แฟร์คืออะไรครับ ทุกกฎมีคนได้เปรียบเสียเปรียบอยู่แล้วครับ

อย่าง ffp ผมว่าทีมที่ได้เปรียบคือทีมที่มีฐานแฟนบอลใหญ่อยู่แล้วมีชื่อเสียงอยู่แล้วไม่อยากเสียอำนาจไปง่ายๆ
ถ้ามองว่าทีมฟุตบอลเป็นธุรกิจ ถ้าเจ้าของบริษัทอยากจ่ายเงิน ขาดทุนแล้วก็พร้อมสนับสนุนต่อ สำหรับผมไม่เห็นจะผิดตรงไหน ในโลกธุรกิจมีตั้งหลายธุรกิจที่ขาดทุนแต่เจ้าของยอมขาดทุนและใส่เงินมาเรื่อยๆ ไม่งั้นก็ต้องมีกฎว่าบริษัทห้ามขาดทุนในทุกธุรกิจหรือเปล่า ถ้าเรามองว่าจะกำหนดเป็นบรรทัดฐาน

ผมว่าหลังๆมีกฎระเบียบมากมายที่ออกมาเพื่อรักษาฐานอำนาจ เช่น เรื่องโลกร้อนปล่อย co2 หรือ carbon credit ถามว่าประเทศที่เจริญแล้วคุณปล่อยมาก่อนหน้านี้เท่าไร ทำไมคุณไม่จ่ายค่าปรับของสิ่งที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้ด้วยละ

สำหรับผมไม่มีอะไรแฟร์อยู่แล้ว แฟร์คือไม่มีกฎทุกคนทำได้ทุกอย่างไม่มีการวิจารณ์จากสังคม (แต่โลกความจริงทำไม่ได้ 55)

ตามหลักการแข่งขัน
ทุกอย่างต้องเท่ากัน นั้นคือคำว่า เท่าเทียม

กฏนี้มันก็แค่อุ้มทีมใหญ่ ปกป้องทีมเล็ก
แต่ก็ถือเป็นการคุมกำเนิดทีมใหม่

ผมเคยเสนอวิธีลดความเหลื่อมล้ำไปแล้ว แต่หลายคนก็ยังอุ้มทีมใหญ่อยู่ดี

ถ้าให้ตอบแบบตรงๆแรงนะ มันคือสามล้อถูกหวยดีๆนี่เอง

สมมติซีซั่นก่อนยังทำได้แค่ยืมตัวนักเตะเกรดต่ำๆดันดาวรุ่งขึ้นมา ผลงานที่ผ่านมาก็ไม่เคยจะดี จู่ๆตื่นมา มีเงินในบัญชีเยอะมาก สามารถซื้อตัวนักเตะเกรดดีๆจ้างโค้ชแพงๆเอาใครก็ได้ ทั้งที่ความเป็นจริงทีมระดับนี้ควรที่จะซื้อตัวตามกำลังตามสถานะตัวเองดิ แบบนี้มันย้อนแย้งไหมละ?

แฟร์เดียวที่ผมมี คือ ดูบอลแบบแฟร์แฟร์

ผมไม่คิดว่าเจ้าของทุกทีมในลีคจะมีเป้าหมายเดียวกันทั้งหมดนะ..

นี่มันฟุตบอลยุคธุรกิจ ยุคทุนนิยม ถามว่าเจ้าของไบร์ทตัน, เบรนท์ฟอร์ด และอีกหลายๆทีมมีเป้าหมายอะไรตอนเทคโอเวอร์สโมสร

ผมไม่เชื่อว่าพวกนี้จะบอกว่า"ลุ้นแชมป์" นะ..ทุกคนก็เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยใช้ทรัพยากรที่ตัวเองมี (ทีมงาน) ให้คุ้มที่สุด

ถามว่าผลประโยชน์มาจากไหน? ก็มาจากค่าสปอนเซอร์, ลิขสิทธิ์, เงินรางวัล และ.."เงินจากการขายนักเตะ"

ผมเชื่อว่าจะมีเจ้าของทีมเล็กๆเยอะเลยที่ไม่เห็นด้วย ถ้ามีกฏแบบแฟร์เท่าเทียมจริงๆ ประเภทมีเพดานจำกัดเท่ากันทุกทีม

นั่นทำให้ทีมใหญ่ต้องใช้เงินอย่างจำกัดในการซื้อผู้เล่น..ถามว่าทีมไหนที่จะกระทบ ก็ทีมเล็กที่อยากปั้นนักเตะมาขายนั่นแหละ

ถ้าลองไปถามเจ้าของไบร์ทตันว่า คุณอยากซื้อไคเซโด้มา 4.5 ล้านยูโรเพื่อพาทีมลุ้นแชมป์ เล่นจนกว่าจะหมดสภาพค่อยปล่อยออก

หรืออยากจะปั้นจนถึงจุดพีค ขาย 100 ล้าน แล้วหาไคเซโด้คนใหม่ปั้นให้เหมือนคนเดิม..แล้วทำกำไรเหมือนเดิม ผมว่าแกเลือกอันหลัง

ดังนั้นเลิกพูดถึงความแฟร์ในการแข่งขันได้เลยฮะ ในเมื่อโจทย์ของแต่ละทีมมันไม่เหมือนกันตั้งแต่แรกแล้ว

ยังไงก็ไม่แฟร์หรอกครับ แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย

ถูกตามนี้เลยครับ กฎ FFP ปัจจุบัน
คือเอื้อทีมใหญ่ให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ปกป้องทีมเล็กไม่ให้ล้มละลายจากการใช้จ่ายเกินตัวในขณะเดียวกันมันก็กีดกันทีมใหม่ๆ ยากมากที่จะเติบโตไปแข่งขันกับทีมใหญ่ๆได้

ชื่อกฎมันตั้งย้อนแย้งกับความเป็นจริง มันไม่ได้แฟร์เพลย์หรอก แค่กันไม่ให้ทีมเล็กที่ใช้จ่ายเกินตัวล้มแค่นั้นเอง

ดูอย่างเคสปาร์มาก็ได้ ตอนแรกใช้เงินเจ้าของอุ้ม พอเจ้าของล้ม ทีมเละเลย

กฎการเงินมันไว้ใช้ป้องกันไม่ให้ทีมล้มละลายนะ ลีดส์เองก็เคยมีปัญหาการเงิน ใช้เงินเกินตัว

ไม่มีอะไรแฟร์100กับทุกคนหรอก โลกก็เป็นอย่างนี้ แต่พูดถึงทีมเล็กก็มักจะซื้อนักเตะได้ในราคาถูกกว่าชาวบ้านนะ สมมุติเล็งนักเตะอาแจกซ์ที่ฟอร์มดีขึ้นมาปีนึง ถ้าแมนยู เชลซีซื้อ อาจจะมี35-45 ลป. ทีมเล็กอาจจะซื้อได้ในราคา 18-25 งี้

สมมติว่า เสี่ยหมีไม่ยอมยกหนี้ให้เชลซีสิ

สโมสรควรอยู่ได้ด้วยตัวของตัวเองไม่ใช่เงินเจ้าของ การที่ได้เงินมาแบบมีลับลมคมในทำให้ทีมสามารถใช้จ่ายเกินกว่ารายได้ที่ควรได้ อันนี้มันคือไม่แฟร์อย่างหนึ่ง การที่มีสปอนเซอร์ทิพย์ จ่ายเงินเกินกว่าที่ควรจะเป็นให้ทีมซึ่งจริงๆก็เงินของเจ้าของทีมนั่นแหละ แต่เลี่ยงด้วยการจ่ายผ่านสปอนเซอร์ที่เป็นบริษัทในเครือหรือบริษัทคู่ค้ากับบริษัทตัวเองแบบนี้คือไม่แฟร์

คอมเม้นท์แบบนี้ระวังจะโดนทัวร์สีน้ำเงินนะท่าน 555

ถ้ากำหนดเพดานค่าเหนื่อย กับค่าตัวนักเตะ นี่โคตรฮาเลย

นึกภาพตามนะว่าถ้าคุณทำงานเก่งมากๆ แต่บริษัทบอกว่าเก่งแค่ไหนก็จ่ายได้เท่านี้
เท่าไอคนที่เก่งน้อยกว่าคุณมาก เพราะกฏหมายกำหนด

คุณจะทำงานนั้นได้นานไหม

ทีมใหญ่มันผิดอะไรก่อน เงินเค้าก็หามาด้วยความพยายามกว่าจะได้้มาไม่รู้กี่ปี
การที่คุณจะขึ้นมาเป็นทีมใหญ่คุณก็ต้องผ่านความลำบากมาก่อนสิ

ตรรกะอะไรเนี่ย...

ก้ต้องมาดูว่า FFP ทำมาเพื่ออะไรไง

ถ้าแค่ไม่ให้ล้มละลาย ก้บอกไปเลยตรงๆ อัดฉีดเงินได้ แค่ต้องมีเงินมากกว่าพวกสัญญาในอนาคต เผื่อไว้ซัก30% ของปีหน้า

ถ้ามีก้คือใช้เงินเท่าไหร่ก้ได้

เช่น อยากซื้อ1000ล้าน ก้แค่มีเงิน1000ล้านตอนนี้ในบัญชีสโมสร รวมกับค่าเหนื่อยปีหน้า 30-50%