ในกรณีที่น้ามัลไป แล้วทาเร่มา มิลินโควิช-ซาวิชต้องตามมาด้วย ถึงจะพอลดแรงกระแทกได้

มิลานก็คือมิลาน และน้ามัลก็คือส่วนหนึ่งของมิลาน ส่วน Red Bird ก็แค่เจ้าของทีมคนนึงของมิลาน

ส่วนอนาคต Red Bird จะเป็นส่วนหนึ่งของมิลานในแบบไหน ก็ต้องติดตามต่อในอนาคต แต่น่าจะดูไม่ยาก แค่ฤดูกาลหน้าก็น่าจะเห็นเป็นลางๆแล้ว

Money Ball ไม่ใช่ซื้อมาทำกำไร

การซื้อมาแล้วทำกำไรได้มันเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะมันหมายถึงเงินหมุนเวียนของโลกฟุตบอลในปัจจุบันที่ ทุกทีมที่อยากเล่นในบอลยุโรปของยูเอฟ่าต้องเรียนรู้และเข้าใจไปกับมัน

หลักๆของมันนี่บอล คือ เอาสถิติทุกอย่างของนักเตะ ในตำแหน่งที่อยากได้ มาเปรียบเทียบกัน ว่าคนไหนคุ้มค่ากว่า โดยไม่ได้สนใจชื่อเสียง สัญชาติของนักเตะคนนั้น โดยสนใจแค่ในแง่ของคุณภาพอย่างเดียว หรืออารมณ์คือ ซื้อมาใช้ได้ทันทีหรือปรับตัวได้ในเวลาอันสั้น

ที่แล้วมามิลานไม่สามารถทำตามรูปแบบมันนี่บอลได้เต็มร้อย
และเหมือนที่เคยบอกมันไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการบอล เพราะหลายๆทีมโตมาด้วยระบบมันนี่บอล และประสบความสำเร็จได้ เช่นกัน

บางทีมก็ประสานกับมันนี่บอลและการวางโครงสร้างเยาวชนที่ดีให้สอดคล้องกันไปได้ เช่น ลิเวอร์พูล หรือ ซิตี้ ใช่อ่านไม่ผิดซิตี้ก็ใช้มันนี่บอลเช่นกัน เขาก็อิงฐานข้อมูลเหมือนกัน

ยิ่งในปัจจุบันยิ่งทำให้เจ้าของใช้เงินส่วนตัวเข้ามาอัดฉีดยากขึ้น จากเคสของยูเวนตุส และซิตี้ ทุกอย่างจะถูกตรวจสอบมากขึ้น ละเอียดขึ้น เพราะงั้นทุกทีมจะต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้ก่อนเป็นสิ่งแรก รายได้ต้องหาให้ได้มากขึ้น

การซื้อถูกขายแพง มันก็ถือเป็นอีกทางนึงที่ยกฐานะของทีมขึ้นได้

ถ้าเราซื้อๆๆๆๆ แต่เราขายไม่ได้เลย FFP ก็ติดลบไปเรื่อยๆ เช่นกัน

ซื้อได้ก็ต้องขายให้ได้ด้วย ไม่งั้นจะอยู่ได้ยังไง แต่ถ้าไม่สนจะเล่นบอลยุโรปแล้ว ก็ไม่ต้องแคร์ ตราบใดที่อยากเล่น เขาเป็นผู้จัดก็ต้องทำตามกฎของเขา

เพราะงั้นมันนี่บอลมันก็แค่หลักของการเอาข้อมูล เอาอัลริทึ่ม เอาสถิติมาใช้ ว่าควรซื้อใคร พวกนี้มันคือข้อมูลตัวเลข ไม่ใช่ความรู้สึก มันเป็นข้อมูลที่ผ่านการกรองมาแล้ว โดยอิงกับสถิติ จุดเด่น จุดอ่อนของทีม แล้วเอาไปสังเคราะห์ข้อมูลว่า คนนี้ คนนั้นเหมาะกับทีมหรือไม่ คุ้มกับเงินที่จะเสียหรือเปล่า

หลักการมันแค่นี้เลย

จริงๆก็อธิบายบ่อยนะ แล้วก็บอกไปหลายรอบแล้วว่า เรดเบิร์คจะใช้มันนี่บอลแน่ๆ จากประสบการณ์บริหารทีมกีฬาของเขา และกับลิเวอร์พูลที่เขาเป็นหุ้นส่วน

สุดท้ายการปลดมัลดินี่ หากตัดความเป็นตำนานออกไป มันก็แค่เรื่องของเจ้าของกิจการกับลูกจ้างตกลงในนโยบายไม่ได้แค่นั้นเองครับ

ทุกคนเคารพมัลดินี่แน่นอน แต่หากคุยกันไม่รู้ คนนึงมองไปอีกทาง อีกคนมองอีกทาง สุดท้าย ผลเสียนะจะตกที่มิลานเต็มๆ ไม่ได้ตกที่คาร์ดินาเล่ หรือ มัลดินี่

คาร์ดินาเล่ไม่ไหวเขาก็ แค่ขายทีม มัลดินี่ก็อาจลาออกหลังจากนี้ในอีกหลายปีหลังจากที่ฝืนไปพัก

สุดท้ายผลเสียมันก็เกิดกับทีมไปแล้ว

ส่วนข่าวทีมแตก ตอนนี้เอาจริงๆยังไม่มีแอคชั่นจริงๆ จากทางนักเตะ มีแต่สื่อเขียนขึ้นเอง

และคนที่สื่อเอามาลง คือคนที่สัมภาษณ์กับสื่อว่าย้ายทีมมาเพราะมัลดินี่ทุกคน (เหลือชิรูด์นะ)

แต่คนอื่นที่เป็นแกนหลักยังเงียบอยู่ เพราะงั้นฟังหูไว้หูไว้ก่อน
ของเลเอานี้ ทวิตแค่อิโมจิ ครุ่นคิด สื่อเอาไปตีความเป็นพารากราฟ
เพราะงั้นจริงๆมันอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ครับ
เพราะฉะนั้นรอ

ควงซัง