และแล้วก็ถึงการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ redbird era แบบเต็มตัว
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เกินคาด แต่ถือว่าคิดเอาไว้แล้ว เพราะโดยปกติ ทุกการเทคโอเวอร์ ทีมงานเดิมของผู้บริหารเก่าจะถูกปลดทั้งหมด
แต่ ณ ห้วงเวลานั้นสถานะของมัลดินี่และมาสซาร่า อยู่ในสถานะแตะต้องไม่ได้ เพราะทีมเพิ่งมีผลงานเป็นแชมป์มาหมาดๆ การไม่ต่อสัญญาทั้งคู่มันจะทำให้เกิดแรงเสียดทานและต่อต้านจากแฟนบอลในทันที
จึงเป็นเหตุให้ต้องยอมเปาโลตามเงื่อนไขในสัญญาที่เปาโลต้องการเพื่อรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ (สำคัญนะใครอย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะภาพลักษณ์แย่มันส่งผลต่อเชิงธุรกิจ)
ใช้ผลงานในซีซั่นนี้เป็นตัวตัดสิน เมื่อขออำนาจมากย่อมแลกด้วยการแบกผลลัพธ์ที่ถูกคาดหวังสูงเช่นกัน อีกอย่างต้องอย่าลืมว่า นี้เป็นการทำงานแบบมีอำนาจเบ็ดเสร็จครั้งแรกของเปาโล ซึ่งก่อนหน้านี้จะคอยมีคนคะคานบ้าง(กาซิดิส) เมื่อผิดพลาดเขาก็ต้องรับแรงกระแทกไปเต็มๆ ตัวอย่างของการรับผิดชอบการตัดสินใจที่พลาดซีซั่นนี้มีให้เห็น 2 ที่ บาเยิร์น(ไล่ออก)กับอาหยัก (ลาออก)
เรื่องงบประมาณอย่างที่เรารู้ๆกัน ว่าเรดเบิร์ดจะให้เงินเย็น แน่นอนคือ 50- 70 ล้านยูโร ที่เหลือถ้าอยากได้เพิ่มก็ไปขายเอา
การที่มัลดินี่ออกมาของบเพิ่ม มันก็เหมือนว่าเขาเองก็ดูไม่มั่นใจว่าเขาจะขายนักเตะเหล่านี้ได้ หากขายไม่ได้ ของบซื้อเพิ่มตัวเลขในบัญชีก็ยิ่งติดลบ และอย่างที่เคยบอกไว้วิธีการเดียวที่เจ้าของจะยัดเงินเข้าทีมได้ นั้นคือ มิลานต้องกู้เงินจากเรดเบิร์ดเท่านั้น มันก็แปลว่าทีมจะเป็นหนี้เรดเบิร์ดทันที และไม่ใช่ว่าเจ้าหนี้จะใจดีเหมือนโรมันที่รักเซลซีทุกคน
การให้งบเงินเย็นของเรดเบิร์ดจึงถูกคำนวนจากยอดที่สามารถใช้ได้ตามกฎ FFP แล้ว นั้นก็เป็นหน้าที่ของบอร์ดฝ่ายกีฬาต้องไปจัดการเอาเองตามวงเงินที่วางไว้
เกริ่นมาสะยาว ณ ตอนนี้จากหน้าสื่อ เชื่อว่า คนที่จะเข้ามาดูแลตลาดซัมเมอร์นี้ น่าจะเป็นเฟร์ลันนี่ และมองคาด้า จะถูกโปรโมทเป็น dof ค่อนข้างแน่ แต่ก็มีอีกชื่อที่โผล่มานั้นคือ อิกิล ทาเร่ dof ของลาซิโอ ที่หมดสัญญาซัมเมอร์นี้พอดี และน่าจะเป็นคนที่เข้าขากับปิโอลี่มากที่สุด และหากสนใจพ่อข้อความสั้นการได้ทาเร่มา ตรงนี้จะง่ายขึ้น
มาถึงคนที่จะสอดคล้องกับรูปโพสต์อย่างที่เคยบอกครับเมื่อเรดเบิร์ดมายังไงก็จะใช้หลักมันนี่บอลแน่ๆ แต่ที่แล้วมามันไม่สามารถใช้ได้อย่างเต็มตัว เพราะที่แล้วมามองคาด้ายื่นสถิตินักเตะให้ มัลดินี่มักชอบเลือกนักเตะคนอื่น(โดยเฉพาะในซีซั่นนี้) ซึ่งไม่อิงตามสถิติของหลักมันนี่บอล
มันจึงทำให้มิลานเตรียมแต่งตั้ง บิลลี่ บีน เจ้าพ่อวงการมันนี่บอล อดีตนักเบสบอล เจ้าของร่วมบาล์นลี่ย์และ อาแซด อัคมาร์ เข้ามาเป็น 1 ในทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลตลาดนักเตะ
และอีกคนลุค บอร์น ผู้ก่อตั้งร่วมบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Zelus ที่เรดเบิร์ดเป็นเจ้าของอยู่ เข้ามาช่วยในเรื่องตลาดนักเตะ เพื่อให้ตรงตามหลักการมันนี่บอลมากที่สุด
โครงสร้างการทำงานแบบคร่าวๆ
เรดเบิร์ด - เฟร์ลันนี่ -มองคาด้า -เฮดโค้ช -ทีมวิเคราะห์- ทีมแมวมอง
หากทำงานสอดคล้องกัน มันลดโอกาสผิดพลาดลงได้ ไม่เสียเงินไปเปล่าๆ ผลงานต้องตอบแทนได้ในเวลาไม่นาน
วลีนึงที่ปิโอลี่ชอบตอบนักข่าว"นักเตะไม่ว่าอายุเท่าไหร่ หากเขาเก่ง เขาต้องปรับตัวได้ และเล่นได้ดี" แปลว่าอะไรไปตีความกันเอาเอง
ส่วนประเด็นทีมแตกจริงๆอยากให้ฟังหูไว้หูก่อน อาจไม่มีอะไรในกอไผ่เลยก็ได้หรืออาจมี แต่มันไม่น่าจะถึงขั้นคุยกันไม่ได้
ยกตัวอย่างเคสคล้ายๆกันของต๊อตติ ก็มีข่าวทีมแตกเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
เพราะงั้นรอเวลาครับ อาจจะดีขึ้นหรือแย่ลง อันนี้ต้องให้เวลา
หากออกมาดีเรดเบิร์ดก็ได้คำชม ออกมาไม่ดี เขาก็ต้องรอรับแรงกระแทก ซึ่งเขาก็คิดเผื่อเอาไว้แล้วไม่งั้นคงไม่ปลด
อ่อ ไม่ว่าใครมาเทคโอเวอร์ทุกคนต้องการผลประโยชน์หมดครับ แต่นี้กัลโช่ ไม่ใช่พรีเมียร์ลีก
มิลานกำไรแค่ 120 กว่าล้านแบ่งในกองทุนได้คนละนิดหน่อยไม่พอค่าเช่าเพนเฮาส์ด้วยซ้ำมั่ง
เขาหวังปันผลแน่นอนครับ แต่แค่ไม่ใช่ในระยะตั้งไข่แบบนี้ เพราะตอนนี้มันหวังอะไรไม่ได้
เพราะงั้นดูและเชียร์กันต่อไปเน้อ
ควงซัง
Ac Milan ไทยแลนด์แดงดำ