต่ผมมองว่า 1) ต่างหากที่เอาเปรียบ 2) คือคุณภาพงานไม่ได้ ความใส่ใจสนใจคุณไม่มีอยู่ไปวันๆ มาไวกว่าแต่ไม่เอาอะไร

เราต้องเปลี่ยนใหม่ คือ มองคนที่ Performace สิ ซึ่งคนที่ใส่ใจในตัวงาน มักจะมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย (เบื้องหลังคนพวกนี้ย่อมทำงานหนัก) ทำออกมาได้สำเร็จก็ยอดเยี่ยมพอแล้ว (นั้นหมายความว่าคนๆนั้นต้องใส่ใจ ต้องSpendเวลาให้กับงานพอสมควรอยู่แล้ว ย้ำคิดย้ำทำเพียงพอ) ซึ่งหากเกิดงานออกมาดี ก็จะอีกยิ่งดี ไม่ต้องทำเยอะแต่ได้คุณภาพและบรรลุในภาระหน้าที่ตามมอบหมายเป็นพอ ถ้าเป็นพวกสมบูรณ์แบบและรับผิดชอบต่อหน้าที่ มาสายได้ แต่หากมีวันที่เร่งด่วนสำคัญถ้าสามารถมาไวตามเวลาได้ย่อมไม่มีปัญหาอะไร

โลกนี้ต้องการการสร้างสรรค์ขับเคลื่อนด้วยผลงานที่ดี ที่มีคุณภาพสิ ไม่ได้ต้องงานคนที่มีระเบียบวินัยแค่มาเช็คชื่อให้ตรง ทำงานไปวันๆ ไม่ลาไม่สายไม่ขาด แล้วบอกว่าคนประเภทที่ 2 เอาเปรียบ ไม่ต้องการคนประเภทที่ 2 ว่าทำเกินหน้า บางคนเอาไปตำหนินินทาเหมือนกับพวกที่ 2) ที่บ้าในตัวงานเป็นพวกแปลกแยกกับพวกเช้าชามเย็นชาม ซึ่งคนประเภทแรกที่ต่อต้านประเภทสองนั้นไม่พอต่อการนำพาไปสู่โลกใหม่ แต่หากเป็นประเภท 1) กลางๆ แต่มีทัศนคติต่อ 2) ที่ไม่อคติเเละเน้นที่ตัวงานก็ถือว่าดีไม่เลวเช่นกัน ผมเลือกคน 2) เพราะสนใจแต่ผลลัพธ์ ผลผลิตเท่านั้น หากเขาทำออกมาดี ย่อมบ่งบอกว่าพวกนี้ใส่ใจ สนใจ ตั้งใจทำแล้วรับผิดชอบต่อหน้าที่เพียงพอแล้ว ใช้เวลาในงานเผลอๆมากกว่า ประเภท 1 ด้วยซ้ำ

เป็นผมๆ ไล่ 1 ออกหมด เอาแต่ 2 กรณีที่รับผิดชอบ และไม่สายทุกวัน วันสำคัญมาได้ไม่สายไว้หมด เพิ่มเงินให้ อัดฉีด ทำน้อยแต่ได้มากแถดีเลิศอีกก็พอแล้ว

งานของผม เป็นเซลส์ขายรถยนต์

ตอนผมทำงานอยู่กรุงเทพฯ ผู้บริหารบอกผมว่า ถ้ามึงทำยอดได้ตามเป้า กูอนุญาติให้มึงไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ประชุมเดี๋ยวกูจดรายละเอียดให้ แต่ถ้าทำยอดไม่ถึงเป้า ได้ 50% ต้องเข้าออฟฟิศครึ่งนึง ถ้ายอดต่ำกว่า 50% เข้าออฟฟิศทุกวัน

สรุป ผมได้สิทธิ์ไม่ต้องเข้าออฟฟิสทุกเดือน แต่ผมก็เข้าอยู่ดี แต่เข้าเที่ยงบ้าง บ่ายบ้าง แต่ประชุมผมมาบ้างไม่มาบ้าง(ตื่นไหวก็มา) อยู่บ้านคนเดียวโคตรเบื่อ เข้าออฟฟิศไปอยู่เป็นเพื่อนน้องในทีม มันมีคนนึงที่โดนเข้าออฟฟิศทุกวันป

ปีใหม่ทีหยุดไปสองอาทิตย์ ตรุษจีนก็ลา เชงเม้งก็ลา ลาทีหายไปเป็นอาทิตย์

โคตรคิดถึงตอนทำงานอยู่กรุงเทพเลย

ตอนผมเด็กๆ คือแบบที่ 2 เลย ทำงานกับบริษัทต่างชาติ

ก็ดูเวลาทำงาน 09.00-18.00
แต่ทำงานจริง 10 โมงถึง 22.00-02.00 แล้วแต่วัน (ตอนแรกทีมประชุม 09.30 ตอนหลังปรับเป็น 10.00 ไม่รู้เกี่ยวกับที่ผมไปไม่ค่อยทันหรือเปล่า)

ผมเลือก 2 ครับ ผมสนแค่ result เลย ไม่สนวิธีการอ่ะ ถ้าทำได้ตามที่สั่ง หรือมอบหมาย จะมาสายเท่าไหร่ผมไม่ติด ทีนี้ก็ต้องดูว่างานที่มอบหมายเกี่ยวเนื่องกับเวลาไหม ถ้าต้องมาประชุมเช้า แล้วมาได้ ไม่สายเกิน 15 นาที ผมโอเคเลย ถ้าคนแรกมาตรงทุกวัน แต่งานที่สั่งไม่เสร็จสักที ผมว่าคนนี้ที่เอาเปรียบครับ แปลว่าศักยภาพไม่ดีพออ่ะ สำหรับผม

คนที่เป็นลูกน้อง มักจะมองตัวเองเป็นแบบที่ 2 เสมอ เก่ง เก่ง และ เก่ง มาสายได้นิดหน่อย

แต่คนเป็นหัวหน้าจะมองว่าไอ้นี่เป็นคนแบบที่ 1 ที่มาสาย

1 ครับ ชัดเจน โปร่งใส

แบบ 2 นี่เหมือนเอ็งเตะบอลเก่งแต่จะมาซ้อมตอนไหนก็ได้
ในอนาคตสปิริตทีมเสีย ทีมพังแน่นอน

ในฐานะหัวหน้าขอแบบ 1 ครับ
ฝีมือน่าจะพอพัฒนากันได้ นิสัยจะพัฒนากันยาก
แถมจะทำให้ยากในการดูแลคนอื่นๆในทีมด้วย

เป็นผมเลือกแบบที่ 1 ครับ อาจจะไม่ใช่แค่มาทำงานตรงเวลา แต่หมายถึงส่งงาน ทำภารกิจอะไรเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ ไม่เลทไม่เลื่อนไม่สาย มันน่าจะส่งผลดีกว่า