ผมจบนิติครับ ผมว่าสายงานบัญชีกว้างกว่าอะครับ
นิติผมว่าถ้าไม่ได้สอบสายราชการจะหางานยาก ผมหาแทบไม่ได้เลยสมัยจบใหม่
ส่วนมากต้องไปสอบใบอนุญาตว่าความอีก ต้องมีประสบการณ์ว่าความอีก

ผมขี้เกียจเลยเทเลยครับ มางานสายเซฟตี้แทน

บัญชีไม่เก่งก็หางานได้อ่ะ บางบริษัทพนักงานก็ทำไปเรื่อยๆงั้นๆแหละ แต่พวกนี้เงินเดือนไม่ค่อยสูง งาน Routine ซ้ำซาก

พวกคนเก่งจริงๆก็ไปได้ไกล ไปไวด้วย ไม่ถึง 30 ก็เงินเดือนเป็นแสนได้ง่ายๆ

ตอบแบบตรงๆเลยนะครับ ผมให้ไอเดียตามนี้เผื่อพิจารณาครับ

1. ความชอบ อันนี้สำคัญครับ ผมว่าทั้งสองสายนี้ คนจะเรียนได้จะต้องชอบในเรื่องที่เรียนพอสมควร ไม่งั้นเบื่อตายครับ ส่วนตัวผมชอบนิติศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก เวลาเรียนเลยรู้สึกสนุก ในขณะเดียวกันเพื่อนผมหลายๆคนที่ชอบเลขหรือชอบธุรกิจ แต่จับพลัดจับผลูมาเรียนนิติศาสตร์ก็ดู suffer กันหลายคน ผลการเรียนก็ออกมาไม่ค่อยดีครับ เพราะฉะนั้นผมว่าถามตัวเองดีๆก่อนว่าคิดว่าตัวเองจะชอบอันไหนมากกว่ากัน

2. เรื่องอนาคต รายได้ ผมตอบในฐานะคนจบนิติศาสตร์ที่มีเพื่อนทำงานสายบัญชี audit ในเฟิร์ม Big 4 และในฐานะที่เคยได้ฝึกงานในเฟิร์ม audit Big 4 มาด้วยนะครับ ผมกล้าตอบเลยว่าเงินเดือนของ law firm ระดับท็อปนั้นมากกว่าเงินเดือนของ Big 4 แน่นอนครับ มากกว่าในระดับเท่าตัวเลยด้วยซ้ำ อันนี้พูดจากมุมมองการเปรียบเทียบของคนประสบการณ์ประมาณ 5-7 ปีของทั้งสองสายนะครับ ในระยะยาว (กรณีได้ขึ้นมาเป็นระดับหุ้นส่วนของบริษัท) อาจจะไม่ต่างกันมาก อันนี้ผมไม่แน่ใจสำหรับสาย Audit แต่ถ้าระดับท็อปของ law firm ผมทราบมาว่ามีท่านนึงในวงการมีรายได้ระดับ 50-100 ล้านต่อปีจากการทำงานอย่างเดียวนะครับ ไม่ได้ประกอบธุรกิจส่วนตัว

3. ข้อจำกัด แน่นอนครับ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ พวก law firm ระดับท็อปๆจะต่างจาก Big 4 Audit firms ตรงที่ว่าเค้าจะมีมาตรฐานในการรับที่เคร่งครัดมากครับ ถ้าไม่ได้จบจุฬา ธรรมศาสตร์ โอกาสเข้าแทบจะเหลือศูนย์เลย (ยกเว้นจบตรีจากนอกมาหรือมีอะไรที่โดดเด่นมากจริงๆ หรือมีเส้นนะครับ) นอกจากนั้นจะต้องจบอย่างน้อยๆควรจะเกียรตินิยมอันดับ 1 (สำหรับ ฬ และ มธ ภาคอินเตอร์) และภาษาอังกฤษต้องเป๊ะพอสมควรครับ

4. ข้อเสียของสายนิติศาสตร์คือโลกแคบครับ คนเรียนกฎหมายจะขาดสกิลด้านธุรกิจไปพอสมควร ต่างจากคนเรียนบัญชี เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าวันนึงเรียนนิติศาสตร์แล้วสนใจจะเปลี่ยนสาย ไปทำงานอื่นๆเช่น ด้าน business หรือลงทุน เล่นหุ้น วิเคราะห์งบอะไรต่างๆ คนที่จบสายนิติศาสตร์อาจจะเจออุปสรรคมากกว่าสายบัญชีเยอะครับ การเรียนนิติศาสตร์ในไทยมันไม่ flexible เอาซะเลย เรียนแต่กฎหมายจริงๆ

สรุปคือ ถ้าท่านชอบนิติศาสตร์และมั่นใจในภาษาและศักยภาพที่จะเข้า ฬ มธ ได้ ขอให้เข้าไปแล้วตั้งใจเรียน จบออกมาหนทางเป็นคนรวยไม่ยากแน่นอนครับ ส่วนถ้ายังไม่แน่ใจ ยังลังเลว่าอาจจะออกมาเล่นหุ้น หรืออยากออกมาทำธุรกิจ ผมแนะนำเรียนบัญชีดีกว่า

ถูกต้องครับ นิติ ตัวทอป ผลตอบแทนเยอะมาก

ถ้าจะให้ดี นิติ ที่ด้าน บัญชี + สรรพากร + ศุลกากร

รายได้เป็นงานไม่ต่ำกว่า 8 หลักเเน่นอน

สรุปสาระที่ได้จากมู้นี้

ถ้าเก่งจริง ระดับท็อป เข้านิติ ม.ดัง ได้ เลือกนิติ
ถ้าเกรดรองๆลงมา เลือกบัญชี ยังไงก็มีงานทำ

เรียนทั้งคู่ ของมันคู่กัน

ถ้าจะเป็นข้าราชการ นิติ นี่สายโกงจริงๆ สอบมันได้ทุกอย่าง

ผมไม่ชอบทั้ง 2 อย่างเลย

แต่ปัญหาคืองานตอนนี้เหมือนบัญชีและกฏหมายรวมกัน จะบ้าาาาาา

ถ้าตอบแบบ ss ต้องบัญชีครับ ขาวๆ ทั้งนั้น

ถ้าไม่มีความพยายามในระดับนึง มาสายนิติไม่รุ่งครับ
ผมนี่โคตรขี้เกียจเลย ดันมาสายนิติ หนักหนาสาหัสมาก อ่านจนท้อ 55555555
อาชีพในอนาคตก็ไปได้หลาย
รับราชการนับจากยอดปิรามิด ก็ อัยการ ผู้พิพากษา คือสนามที่เด็กนิติถวิลหากันอยู่แล้ว
ไหนจะหน่วยงานราชการต่าง ๆ จะต้องมีนิติกร (กรมไหนเป็นสายหลักกฎหมาย จะมีเงินพิเศษให้อีก)
และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น กกต. ปปช. สายกฎหมายเงินเดือนก็จะบวกขึ้นไปอีกมาก

ส่วนเอกชนเท่าที่สมัครงานมาจะรับคนที่มีใบประกอบวิชาชีพทนายความเป็นส่วนใหญ่
หรือไม่ก็เป็นทนายความรับงานเองเดี่ยว ๆ เลย ทนายความเก่ง ๆ มีมากมายครับ แต่เค้าไม่ออกสื่อกัน
ทำคดีกันหลักร้อยหลักพันล้าน ได้ % กันรวย

แต่ถ้าได้ eng ด้วย ส่วนมากจะเป็นเด็ก ฬ มธ ทำ firm รายได้คิดเป็นรายชั่วโมงกันเลย แต่แลกกับการเสียสุขภาพ พี่น้องที่ทำงานหน่วยงานราชการตอนนี้ ก็หนีมากจากทนายความ + firm กัน เพื่อเตรียมตัวสอบอัยการ ศาล


ส่วนบัญชี พี่สาวของแฟนทำอยู่ มีงานรองรับแน่ ๆ ถ้าทำ บ. ทั่วไปเงินเดือนก็ปกติ + งานหนัก
ช่วงปิดงบต้องเร่งมาก ๆ แม้แต่แฟนผมที่จบสายวิทย์มา กำลังเรียนต่อ บช. ทุกวันนี้แม้ยังไม่จบ แต่ก็ได้ทำงานด้าน บช.แล้ว และหนักช่วงปิดงบเหมือนกัน ปีนึง จะมีช่วงว่างกับช่วงงานเยอะ
กับเพื่อนอีกคน ที่จบ บช มธ. จบมาเงินเดือนสตาร์ท 35k+ เลย แต่มันก็บ่นว่างานหนักมาก ใช้คุ้ม

ตัวท็อป ผมว่าบัญชีรวยกว่าครับ เพราะรับงานนอกได้หลายงานพร้อมกัน ปิดงบอย่างเดียวก็ แสนแล้วนะต่อ บริษัท

ถ้าจะรับราชการ แนะนำบัญชีดีกว่า ไปได้ทั้ง นวก.การเงินและบัญชี และ นวก.ตรวจสอบภายใน
บางกระทรวง นวก.ตรวจสอบภายใน ขึ้นได้ด้วยตนเองไปถึง ชพ. ทุกอัตรา ถ้าบรรจุอายุน้อย อายุไม่ถึง 40 ก็เป็น ชพ แล้วอนาคตเงินเกษียณเพียบ

ไฟแนนซ์ไปครับ

อันนี้ผมว่าไม่น่าใช่นะครับ ถ้าทำงานสังกัดบริษัท ปกติเค้าจะมีระบุในสัญญาจ้างงานเลยว่าห้ามรับงานนอก คืองานบัญชีในบริษัทตรวจสอบบัญชีก็หนักอยู่แล้ว ถ้าพนักงานทุกคนมัวแต่ไปรับงานนอกเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองใครจะอยากทำงานให้บริษัทอะครับ

อาจารย์สอนบัญชี ผม ม.เอกชนแห่งหนึ่ง ที่เรียนไปทำงานไป แกเป็น partner ของ Big 4 แห่งหนึ่ง และมาสอน ม ผมเพื่อ connection ล้วนๆ เข้าใจว่าแกน่าจะไม่ใช่ตัวท็อปสุด แกแค่เซ็นปิดงบเฉยๆ 200,000 ต่อบริษัท และ Big 4 ที่แกเป็น partner ก็ไม่เห็นห้ามแกรับงานนะ ไม่รู้ว่าอยู่ในฐานะ freelance หรือ ที่ปรึกษา แต่จ้างแก Consult ชั่วโมงละ 300 US และ แกรับโปรเจคนึงเรื่องภาษี และการจัดตั้ง บริษัทที่เผลอฉายในสไลค์แค่ค่า Researchก็ 36,000 US แล้วอ่า นี่ขนาดตัวไม่ท็อปยังขนาดนี้ ผมว่าท็อปน่าจะยิ่งกว่านี้

ผมเข้าใจว่าตัวท็อปคือคนที่เก่งสุดๆของสายงานนั้น ซึ่งคนที่สุดของสายงานนั้นผมว่าคือคนที่ไม่ต้องพึ่ง บ อ่า บ เก่าผมที่ทำ Start up ที่เจ๊งไปแล้วยังเคยจ้างที่ปรึกษาด้านบัญชีคนเดียว 9 ล้านกว่าเลย เพื่อประหยัดภาษีที่ไทยและสิงคโปร์ หลักร้อยล้าน เลยคิดว่ายังไงบัญชีก็น่าจะรวยกว่า