เอาจริงๆ อยากเรียนโรงเรียนไหนก็ไปถามโรงเรียนนั้นเค้าว่าเค้าให้ทำไหม

ถ้าเค้าไม่ให้ก็ไม่ต้อง มาบ่น หรือ โอดโอยอ่ะไรน่ะครับ เพราะทุกที่มีกฏระเบียบครับ

เออถ้า ไปขอเค้าแล้วเค้าให้ แต่ไปเรียนแล้วไม่ให้ อันนี้ ค่อยมาขอความเป็นธรรม

ควรจะอนุญาตให้สักได้เมื่อบรรลุนิติภาวะอะผมว่า
ส่วนตัวมองว่ามันคนละกรณีกันนะ สักมันอยู่ไปตลอดชีวิต
แต่ทรงผมมันเปลี่ยนได้ตลอด
และต่อให้สักจริงก็ควรมีสิทธิ์ได้เข้าเรียน

ผมว่าถ้าเลือกโรงเรียนแล้ว ก็ควรทำตามกฏโรงเรียนที่เค้าระบุไว้ ถ้ารับไม่ได้ก็ไปหาโรงเรียนที่เค้าไม่มีกฏระเบียบพวกนี้อะ ไม่ใช่มาแหกกฏให้ตัวเองทำได้ ก็เหมือนกับการทำงานนั่นล่ะองค์กรทุกที่ก็มีกฏของเค้า

อีกหน่อยตอนรับเด็กโรงเรียนคงต้องคุยกฏระเบียบชัดๆก่อนเลย แล้วเซ็นรับไปเลยทั้งผู้ปกครองทั้งตัวเด็กให้รับทราบ

ต้องถามโรงเรียนครับว่ามีกฎห้ามมั้ย คนสักไม่ผิดครับ แต่ต้องยอมรับผลการกระทำของตัวเองด้วย ในส่วนของรัฐธรรมนูญไม่ห้ามอยู่แล้ว

เรามองแบบปัจเจก เลยดูว่าไม่เป็นไร

แต่ถ้าสักเป็นแกงค์ สักแบบนักโทษทั้งตัว เพื่อนทำกูก็ทำ

อืมมมม... ก็อาจจะไม่เป็นไรก็ได้ แต่ผมนึกภาพไม่ออก

สักได้ตอน 20+ครับ

ผลพวงจากแนวคิดเสรีนิยม ผมไม่ได้ตัดสินนะว่าถูกหรือผิด แต่การที่เราคิดว่าเรามีสิทธิ เสรีภาพ แบบเป็นอนันต์มันอันตรายนะ อย่างที่เคยพิมพ์ไป สุดท้ายมันจะกลายเป็น รัฐอนาธิปไตย เพราะ กฎหมายมันขัดสิทธิเสรีภาพเรา

ข้อนี้คือจุดอ่อนของ เสรีนิยม คุณไปเถียงกับมุสสลิมคุณก็แพ้ทั้งปีอ่ะ เพราะขอบเขตของเสรีภาพ มันคือแค่ไม่ละเมิดคนอื่น อย่างกรณีตัวอย่าง

ครอบครัวมีอะไรกันเองในครอบครัว อย่างนี้ถือว่าผิดไหม ตอบในมุมเสรีนิยมมันไม่ผิดสิ เพราะมันไม่ได้ไปละเมิดใคร เขาสมัครใจกันเองในครอบครัว แต่ลึกๆในใจเรารู้ว่ามันผิดศีลธรรม แต่ในกฎการไม่ละเมิดเสรีภาพมันไม่มีผิดไง จะบอกว่ามันผิดกฎหมายแต่ถ้าประเทศนั้นไม่ได้ให้สิ่งนี้มันผิดล่ะ เท่ากับว่ามันไม่ผิดหรอ ถ้าคุณคิดว่ามันผิดเท่ากับคุณไม่เคารพเสรีภาพของเขารึเปล่า ?

ถ้าสังคมมันไม่กฎอะไรที่ทำความเข้าใจร่วมกันอ่ะ มันก็จะมั่วๆแบบนี้แหล่ะ กฎการอยู่ร่วมกันมันต้องมีครับ

เอ้อ เรื่องสัก จะสัก ไม่สัก ก็เรียนๆไปเหอะ ถ้ามันไม่ส่งผลอะไรอ่ะนะ

ถ้าผมเป็นผู้บริหารโรงเรียน (เอกชน) ก็ต้องได้นะ ตามสิทธิเสรีภาพของเค้า

แต่ก็ต้องดูการตอบรับของสังคมเพื่อนนักเรียนเค้าด้วย เพราะถ้าเกิดเข้ามาใหม่ๆ เช่น ม.4

ด้วยสังคมและวัฒนธรรมที่อยู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน ไม่ใช่ที่ทุกคนจะรับได้กับเรื่องการสักเต็มหน้าตั้งแต่เด็กๆ

ก็ต้องให้ทั้งผู้ปกครอง เพื่อนๆ เค้ามาคุยว่าจะเอายังไงต่อ เปลี่ยนห้อง สลับคนให้คนรับได้มาอยู่ในห้อง

หรือถ้าแทบไม่มีใครในห้องยอมรับได้ ก็คงต้องขอให้เด็กคนนั้นออก ซึ่งมันก็อยู่ที่ยุคสมัยนั้นๆ

อีก 10-20 ปี อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้

แต่ ณ ปัจจุบันคนที่จะรับได้ก็คงไม่ได้เยอะ


แต่ถ้าในมุมมองผู้ปกครองที่ลูกต้องไปอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ ผมก็ไม่ให้อยู่นะ ถ้าโรงเรียนให้น้องเก่งอยู่ได้

ผมก็คงให้ลูกย้ายโรงเรียนอ่ะ แค่มายเซ็ตว่าให้ลูกอายุ 14-15 สักเต็มหน้า โดยที่ไม่ได้คิดถึงอนาคตเขาเลย

ไม่ได้จะมูลี่คนสักนะ แต่ถ้าพ่อแม่ชอบ เด็กอยากสัก แต่ก็ควรแนะนำปะว่าสักไว้ใต้ร่มผ้ากลากเกลื้อนดีกว่าไหม

เผื่อโตมาอยากรับราชการ อยากเป็นดารา อินฟลูเอนเซอร์ ซุปเปอร์โมเดล

ดูกฏครับ ง่ายๆ คือถ้าผิดก็มี"สิทธิ์"ไล่ออกครับ

และถ้าน้องเป็นนักเรียนเก่งมากระดับเหรียญทองโอลิมปิก มีสิทธิ์ที่จะละเว้น และอนุโลมได้

ประเทศไทยครับ

และถ้าหากไม่เคารพกฏ สำหรับผมมันคือการไม่เคารพคนอื่นด้วย

เรื่องที่ต้องสนใจจริงๆคือคุณภาพของครูมากกว่าชุดนักเรียน ทรงผม หรือรอยสัก ถ้าครูเอาเวลาที่สนใจเรื่องพวกนี้ไปพัฒนาตัวเองหรือฝึกภาษามันคงมีประโยชน์ต่อระบบการศึกษาไม่น้อย ไม่ใช่พอถึงเวลาบังคับคะแนนภาษาหรือวัดคุณภาพก็มางอแง

ถ้าจำไม่ผิดคือครูนะครับ ครูระดับประถมถูกไล่ออกเพราะสักทั้งตัว (ไม่ใช่แค่ทั้งตัว ทั้งหน้าด้วย) เหตุผลก็อย่างที่ว่า เพราะไปทำให้เด็กกลัว

อันนี้ผมว่าไม่น่าเทียบได้กับเรื่องเด็กสักนะ เพราะสถานะไม่เหมือนกัน ครูเป็นลูกจ้างรัฐ ส่วนเด็กเป็นคนที่รัฐต้องปกป้องสวัสดิภาพตามรัฐธรรมนูญ

ผมยังคิดว่านอกจากโรงเรียนมีหน้าที่สอนหนังสือ ยังต้องมีหน้าที่สอนเรื่องอื่นๆและอบรมเด็กด้วยครับ จะหาว่าผมหัวโบราณก็ได้นะ แต่เด็กใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนหักลบเวลานอน มากกว่าเวลาที่บ้านอีกครับ โรงเรียนก็ควรจะช่วยสอดส่องพฤติกรรมที่อาจสร้างผลเสียต้อตัวเด็กในระยะยาว

เด็กก็คือเด็กครับการตัดสินใจบางอย่างมันยังไม่ดีพอ ผู้ใหญ่ยังต้องช่วยดูแลกำกับซึ่งส่วนนึงเป็นหน้าที่โรงเรียน ลองนึกย้อนกลับไปตอนเราเรียนประถม มัธยมสิ มีสักกี่เรื่องที่เรานึกตอนนี้ได้ว่า "ไม่น่าทำ" เลย

กลับมาเรื่องสัก ผมไปหาข้อมูลมาเร็วๆ มีความเสี่ยงทางสุขภาพดังนี้

- ภูมิแพ้ทางผิวหนัง ซึ่งอาการอาจเกิดหลังจากสักได้หลายปี
- ติดเชื้อทางผิวหนัง
- โรคทางเลือด
และอื่นๆ ลองอ่านเพิ่มดูใน

https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/adult-health/in-depth/tattoos-and-piercings/art-20045067

ในเมื่อการสักมันมีความเสี่ยงเรื่องสุขภาพ โดยส่วนตัวผมมองว่าโรงเรียนควรจะยังคงกฎเรื่องห้ามสักอยู่ครับ

ถ้าสักได้ เจาะต่างๆ หรือ modify ร่างกายก็ต้องได้ ผมว่ามันต้องมีความพอดี to a certain extent อะครับ
มันเหมือนการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มันไม่ได้มีกฏหมายมาครอบ แต่มันก็มีเรื่องอื่นๆมาจำกัดมันซึ่งอาจจะไม่ได้ขาวดำชัดเจน

แต่การเข้าโรงเรียนผมเห็นว่า เป็นการเข้าร่วมกลุ่มสังคม ผู้ควบคุมก็ต้องมีกฎระเบียบเพื่อทำให้สังคมนั้นๆอยู่อย่างสงบสุข ซึ่งจะห้ามหรืออนุญาตก็แล้วแต่
ถ้ารับไม่ได้กับกฎนั้นๆ ยกตัวอย่างว่าห้ามสัก แต่ยังมีทางเลือกอื่นๆให้เข้าถึงได้ เช่นศึกษาทางไกล กสน ต่างๆ ผมว่าทาง รร ก็ไม่ได้ผิดที่จะห้ามครับ

ถ้าผมต้องมาเป็นครูในยุคสมัยนี้ ผมคงเป็นโรคประสาทแน่ๆ

ถ้างั้นผมก็คงจำผิดว่าเป็นนักเรียนแหละครับ โทษที