[RE: ชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆ (ในหมู่บ้านไส้ติ่งแตกเสียชีวิต)]
ขอให้ผู้ใหญ่ท่านนั้นไปสู่สุคติครับ RIP
ขอเล่าประสบการณ์ไส้ติ่งแตกของผมบ้างไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ 555
สมัยนั้นอยู่ม.5 สมัยนั้นผมอยู่กับยายวันนั้นเป็นวันตรุษจีนบ้านก็มีไหว้แล้วผมกินเยอะพอผ่านไปซักพักผมไปวิดพื้น
ต่อมาไม่นานเกิดปวดท้องด้านขวาอย่างแรง ผมจึงไปถามพี่ที่เรียนหมอที่มาในงานด้วยแกก็ว่าอาจจะเป็นไส้ติ่ง แต่แม่ผมเข้ามาบอกว่าผมออกกำลังกายหลังกินข้าว บอกแล้วไม่ฟัง55 พี่ผมก็เลยไปหายาลำไส้มาให้ผมกิน อาการก็ทุเลาลงไปบ้างแต่ก็ยังไม่หาย
่วันรุ่งขึ้นผมก็ปวดด้านขวาอีกแต่ไม่มากแล้วก็เลยนึกว่าไม่มีอะไร แต่พอตกกลางคืนเกิดปวดหนักมาก ปวดแบบทั่วทั้งท้องเลยไม่ใช่แค่ด้านขวาจนผมไม่ได้นอนทั้งคืน เช้ามืดผมปวดจนน้ำตาไหล รวบรวมกำลังลุกไปหยิบมือถือโทรหาพ่อ แกก็รีบนั่งรถมาพาผมไป รพ พญาไท 1 ที่อยู่ใกล้บ้าน พ่อเดินหิ้วปีกแทบจะอุ้มพาผมไปถึงโรงบาลไปถึงแจ้งอาการหมอขอเจาะเลือด หมอแจ้งว่าไส้ติ่งแตกแล้วต้องผ่าทันที แต่พอถามราคาหมอบอกสองแสนถึงกับเงิบเลย555 จึงพากันไป รพ รามา แต่ไปถึงปรากฏเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผมมีสิทธิ์อยู่ที่ รพ ราชวิถี จึงนั่งแท็กซี่ไปที่นั่นอีกไปถึงประมาณเก้าโมง นอนรอในห้องฉุกเฉินหมอแจ้งว่าจะได้ผ่าช้าหน่อยคนไข้เยอะมาก พอบ่ายแก่ๆผมถามพยาบาลว่าเมื่อไหร่ได้ผ่าผมปวดมากๆแล้ว แกบอกว่าหมอปรึกษากันอยู่ ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามีอะไรเพิ่งมารู้ความจริงหลังจากนั้นหลายปีว่าหมอที่จะผ่าแกประชุมหมอและปรึกษากับหมอโรคหัวใจของผมจาก รพ รามาเนื่องจากผมเป็นหัวใจรั่วแต่กำเนิดจึงเป็นเคสที่ละเอียดอ่อนมาก อาจอันตรายถึงชีวิต !! ผมก็นอนปวดอยู่บนเตียงบิดไปบิดมาน้ำตาไหลพราก กว่าจะได้ผ่าตัดจริงๆก็ราวๆสองทุ่มหมอให้ดมยาสลบพร้อมพูดอะไรหลายประโยคผมก็จำไม่ได้แล้ว 55รู้แต่ตอนนั้นมันปวดจนไม้รับรู้อย่างอื่น พอผ่าเสร็จโล่งหายเป็นปลิดทั้งเลย
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เข็นผมมาที่โถ่งทางเดินใกล้ๆลิฟต์แล้วบอกผมว่าคืนนี้ห้องเต็มนอนนี่ก่อนนะ ผมก็โอเคยังไงก็รอดแล้ว 555แต่คืนนั้นก็ไม่ค่อยได้นอนเพราะไฟส่องหน้า แถมมีคนเดินไปมาตลอดคืน เช้าวันต่อมาหมอให้ผมกินได้แต่น้ำเปล่าต้องรอห้าวันถึงกินข้าวได้ สายๆก็มีอาจารย์หมอมาราววอร์ดพานักศึกษาแพทย์กลุ่มใหญ่มาด้วย หมอก็คุยกะผมสองสามคำแล้วบอกให้ผมเปิดแผลให้ดูผมถึงได้เห็นแผลตัวเองเป็นรูใหญ่ยาวประมาณหกเจ็ดเซ็นได้เห็นแล้วก็เสียวๆอยู่ เห็นชั้นไขมันเหลืองชั้นเนื้อสีแดงชัดมาก แล้วหมอก็หันไปพูดกับพวกพี่ๆนักศึกษาที่ก็ดูตื่นเต้น พูดซุบซิบอะไรกันอยู่ 55
คืนที่สองผมยังนอนที่โถ่งทางเดินเหมือนเดิมแบบชิลๆเพราะไม่เจ็บอะไรมากแล้ว ตกกลางดึกผมตื่นมาเห็นพยาบาลและหมอวิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วยด้วยอาการรีบร้อน ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงมีคนหลายคนออกมาจากลิฟต์แล้วเข้ามาในห้องนั้นแล้วคุยอะไรกับหมอโดยมีเสียงร้องไห้ลอดออกมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข็นร่างหนึ่งผ่านผมไปแล้วก็มีคนพาผมไปนอนในห้องแทนตำแหน่งที่ว่าง เช้าขึ้นมาผมก็ถามพยาบาลได้ความว่าคนที่เสียเมื่อคืนเป็นคุณปู่อายุมากแล้วตายเพราะโรคชราผมก็สวดมนต์รำลึกถึงแกเพราะแกไปแท้ๆทำให้ผมได้นอนในห้อง

จากนั้นผมก็ได้นอนในห้องผู้ป่วยอย่างสบายในห้องมีหกเตียง แต่ละคนเป็นโรคหนักๆทั้งนั้นทำเอาผมนี่อาการเบาที่สุดในห้องไปเลย ช่วงเวลาอยู่ รพ พยาบาลก็มาเปิดล้างแผลทุกวันเป็นอะไรที่เจ็บมากแต่ก็ทนได้ที่แย่คือไม่ได้กินข้าวเลยห้าวันวันที่หกข้าวมาส่งผมซัดอย่างเร็วมือสั่นมากๆจนพี่พยาบาลเห็นอมยิ้มแล้วก็เข้ามาคุยเล่นกับผม 555
ถึงวันที่สามผมปวดฉี่จะแต่ลุกเดินไม่ไหว จึงเรียกหาพยาบาลแต่กลับโดนดุโดยที่แกบอกว่าจริงๆมันเดินเอง ผมก็ลองลุกดูตอนลุกยืนนี่คือเจ็บมากแต่หลังจากยืนตรงได้ก็ไม่เท่าไหร่ ด้วยความที่เบื่อกับการอยู่บนเตียงผมเลยลุกเดินทั่วโรงบาลเลยโดยต้องลากเสาแขวนน้ำเกลือไปด้วย ลงตึกมาคนมองกันทั้งรพ 555
พอออกจากรพ ก็ต้องมาล้างแผลอยู่อีกเป็นเดือนครับ หยุดเรียนไปอาทิตย์นึงพอกลับมาเพื่อนต้อนรับกันใหญ่ 555 สรุปผมผ่าตัดไส้ติ่งแตกใช้สิทธิ์บัตรทองไม่เสียเงินซักบาทครับ มีเสียแค่ค่าบัตรรพ 10 บาทเท่านั้น
เล่ามายืดยาวอยากจะบอกว่าถ้าหากปวดท้องด้านขวาแบบไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตให้รีบหาหมอทันทีเพราะถ้าเป็นไส้ติ่งก็อาจจยังไม่แตก แต่ถ้าปล่อยไว้แล้วแตกนี่เรื่องใหญ่ครับ ขอให้ทุกท่านพักผ่อนวันหยุดอย่างเต็มอิ่มครับ
ปล ผมขอขอบคุณหมอ พยาบาลและทุกคนที่มีส่วนที่รักษาผมอย่างจริงใจที่เล่ามาผมไม่ได้คิดต่อว่าหรือวิจารณ์สภาพรพแต่อย่างใดครับแค่เล่าประสบการณ์ตัวเองสนุกๆเฉยๆ