ศาสนาเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติอยู่แล้ว

บวชเป็นพระ ถือว่าจะละทางโลก
แล้วพอรู้สึกหื่นแทนที่จะ ใช้จิต สติ มาหยุด มาระงับ

บอกเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะเงี่ยน ชักว่าวแม่มเลย

555

แล้วตกลง บรรพชิตภิกษุ มันคืออะไร?

ถ้ามันยาก ทำไม่ได้ก็อย่าไปบวช ถ้าบวชแล้วก็สึกออกมา อย่าให้เป็นภาระสังคม หรือแบบอย่างให้คนพาลเลย

ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นวิธีการแก้ปัญหานะ ถ้าไม่พร้อมที่จะปฏิบัติผมว่าอย่าบวชเลยดีกว่า

เขาไม่ได้ห้ามให้อสุจิเคลื่อนนี่เขาแค่ห้ามให้จงใจทำให้อสุจิเคลื่อน คือให้ข่มกามรมภ์นั่นแหละ ถ้ามันเป็นเรื่องของร่างกายก็ไม่ผิดนิ เหมือนฉันข้าวเย็นตอนอาพาธเพราะต้องกินยากับฉันมาม่าเพราะหิวอะมันต้องดูที่เจตนา

คือต้องเข้าใจก่อนว่า จุดประสงค์ที่บวชสมัยก่อนเพื่อละกามอารมณ์ทั้งปวง พยายามไม่ให้มีความอยากทุกทาง

ถ้าสมมติอยากแล้วไปทำสิ่งที่อยาก มันจะถือว่าบวชได้ไงล่ะ

ทีนี้มองกลับมาปัจจุบัน พอคนแห่ไปบวชเพื่อตามธรรมเนียม เป็นสิริมงคล ซึ่งมันผิดวัตถุประสงค์แต่แรกไง

เดี๋ยวนี้พระที่บวชๆ กันเลยมีคุณภาพต่ำลงๆ เพราะจุดประสงค์การบวชแต่แรกมันก็ไม่ได้แล้ว

อีกอย่างเรื่องสังฆาทิเสส กับปาราชิก ในความเห็นผมคือเป็นบทลงโทษ ให้ขาดจากการเป็นนักบวช แบบที่ตั้งใจแต่แรกตะหาก

เช่นถ้าชักว่าว เข้าข่ายสังฆาทิเสส ถือเป็นโทษหนัก ให้พิจารณาตัวเองอย่างหนัก ว่ายังอยากเป็นนักบวชต่อไปมั้ย

หรือถ้าไปมีอะไรกับสีกา ก็ควรเลิกเป็นนักบวชไปเลย เพราะไม่สามารถหักห้ามใจได้แล้ว

ส่วนตามที่ จขกท ตั้งประเด็นมา ผมว่าเข้าข่ายไม่ได้อยากบวชแต่แรก พอเข้าไปบวชจริงๆ มันเลยมีประเด็นว่ายังอยากนู่นนี่อยู่

ถ้าคนอยากบวชแบบ ละทางโลกจริง มันต้องปลงโลกมาพอสมควรแล้วอ่ะ

ก็จำวัดไปเด๋วเปียกเองก็ทำความสะอาดแล้วก็ปลงซะ
ผมเคยเปียกสบงตอนบวช ทำไรไม่ได้

การปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นมันคือการทวนกระแสกิเลสครับ อะไรๆมันเลยดูเหมือนขัดธรรมชาติเพราะเราเอากระแสกิเลสเป็นตัวตั้ง

แต่พอปฏิบัติๆไปจะรู้ว่าการทวนกระแสจริงๆแล้วมันสอดคล้องกับธรรมชาติมาก ธรรมชาติในที่นี้คือ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

โดยที่สิ่งใดที่มันเกิดขึ้นมา มันตั้งอยู่ได้ในช่วงเวลานึง มันก็ดับของมันได้เองโดยไม่ต้องไปพยายามทำอะไรกับมันเลย

ข้อห้าม กฏต่างๆ จริงๆแล้วมันคือกรอบเพื่อให้เรารู้จักที่จะฝึกสังเกตที่ตัวอาการ สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ โดยที่ไม่ต้องพยายามไปแก้มัน

แต่ก็แค่นี้แหละที่มันยาก เพราะเราเคยชินกับการแก้อาการ ไม่ใช่การเฝ้าดูปรากฏการณ์จนเห็นความดับสลายของมัน

ห้ามล่ะถูกแล้วเพราะนั่นล่ะครับคืองานที่แท้จริงของพระ คือยังตนให้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำและพิสูจน์ได้ยาก เมื่อทำได้จาก 1 วัน เป็น 1 เดือน ต่อมาเป็นปีๆเป็นหลายสิบปีก็สามารถรักษาความภาคภูมิใจในเพศสมณะบุตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ยิ่งถ้าสามารถทำหน้าที่เผยแผ่คำสอนทำพระให้เป็นพระแท้ สร้างคนให้เป็นคนดีได้ ยิ่งทรงคุณค่าอันไม่มีประมาณต่อสังคมไทยและสังคมโลกที่ทุกวันนี้มีแต่เน้นไปทางด้านวัตถุ จิตใจนั้นหยาบกระด้างขึ้นทุกวัน

จขกท. ตั้งมู้เหมือนอยากจะปฏิวัติในสิ่งที่เค้าไม่ได้ขอบังคับให้ใครเข้ามา​ วงการนี้มีแต่ความเต็มใจ​อยากจะเข้าล้วนๆ​ ถ้าถูกบังคับค่อยด่าสิ

ผมนะประมาณ 7 เดือน เคยมีฝันเรื่อง sex
แต่เหมือนระลึกตัวเองได้ในฝันว่าตัวเองเป็นพระ
ท่องพุทธโธ ดังๆในฝัน สุดท้ายฝันเปียก
แต่เ ป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นข้อคิดตอนบวชว่า
ถ้าเราฝึกจิตใจให้เข้มแข็งตอนตื่น
เราจะสามารถมีสติตอนหลับได้

ถ้าเรื่องเกี่ยวกับศีล227 ถ้ามีโอกาศ ลองอ่านศีล227ข้อของหลวงพ่อชา อธิบายดีเข้าใจง่าย ยกเหตุประกอบชัดเจน ตอนบวชถ้าสงสัยเกี่ยวกับศีลหรือการวางตัวตอนบวช ผมอ่านเล่มนี้ กับ วิสุทธิมรรค(ชื่อนี่รึป่าวไม่แน่ใจ)

ก่อนสึกผมก็เข้าปริวาสนะ สนุกดี ฝนตกด้วยช่วงนั้น กางเต็นท์นอนเหมือนไปตั้งแคมป์

ขั้นแรก ต้องห้ามเข้าบอร์ดวาไรตี้ ss ก่อนครับ

จริงๆเจ้าชายสิทธัตถะยังเคยมีลูกมีเมียเลย กว่าจะออกบวชก็อายุ 30 แล้ว
ซึ่งจริงๆอายุ 30 เป็นวัยที่ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง ความต้องการทางเพศก็น้อยลง
ยิ่งถ้าสมัยหนุ่มๆใช้ร่างกายมากๆ พอแก่ไปรู้สึกว่าอิ่มเอมแล้ว มันก็ละง่ายกว่า
หรือเพราะมีลูกแล้ว เมียแก่แล้ว ไม่อยากเลี้ยงหรือเปล่าก็ไม่รู้

ผิดครับ​ เพราะ​เจตนา​ ศีลของ​พระ​ 227 ข้อ​ มีแต่พระที่ทำรูปแรกเท่านั้น​ครับที่ไม่ผิด