ทักษิณเปิดแล้ว ไม่มากไม่น้อยไปกว่าที่คาดหวัง คือไม่แตะ 112 แม้แต่นิดเดียว แต่พูดเรื่องย้ำเรื่องสิทธิในการประกันตัว ด่ามาเยอะ อะไรต้องให้เครดิตก็ให้ อะไรที่ง้างด่าไปแล้วก่อนหน้านี้ก็ขอประทานโทษ
(รายละเอียดหาอ่านจากกระทู้ด้านล่างนู้นเอานะครับ)

เชื่อไหมยังมีคนที่คิดว่าศาลไม่ได้ทำผิดอะไรอยู่เลย และการถอนประกันตะวันกับแบมก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ คือไอ้พวกสลิ่ม คนแก่ ฟังแต่ top news พวกนี้ช่วงหัวแม่งมัน แต่คนทั่วไป คนฝั่งประชาธิปไตยจำนวนมากติดหล่มทางความคิดอยู่แค่เรื่องวิธีการของน้อง ก็เพราะพวก influencer ทางการเมืองหลาย ๆ คนแม่งตั้งใจวนพูดอยู่แค่เรื่องนี้

ถามว่าไม่รู้หรอว่าตะวันกับแบมทำไปที่มาที่ไปมันเป็นยังไง หัวใจสำคัญคือเรื่องอะไร แม่งรู้หมดแหละ แต่ไม่พูดถึง

ทักษิณเปิดละนะครับ influencer ฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหลายรีบ ๆ ตามมา เวลาเหลืออีกไม่เยอะ สิ่งสำคัญที่ทำได้เร็วที่สุดตอนนี้คือกดดันให้ศาลรับคำร้องขอประกันตัวนักโทษทางการเมืองที่ยังไม่ถูกตัดสินทั้งหมด นี้คือ 1 ในข้อเรียกร้องของตะวันและแบม และน่าจะเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้น้องตัดสินใจอดอาหารและน้ำ (ทักษิณเองก็ย้ำประเด็นนี้ ส่วนหนึ่งเพราะไม่ได้คิดจะไปไกลกว่านี้ด้วย)

อย่างน้อยถอนฟืนออกจากไฟ อย่าให้มันนำไปสู่การต้องเสียสละชีวิตของใคร

มีปัญหาแทบทุกวรรค ทุกประโยคที่พิมพ์เลยครับ
มี 112 ยังขนาดนี้ ไม่มีจะขนาดไหน
เอาแค่อันนี้ก็ต้องอธิบายยาวแล้วครับ
อย่างแรก ตามหลักการเสรีประชาธิปไตย กฏหมายมีเพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่ว่ามีเพื่อให้คนกลัวที่จะถูกลงโทษ ดังนั้นกฏหมายต้องบาลานซ์กันระหว่างการปกป้องสิทธิและการใช้เสรีภาพ
ทีนี้มาดูว่า 112 มันบาลานซ์ไหม กฏหมายมาตรา 112 คือกฏหมายว่าด้วยการหมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายประมุขของรัฐ เอาแค่นี้ก็มีปัญหาแล้ว เพราะการจับเอาการหมิ่นประมาทและการอาฆาตมาดร้ายซึ่งมีความร้ายแรงต่างกันโดยสิ้นเชิงมาอยู่ในกฏหมายมาตราเดียวกันทำให้การกำหนดโทษมันไม่สอดคล้องกับระดับความผิด เกิดช่องว่างในการตีความมากเกินไป จนนำไปสู่การลงโทษเกินสัดส่วนความผิด

ส่วนที่ว่าถ้าไม่มีจะขนาดไหน รู้หรือไม่ว่าประเทศเสรีประชาธิปไตยที่ยังมีกษัตริย์หรือราชวงศ์อยู่ ไม่มีกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือมีแต่ไม่ได้บังคับใข้มามากกว่า 100 ปี, กฏหมายหมิ่นประมาทประมุขของประเทศเสรีประชาธิปไตยส่วนใหญ่ไม่มีโทษจำคุกและไม่ค่อยได้ใช้จริงด้วย
สถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยั่งยืนและสถาพรทั้งในยุโรปหรือญี่ปุ่น คงอยู่ได้ด้วยการปรับตัวและรับฟังประชาชนทุกภาคส่วน สถาบันส่วนใหญ่ในโลกล้วนล่มสลายเพราะไม่มีความยึดโยงกับประชาชน ใช้อำนาจโดยไม่สนใจเสียงของประชาชน และส่วนใหญ่ถูกโค่นล้มโดยทหาร ไม่มีสถาบันกษัตริย์ที่ไหนล่มสลายเพียงเพราะถูกประชาชนด่า
อังกฤษไม่เคยใช้กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเกือบ 150 ปีและมีการทำโพลยกเลิกสถาบันทุกปี ญี่ปุ่นไม่มีกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ได้ส่วนส่งเสริมใด ๆ ต่อความสถาพรของสถาบันพระมหากษัตริย์ มีแต่จะกลายเป็นอันตรายจากการถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
และการยกเลิกหรือหยุดใช้กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของใครก็ตาม ไม่เคยมีสงครามกลางเมืองจากการปะทะกันของสองฝ่ายหลังการยกเลิกกฏหมายหมิ่น

นี้แค่ประโยคแรกนะ

ไม่รูัจริงๆนะว่าอดข้าวอดน้ำไปแล้วช่วยได้จริงไหมนอกจากเรื่องการสร้างกระแสให้คนสนใจมากขึ้น เพราะถ้าเขามองว่าเขาไม่ผิดยังไงเขาก็คงคิดเหมือนเดิม คิดว่าเขาคงมีธงในใจอยู่แล้วว่าจจะจัดการยังไงและคงไม่เปลี่ยนแค่เพราะเห็นใจและคงไม่ได้รู้สึกกดดันจนถึงกับยอม อยากให้มีชีวิตออกมาสู้ด้วยวิธีอื่นมากกว่า

กฏหมาย ถ้าขาดศีลธรรมและสามัญสำนึก

มันก็คือมีดเย็นๆที่เฉือดคอโดยไม่รู้สึกรู้สา

ทุกวันนี้มันเอาทุกทาง เพราะกฏหมายเอื้อ เพราะมีสิทธิทำได้ มันคุมทั้งกฏ เขียนทั้งกฏ ตีความกฏ บังคับใช้กฏ

ถ้าจะล้ม112 อย่าลืมรีเซ็ตที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เพราะเราอาจลืมไปว่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเคสถุงขนมที่กฏหมายไม่กล้าล่อทักกี้เพราะกลัวอำนาจมืด จนกระทั้งคนๆนั้นก้าวลงมา มันสะท้อนว่าระบบมันโอนเอียงไปอีกอำนาจ กระบวนการที่เอียงไปตามผู้มีอำนาจ ควรถูกรีเซ็ตข้างในด้วย

สิ่งที่ทำให้ศาลมันเป็นแบบนี้ก็ไอ้พวกออกไปชุมนุมเรียกทหารออกมาให้เกิดรัฐประหารไงหละ

ผมตอบแทนน้องไม่ได้ แต่ถ้าให้เดา ผมว่าการทำให้คนสนใจเรื่องนี้มากขึ้นคือสิ่งแรกที่น้องต้องการ แน่นอนว่าจะมีคำถามตามมาอีกว่าแล้วมันคุ้มหรอ? คนสนใจแล้วไง มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ผมไม่คิดว่าคุ้ม แล้วก็คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็คิดว่าไม่คุ้ม แต่สำหรับน้องอาจจะคิดว่ามันคุ้มแล้วก็ได้ที่จะแลกชีวิตตัวเองกับการทำให้คนหันมาสนใจความเน่าเฟะของกระบวนการยุติธรรม เด็ก 2 คนนี้ไม่ใช่คนแรกที่คิดแบบนั้นและตัดสินใจเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก

อย่างไรก็ตามผมไม่เห็นด้วยและคิดจะทำทุกอย่างเท่าที่พอจะทำได้ในวิสัยที่จะขัดขวางไม่ให้น้องต้องตายเพื่อแลกกับอะไรก็ตาม

ทุกวันนี้มี 112 ยังขนาดนี้ ทั้งในเนทและเวทีปราศรัย
ถ้าไม่มี ไม่รู้จะขนาดไหน คิดว่า ไม่มีแล้วจะ พูดอะไรก็ได้ โดยไม่ผิดกฏหมายเหรอ อย่าลืมว่ายังมีคนส่วนนึงรักในสถาบันอยู่ ถ้าไม่มีกฏหมาย ความเชื่อทั้งสองฝั่ง ได้ฆ่ากันแน่ คิดว่าประเทศนี้ เอาความจริงมาพูดทั้งหมดแล้วจะดีเหรอ ยังมีคนส่วนนึงที่เค้าไม่สนความจริง ยึดความเชื่อ ไหนจะมีคนที่เสียผลประโยชน์อีก ประเทศไทยตอนนี้มันทำให้ประชาธิปไตย เต็มรูปไม่ได้ หรอก ตราบใด ที่คนทั้งประเทศไม่ร่วมมือกัน ไม่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ยอมที่จะสละผลประโยชน์ อาจต้องรออีกสัก 20-30 ปี ในยุคของคนรุ่นใหม่จริงๆ

เขร้ อ่านแล้วไม่รู้จะเริ่มอธิบายจากตรงไหนก่อนดีเลย

อธิบายได้เลยคับ ผมอาจมองในมุมผม

แล้วกฏหมายหมิ่นประมาทมีไว้ทำไมละครับ ประโยชน์ 112 มีอะไรนอกจากใช้กำจัดคนเห็นต่าง

ถ้าบอกไม่มีแล้วพูดอะไรก็ได้ คืออะไรครับ คุณกลัวเขาจะพูดอะไรจนต้องให้ 112 อุดปากไว้ อันนี้สงสัย

มีปัญหาแทบทุกวรรค ทุกประโยคที่พิมพ์เลยครับ
มี 112 ยังขนาดนี้ ไม่มีจะขนาดไหน
เอาแค่อันนี้ก็ต้องอธิบายยาวแล้วครับ
อย่างแรก ตามหลักการเสรีประชาธิปไตย กฏหมายมีเพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่ว่ามีเพื่อให้คนกลัวที่จะถูกลงโทษ ดังนั้นกฏหมายต้องบาลานซ์กันระหว่างการปกป้องสิทธิและการใช้เสรีภาพ
ทีนี้มาดูว่า 112 มันบาลานซ์ไหม กฏหมายมาตรา 112 คือกฏหมายว่าด้วยการหมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายประมุขของรัฐ เอาแค่นี้ก็มีปัญหาแล้ว เพราะการจับเอาการหมิ่นประมาทและการอาฆาตมาดร้ายซึ่งมีความร้ายแรงต่างกันโดยสิ้นเชิงมาอยู่ในกฏหมายมาตราเดียวกันทำให้การกำหนดโทษมันไม่สอดคล้องกับระดับความผิด เกิดช่องว่างในการตีความมากเกินไป จนนำไปสู่การลงโทษเกินสัดส่วนความผิด

ส่วนที่ว่าถ้าไม่มีจะขนาดไหน รู้หรือไม่ว่าประเทศเสรีประชาธิปไตยที่ยังมีกษัตริย์หรือราชวงศ์อยู่ ไม่มีกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือมีแต่ไม่ได้บังคับใข้มามากกว่า 100 ปี, กฏหมายหมิ่นประมาทประมุขของประเทศเสรีประชาธิปไตยส่วนใหญ่ไม่มีโทษจำคุกและไม่ค่อยได้ใช้จริงด้วย
สถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยั่งยืนและสถาพรทั้งในยุโรปหรือญี่ปุ่น คงอยู่ได้ด้วยการปรับตัวและรับฟังประชาชนทุกภาคส่วน สถาบันส่วนใหญ่ในโลกล้วนล่มสลายเพราะไม่มีความยึดโยงกับประชาชน ใช้อำนาจโดยไม่สนใจเสียงของประชาชน และส่วนใหญ่ถูกโค่นล้มโดยทหาร ไม่มีสถาบันกษัตริย์ที่ไหนล่มสลายเพียงเพราะถูกประชาชนด่า
อังกฤษไม่เคยใช้กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเกือบ 150 ปีและมีการทำโพลยกเลิกสถาบันทุกปี ญี่ปุ่นไม่มีกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ได้ส่วนส่งเสริมใด ๆ ต่อความสถาพรของสถาบันพระมหากษัตริย์ มีแต่จะกลายเป็นอันตรายจากการถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
และการยกเลิกหรือหยุดใช้กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของใครก็ตาม ไม่เคยมีสงครามกลางเมืองจากการปะทะกันของสองฝ่ายหลังการยกเลิกกฏหมายหมิ่น

นี้แค่ประโยคแรกนะ

ไม่มี 112 ก็ยังมีหมิ่นประมาท ไม่ใช่จะพูดไรก็ได้

แล้วทำไมถึงพูดความจริงทั้งหมดไม่ได้ครับ ความจริงมันต้องพูดได้สิ ถ้าหมิ่นประมาท ก็มีกฎหมายสำหรับทุกคน แล้วเกี่ยวอะไรกับมีคนรักสถาบัน ไม่มีใครห้ามรักซะหน่อย มีแต่คนห้ามไม่ให้รักนี่ล่ะ ที่เป็นปัญหา

ก็ไม่มากกว่าที่คาดหวัง คือไม่แตะเรื่องที่เป็นใจกลางของปัญหาอย่าง 112 ไม่พูดถึงข้อเรียกร้อง3 ข้อของน้องๆ แต่ยังดีที่ออกมาเบรคเหล่านางแบกที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งด้านหลักการไปหลายคนเลย รอบนี้ได้เห็นหลานคนบ้ง หลายคนล้มไม่เป็นท่า

ผมเชื่อว่านี่เป็นวิธีคิดที่เป็นรากฐานของคุณทักษิณจริงๆที่เห็นได้จากการแสดงออกหลายครั้งคือ คิดว่าเรื่องทั้งหมดมันคุยได้ ดีลกันได้ เอาเด็กมานั่งคุย ให้บางอย่างที่เค้าต้องการโดยไม่ต้องไปแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์

สิ่งที่เสียดายอีกอย่างก็คือ ตอนนี้มันเป็นการถกเถียงในประเด็นแค่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่น้องใช้ จนไปกลบหลักใหญ่ใจความของข้อเรียกร้อง 3 ข้อของน้อง โอเค 3ข้อของน้องโอกาสที่จะได้น้อยมาก แต่อย่างน้อยควรถูกพูดถึง นำเสนอ หรือจึ้ถามความเห็นของพรรคการเมืองว่าสนับสนุนหรือไม่ มากกว่านี้

ความรู้สึกผมตอนนี้มันรันทดมากๆ อยากจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้มีความกล้ามากพอ ได้แต่ลงชื่อตามแคมเปญและ แชร์เรื่องราวผ่านช่องทางโชเชียลของตัวเองแค่นั้นเอง


เฮ้อ .....

1. กฏหมายหมิ่นประมาทก็มีครับใช้ได้ครอบคลุมประชากรไทยทุกคน
2. ใช่ครับยังมีคนรัก****แต่อย่าลืมว่าทุกวันนี้มีคนที่ทำให้สถาบันเสียหายเพราะใช้112มั่วไปหมดลงโทษคนทุกคนที่เกลียดทั้งๆที่บางเรื่องไม่เกี่ยวอะไรกับสถาบันเลย***
3. "เอาความจริงมาพูดทั้งหมดแล้วจะดีเหรอ" แล้วมันไม่ดีตรงไหนไอ้ความจริงเนี่ย
4. "ไหนจะมีคนที่เสียผลประโยชน์อีก"ใช่สิมีคนเสียก็ย่อมมีคนได้จะให้มันกระจุกอยู่แค่คนกลุ่มเดียวหรือจะกระจายให้คนอื่นได้พอมีชีวิตต่อไปในสังคมนี้ได้ก็คิดดูเอาละกัน
5. "อาจต้องรออีกสัก 20-30 ปี ในยุคของคนรุ่นใหม่จริงๆ"มัวแต่คิดแบบนี้ผมคงไม่แปลกใจเลยที่ผ่านมาประเทศนี้มันไม่เจริญขึ้นซักที