มันแล้วแต่ความยากง่าย หรือการหาคนมาทำงานนั้นยากหรือง่าย และมันก็แล้วแต่ระดับความเก่งกาจ

ทุกอย่างมันหยวนได้ทั้งนั้นแหละ ตามระดับความเก่ง

สมัยผมทำงาน มีวิศวะกรระดับสูงเงินเดือนเฉียดล้าน บริษัทปรับรูปแบบเพื่อรั้งเอาไว้เต็มที่ ถึงขนาดปล่อยให้เขารับงานนอกได้ แค่ต้องเข้าทำงานที่บริษัทให้ครบชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น ไม่กำหนดเวลาเข้าออก และชั่วโมงต่อสัปดาห์หารเฉลี่ยแค่ราวๆวันละ 3-4ชั่วโมงก็ครบ

ถ้าเลทแค่เข้างานปกติผมเฉยๆนะ แต่ถ้าเลทแบบไปพบลูกค้าหรือต้องไปทำงานนี่ผมว่าไม่น่ามีใครเอาอยู่ละ

แบบแรกผมเจอมาโคตรปวดหัวเหมือนเพิ่มงานให้ตัวเองอะ

เวลามี 2 คนแบบนี้อยู่ในทีมเดียวกัน
ผมชอบคน 2 เพราะเป็นคนแบบเดียวกัน

ถ้าเราเป็นหัวหน้า เราสามารถใช้ goal เป็น kpi แทนเวลาทำงานได้ แบบนี้ผมชอบกว่า
เพราะ objective based มันใช้แล้ว challenging กับทีมดีกว่า
คนที่ 1 มันก็จะพัฒนาเป็นคนที่ 2 ได้ ทำให้ efficiency ทีมดีขึ้นด้วย

เวลาว่างก็ใส่ learning curve ให้คนที่ 2 ไป
จะได้ช่วยเราพัฒนาทีม เอามาเล่า เอามาแชร์ได้อีก

เรื่องสายจริงๆ ไม่มีอะไรหรอก ถ้าบอสเราโดนยิงในที่ประชุมรวม
เค้าก็ยิง performance รายบุคคลกับทีม ใส่ที่ประชุมไปก็จบเรื่อง
อันนี้ตอนเป็นลูกน้องเค้าก็เคยเป็นเหมือนกัน

หัวหน้าเรียกไปเตือน 2-3 ที ผมทำได้เดือนนึงก็เหมือนเดิม
แต่ performance ผมดีกว่าคนในทีม 2 เท่า

อารมณ์เหมือนเก่งแต่เอาเปรียบกับเฉยๆ แต่ซื้อสัตย์ การมาสายก็ถือเป็นการเอาเปรียบคนอื่น

เรื่องเวลาทำงาน ผมไม่ซีเรียสเลย

ผมซีเรียส เรื่องตัวงาน กำหนดเวลา ถ้าส่งล่าช้า ผมก็ไม่เอาไว้หรอก งานเสียแน่นอน

ทีมผมไม่ขออะไรมาก งานเสร็จตรงตามเวลา มีการรายงานความคืบหน้าตรงเวลา

มาประชุมตรงเวลา ส่วนเรื่องเวลาทำงานเอาบริหารเอาเอง

ถ้ามาสายแต่ยังทำงานเสร็จสมบูรณ์

ผมจะให้งานยากขึ้นเรื่อยๆ

ผลดีกับทั้งเจ้าตัวกับองค์กร

ถ้างานระดับมีลูกน้อง 100คน+

ตำแหน่งกลาง ถึงล่าง ต้องเป็นแบบทำงานกลางๆ ไม่งั้นคุมคนไม่อยุ่ อาจจะอินดี้ได้เฉพาะ5คนบนๆ



ส่วนถ้าพนักงาน 20หรือต่ำกว่า ก้แบบ2หมดยังได้

แบบ 2 ก็ดี แต่มาสายหักเงินตามระเบียบบริษัท

ผมเลือกนะ ผมมีลูกน้องที่แค่วางกรอบเวลาให้มันบรีฟงานให้ชัดเจน แล้วเข้าออฟฟิศมาช่วยงานบ้างตอนเราเรียก

Performance ของงานที่มอบหมายมันดีจริงๆครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบงานด้วย ถ้าเป็นพนักงาน

บริษัทจำพวกพนักงานเยอะๆ ตอกบัตรเป็น Routine คงไม่ได้ งานผมมัน flex ได้

ส่วนตัวผมเป็นแบบ 2 มาสายแทบทุกวัน แต่เก่งดูแลแทนเจ้าของได้ ซื่อสัตย์ ค่าแรงไม่แพง ทำที่เดิมมาสิบกว่าปีแระ

ผมเลือกแบบ1นะ ถ้ามีแค่2ทางนี้
เพราะแบบ1 มันแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบ
แบบที่2 คือคุณขาดตกบกพร่องความรับผิดชอบต่อตัวเอง แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่ขาดรวามรับผิดชอบต่องาน

การทำงานมันทำงานเป็นทีมครับ บางทีหัวหน้าที่มีความสามารถ ไม่ได้ต้องการลูกทีมเก่งเสมอไปนะ แต่ต้องการทีมเวิร์คและความรับผิดชอบในการทำงานมากกว่า

ถ้าหัวหน้าเก่ง เดี๋ยวมันจะค่อยๆหล่อหลอมให้ลูกทีมแบบ1 พัฒนาความสามารถขึ้นมาเอง

เลือกตรงเวลาเพราะงานไม่เสีย

ไม่จริงครับ ออฟฟิตเก่าผม และ ปัจจุบันเลือกอย่างที่สอง Startup หลายอย่างเพราะอะไรผลลัพท์มากกว่าวินัย ถ้างานเป็นแนวความคิด การสร้างสรรค์ ไม่ใช่การลงมือทำ บริการ แทบไม่สนวินัยเลย ขอผลมากกว่า

ผมเป็นคนแบบที่ 2 ถ้าเป็นหัวหน้าผมก็ขอเลือกแบบที่ 2

ถ้าผมเป็นหัวหน้า ก็จะโค้ชทั้งคู่อ่ะแหละ คนแรกฝึกให้เค้าทำงานเก่งขึ้น ส่วนคนสองก็ฝึกให้เค้ามีความรับผิดชอบมากขึ้น บอกไปว่าถ้าอยากรับงานใหญ่ งานสำคัญในอนาคต ควรทำให้ได้