หน่วยงานที่สบายก็พอมี แต่เป็นหน่วยที่ไม่ได้เจอประชาชน เป็นหน่วยเฉพาะทาง เช่นวิจัย เพาะเลี้ยง อะไรพวกนี้ มีคนรู้จักอยู่ จะเหนื่อยเป็นช่วงๆ มันไม่มีมีงานทำตลอด


แต่พวกรับหน้าประชาชนนี่แทบไม่ได้พักไม่มีเวลากินข้าว กับพวกทำงบประมาณก็เหนื่อย

งานสบายในความคิดผม คือใช้สมองใช้ความรู้ ไม่ต้องไปทำงานแบบใช้แรง ไปออกพื้นที่
รึว่า รับเคสประชาชนประมาณนี้นะ
แต่ก็ต้องตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่ใช่มาสาย บ่ายกลับก่อน

อา่ไรว๊า เขาหางานสบายๆ ไม่ใช่วา่เขาไม่ทำเต็มที่ซะหน่อย

เขาอาจหมายถึง งานสบายๆ ราชการก้คือนั่งโต๊ะทำงาน ไม่ต้องพบปะประชาชน นานๆ เจอที ทำงานของตัวเองให้เสร็จปะครับ

พนักงานหน่วยงานตาม เทศบาล หรือ อบต. อบจ. เลยครับ

เข้างาน 10 โมง > 11 โมงเลิกงานละ

โยนงานให้อัตราจ้างให้หมด แล้วก็ออกไปเที่ยว สบายยยยยยย

ได้เลิก 4 ครึ่ง ผมก็ถือว่าสบายแล้วครับ

งานสบายมันไม่มีอยู่จริงหรอกครับ ทุกงานมีคุณค่า มีความยากความลำบากในตัวมันเอง

ถ้ารักสบาย เปิดร้านกาแฟนั่งชิวๆดีกว่า จะทำเจ๊งก็ไม่มีใครว่า แต่มากินเงินภาษีหวังงานชิวๆสบาย ถ้าเปรียบประเทศเป็นบริษัท คุณเป็นเจ้าของบริษัท อยากได้พนักงานทัศนคติแบบนี้รึเปล่าล่ะ ลองคิดดูนะมีบริษัทไหนมีตำแหน่งงานสบายๆรายได้ดี สวัสดิการดีรึเปล่า

อ่านคอมเม้น

นะครับนะ เอาจริงไม่ควรมีmind set แบบนี้ครับผม ผมเป็นขรกแต่ทำงานเต็มที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีหนักบ้างเบาบ้างในแต่ละวัน เชื่อผมเถอะทำดีขยัน ผลกรรมดีจะเข้าตัวเราเอง บางครั้งตอนนี้ขรก ถูกเหมารวมว่าขี้เกรียจไปหมด ผมบอกเลยมีอีกเยอะที่ไม่ขี้เกรียจครับ แต่ส่วนใหญ่ก็อย่างที่เห็น ปล ผมมาเม้นได้เพราะลางานมาติดตามแผลผ่าตัดกับหมอครับ

กรมอุตุ

เสียดายภาษีที่เอาไปจ่ายให้คนแบบนี้ หวังว่าจะคิดได้นะครับ

เอาจริงๆทหารนะ มีทหารมาเปิดร้านนมแถวบ้านผม แทบจะอยู่ดูร้านตลอดช่วงเวลาราชการเลย

คนนี้เป็นลูกน้องเก่าลุงผม(ลุงผมเกษียณ) ตอนลุงทำงานอยู่ก็ไม่เคยเห็นมีเวลาว่างออกมาข้างนอกได้ขนาดนี้นะ

คนไปว่าเขานี่กระแดะชิบหาย

กรมจัดหางานครับ เจอคนไม่บ่อย วันนึง 4-5 คนแล้วแต่บางวันก็ 10+ ทำเกี่ยวกับต่างด้าว

เลิกงาน 16.30 ทุกวัน

เดือดอะไรกันขนานนั้น

ถ้าผมทำงานธุรการรับส่งหนังสือทั่วๆ ไป งานสบายๆ ทำตามหน้าที่ตัวเองครบถ้วน แบบนี้เสียหายยังไงครับ

บางคนก็โอเวอร์เกิน อย่างบริษัทมันก็มีงานหนักเบาไม่เท่ากันรึป่าว เขาก็มาถามหาแบบนั้น