ที่ผมอ่านมา สรุปคือ

- ปัจจุบัน สัญญาเยาวชน รับเงินเดือน 7000 บาท + เบี้ยเลี้ยง 150 บาท

- สัญญาเยาวชนเหลือ 1 ปี 6 เดือน แต่ปัจจุบัน อายุเกิน 18 แล้ว

- สโมสรเห็นว่าเกินวัยเยาวชน แต่ยังไม่พร้อมใช้งานในชุดใหญ่ จึงทำสัญญาปากเปล่า โดยให้ค่าเหนื่อยเพิ่ม ตั้งแต่เดือนมิถุนายน จากเดิมเดือนละ 7000 บาท เป็นเงิน เดือนละ 50000 บาท โดยหวังซื้อใจว่านักเตะจะต่อสัญญาใหม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ

- นักเตะเริ่มไม่พอใจสโมสร เพราะไม่ได้ลงเล่น อยากหาที่ลงเล่น เลยคิดที่จะไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่ แต่เลือกรับเงินเพิ่มไปแล้ว?

- วันที่ 10 ชลบุรีให้นักเตะไปเล่นให้สมุทรปราการ แต่เจ้าตัวไม่ไป อ้างว่า ขอพัก

- วันที่ 11 เอเยนต์นักเตะติดต่อไปยังทีมต่างๆ เพื่อขอไปเล่นแบบยืมตัว หรือซื้อขาด

- สมุทรปราการรู้ข่าวไม่พอใจ จึงแจ้งชลบุรีว่า ไม่เอานักเตะคนนี้แล้ว ได้นักเตะใหม่มาแล้ว

- เชียงใหม่ กับอีกทีม ยื่นขอยืม ชลบุรีตอบรับให้ไปเชียงใหม่ แต่เงื่อนไขคือ ต้องต่อสัญญาฉบับใหม่ก่อน ถึงจะออกใบโอนย้ายให้

- นักเตะไปเปิดตัวกับเชียงใหม่ โดยยังไม่มีการโอนย้ายที่สมบูรณ์เพราะข้ามหัวชลบุรีไปเปิดที่เชียงใหม่ตัวเอง

- เมื่อไม่มีการย้ายทีมที่สมบูรณ์ เชียงใหม่ก็ลงทะเบียนไม่ได้ เพราะชื่อยังอยู่ที่ชลบุรี

- นักเตะไม่พอใจ โพสต์ออกสื่อ

ถามว่า ใครผิด??  

มันต่างกันมันไม่ใช่สัญญาปากเปล่านะเซ็นไว้แต่จะให้เซ็นอีกหากต้องการให้ยืมตัวนะ

ไม่ใช่จะเนียนไปฟรีๆน่าจะเข้าใจผิด  

เชียงใหม่มีติดต่อขอยืมตัวกับชลบุรี ชลบุรีตอบไปแล้วว่าให้ยืม

นักเตะไปเปิดตัวกับเชียงใหม่ ชลบุรีเรียกนักเตะมาคุยเพื่อต่อสัญญา ถ้าไม่ต่อจะไม่ส่งหนังสือให้ยืมให้

ลองอ่านตรงนี้นะครับ ประเด็นมันอยู่ที่การต่อสัญญาล้วนๆเลย

อีกอย่างผมลองเช็คดูแล้ว เด็กคนนี้ไม่เด็กแล้วนะครับ อายุ 19 ปีแล้ว และถือว่าเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพแล้ว

จะมานั่งนับว่ามีบุญมีคุณกันก็ถือว่าไม่ถูก ถ้าจะดองเด็ก อันนี้แล้วแต่เลยครับ มีแต่เสียกับเสีย

ที่จะเสียหนักกว่าคือเด็กรุ่นต่อๆไปมันคงมานั่งคิดว่าถ้าแจ้งเกิดกับทีมไม่ได้ พวกเขาจะต้องทำยังไงต่อ  

ในเมืองนอกก็มีหลายเคสที่สโมสรออกมาต่อว่านักเตะลืมบุญคุณ เลี้ยงดูปูเสื่อ พออายุ 16-17 ย้ายหนีไปเซ็นสโมสรใหญ่แบบฟรีๆ

เรื่องต่อสัญญาก่อนปล่อยยืม สโมสรแมนยู ลิเวอร์พูลก็บอกนักเตะก่อนเลย ว่าจะปล่อยยืมถ้ายอมต่อสัญญา เช่น แฮร์รี่ วิลสัน, มาโก กรูยิซ รู้ว่าไม่มีอนาคตกับสโมสรและเหลือสัญญา 1 ปี สโมสรยื่นคำขาดจะปล่อยยืมแต่ต้องต่อสัญญา 3 ปี

ถ้านักเตะไม่ต่อก็ทนเล่นชุดเยาวชน แต่ขาดพัฒนาการ สุดท้ายทั้งคู่ก็เลือกต่อสัญญา ของแมนยู เชลซีก็ทำ

หลายคอมเม้นท์ว่าสโมสรไทยทำตัวแบบไม่มืออาชีพ บางอย่างสโมสรรู้ว่ามืออาชีพต้องทำยังไง แต่วัฒนธรรมการดูแลเด็กมันไม่เหมือนกัน ผมเลยเข้าใจว่าชลบุรี บุรีรัมย์ที่สร้างอคาเดมี่จริงจัง จะไปใช้ระบบแบบยุโรปก็อาจทำไม่ได้ 100%  

ต้องเทียบกับเคสดันแคนครับถึงจะถูก ไอ่เคสวิลสัน กรูยิช คือนักเตะไม่ได้งอแงอยู่แล้ว ไอ่เรื่องต่อสัญญาก่อนแล้วจะปล่อยยืมมันไม่ใช่ประเด็นเลยถ้าทั้ง 2 ฝ่าย agree แต่ประเด็นของชลคือเด็กมันไม่อยากต่ออะเหมือน duncan ไม่มีใจไมาอยากต่ออยากย้ายเลย สโมสรมันก็ไม่เก็บไว้เลี้ยงหรอกครับเปลืองตัง แต่มันเป็นสิทธิของชลแหลพผมเข้าใจเพราะมีสัญญาอยู่ ชล จะเก็บไว้ดองแก่เผ็ดก็ได้ แต่สิ่งที่เรสพูดถึงกันอยูาคทอความมืออาชีพครับ มืออาชีพต้องไม่มีเอาอารมณ์ส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวไง ควรจะเจรจากันให้ลงตัวทั้ง 2 ฝ่าย  

เอาจริงๆเงินเดือน 7000 บาท บวกไปอีก 3 ปี ตอนนี้อายุ 19 อีก 3 ปีอายุ 23 ปีออกไปทำงานทั่วไปได้ค่าแรงขั้นต่ำยังได้เยอะกว่าเลย ดังนั้นเคารพสัญญาเดิมอีก 1 ปี แล้วหาทีมใหม่ดีกว่าครับ  

ถ้าสโมสรระดับลีคสูงสุดยังทำงานระบบ "ครอบครัวกึ่งอาชีพ" มันก็ได้แค่นี้แหละ

ให้เรื่องดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับนักเตะเยาวชน ประเทศอื่นก็มีครับ ในเยอรมนี ถ้าจำไม่ผิดเป็นกฏหมายเลยว่าต้องให้เรียนจนอายุ 16 ปี (หรือ 17 ปีแหละ)

สโมสรระดับนี้ควรมีการดูแลเรื่องแบบนี้ไว้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว มันไม่ควรเอามาเรียกเป็นบุญคุณแล้ว มันควรเป็นมาตรฐานของฟุตบอลได้แล้ว

สมมุติคุณเอาเด็กมาอยู่ตั้งแต่ 14-15 ปี แล้วไม่สนใจให้เรียนเลย โฟกัสกับฟุตบอล พอผ่านไป 4-5 ปี ฝีเท้าไม่ถึงปล่อยตัวทิ้ง ไอ้เด็กนี่เคว้งคว้างเลยนะ จะกลับไปเรียนต่อก็ยาก อายุเริ่มเยอะ เรียนตามเพื่อนไม่ทัน เสียอนาคตไปอีก

ส่วนตัวไม่ได้ติดตามฟุตบอลไทย แต่ก็เห็นมีเคสแบบนี้เรื่อยๆ สัญญาปากเปล่าบ้าง ค้างค่าจ้าง ผ่านไปหลายปียังมีปัญหาเรื่องการทำงานแบบมืออาชีพแบบนี้หรอ ไม่ต้องพูดไปฟุตบอลโลกอะไรเลย พื้นฐานการจ้างงานยังเป็นแบบนี้อ่ะ