มันจริงถูกต้องหมดแหละ แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดแบบนี้ มีแต่จะทำให้เราไม่มีความสุขทำอะไรก็ท้อ
ไหนๆเราก็เสียเปรียบพวกคนรวยมา50%แล้ว ก็อย่าปล่อยให้ความคิดพวกนี้มาทำให้เราเสียเปรียบพวกคนรวยอีก50% จนเราไม่เหลือกำลังใจทำอะไร เป็นคนโทษโน้นโทษนี่ คงไม่มีใครชอบให้ตัวเองเป็นแบบนี้ ท่องไว้ว่าเรามี50%แต่เราจะแซงให้ดู พวกคนรวยก็มีจุดอ่อน ส่วนใหญ่จะพยายามไม่เท่าพวกเรา มองแบบนี้ดีกว่าอารมณ์เหมือนบอลรองจะล้มทีมใหญ่ให้ดู

เพราะฉะนั่นเราต้องทดแทนที่ปัญญา ถ้ามีปัญญาอะไรที่เป็นปัญหามันก็พอหาทางลงให้มันได้ อย่างผมไปทำงานเดินทาง2ชม ระหว่างนั้นผมก็ดูคลิปสอนโน้นนี่ พอในเวลางานเราก็ทำได้ดีกว่าคนอื่นเงินก็ขึ้นไวกว่าคนอื่น

จริง เงิน ก็คือสิ่งที่เราเอาเวลาชีวิตเข้าแลกนั่นแหละ ไม่ใช่เงินทองของนอกกาย แต่กลั่นออกมาจากกายเราเลย
มีเงินมากเหลือกินเหลือใช้มาก่อน ก็ย่อมมีเวลาเหลือทำอย่างอื่นได้โดยไม่กังวล
แต่ ก็มีคนที่ต่อให้มีเงินแล้วก็ยังตั้งใจทำงานไม่หยุดจนป่วยได้เหมือนกัน

ไม่จริงครับ ได้ประสบการณ์ชีวิตที่มีค่าอีกรูปแบบมาครับ

เห็นด้วยจริงๆครับ สำหรับผมแค่เกิดเป็นลูกคนรวยคุณก็ประสบความสำเร็จไปครึ่งชีวิตแล้ว เพราะคุณไม่ต้องดิ้นรนเดือดร้อนเรื่องทรัพยากรแล้ว สามารถไขว่คว้าใช้ชีวิตตามแพสชั่นส่วนตัวได้

เว้นแต่ลูกคนรวยบางคนที่ทำตัวหัว****มากๆจนภาพลักษณ์ที่รุนพ่อสร้างไว้พังยับ อันนี้ก็เป็นกรณียกเว้น

* จริง ผมยกตัวอย่างที่ทำงานผมละกัน อย่างผมใช้รถสาธารณะ ทั้งรถตู้ รถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ มาทั้งชีวิต ถ้าไปเทียบกับเพื่อนร่วมงานบางคนที่ใช้รถยนต์มาโดยตลอด แทบจะคุยกันไม่ร้เรื่องละครับ


อย่างผมจะออกจากบ้านต้องเผื่อเวลาในการรอรถ ในการต่อรถ แต่คนที่มีรถยนต์เขาก็จะอีกแบบนึง


อย่างบางทีผมถึงบ้านช้า คนมีรถก็จะงงว่าทำไมเราถึงช้าจัง อะไรแบบนี้ครับ


หรืออย่างการเรียนต่อปริญญาโท ถ้าที่ทำงานผมพวกบ้านมีเงินหรือเรียนจบกันตั้งแต่ 25-26 ก็จะบอกทำไมผมไม่เรียนต่อ ผมก็มาคิดในใจ ส่งบ้านต่อเดือนทุกเดือนก็เลือดตาแทบกระเด็น จะเอาเงินไหนไปเรียนต่อ


คือบางอย่างพูดง่าย แต่ทำยากอะครับ

อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นประเทศอะไร ถ้าเป็นประเทศที่มีความเลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนมากๆก็อาจจะจริง.

อ่านแล้ว แว๊บเข้ามาในหัวเลย ต้องใช่คนเดียวกับที่ผมคิดแน่ๆ

จริงโคตร เอาง่ายๆ คนชนชั้นกลางบนๆหน่อยเรียนจบซื้อรถเป็นของขวัญหรือซื้อรถให้ขับไป รร แล้วครับ
พวกคนจนนี่ยังต้องใช้นี้ กยศ ไปด้วยผ่อนรถไปด้วยแบบลากเลือด

จริง

ตอนฝึกงานนั่งรถเมล์ต่อ bts บางวันฝนตกรอรถเมล์ยาว รอแท็กซี่คนก็แย่งกันขึ้น

ทุกวันเสียเวลาไปกับการเดินทาง 3 ชม+ (ถ้าขับรถ 1.5-2 ชม ไม่เกินนี้) ไหนจะเปียกต้องมานั่งซักเช็ดข้าวของเสียหายรวมถึงอื่นๆ และถ้าคุณมีทุนทรัพย์มากขึ้นเช่น ถ้ามีเงินจ้างแม่บ้าน อาทิตย์นึงเซฟได้ 4-6 ชมแน่ๆ ก็คือคุณภาพชีวิตจะดีขึ้นเรื่อยๆ และถ้ารวย OT ก็ไม่จำเป็น ใครจะอยากทำงานเกิน 8 ชมต่อวันหรือต้องหารายได้เสริมประทังชีวิต

คิดง่ายๆ แค่สองอย่างพอ
เดินทางประหยัดไป 1 ชมต่อวัน
งานบ้าน 0.5 ชมต่อวัน

แปลว่าาถ้าคุณมีทุนทรัพย์พอให้มีทางเลือกทางนี้คุณจะรักษาเวลาได้มากกว่าคนจน 1.5 ชมต่อวัน คิดได้เป็น
1.5 ชม * 365 วัน = 547.5 ชม / 24 ชมต่อวัน = 22.8 วัน

นั่นคือ 1 ปีคุณจะมีเวลามากขึ้นกว่าคนจนอย่างน้อยเกือบ 1 เดือน
แปลว่าทุกๆ 12 ปี คนจนจะเสียเวลาไปกับอะไรพวกนี้มากกว่าคนฐานะปานกลางคนอื่นไป 1 ปี
ถ้าคิดว่าคนอายุ 60 ปีแปลว่าเวลาของคนจนจะเสียไปอย่างน้อย 5 ปี

(นี่คือ 1 ในเหตุผลที่ฝรั่งตรงเวลามาก และรักษาเวลามาก เพราะเค้ายึดมั่นว่าเวลาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คนจะมีได้)

เพราะการจ่ายเงินเพื่อซื้อ "เวลา" หรือ time efficient มันมีผลจริงๆ
ทั้งการเดินทาง การศึกษา life ergonomics support บลาๆ
ถามว่าสามารถปั้มเวลให้ทันได้ไหม ได้ครับ
แต่เพราะเวลา มัน nonrefundable ไงล่ะครับ

โคตรจริง คนรวยขับรถ เจอรถติดจริงๆ มันก็หาที่จอดแล้วเรียกมอไซต่อได้อยู่ดี เงินไม่ใช่ปัญหาเลย

ลองไปถามป้าแม่บ้านตามแต่ละออฟฟิศดูก็ได้ ทุกวันๆ ต้องตื่นตี 3-4 เพื่อให้มาทันเข้ากะตอน 6 โมง
พอจะกลับบ้านก็ต้อง 6 โมงหรือทุ่มนึง กลับในเวลาบางที่ ก็ดูไม่ดี คือทางเลือกในชีวิตน้อยมากๆ

ผมขอแค่ถ้ามันสามารถปรับเปลี่ยนการเดินทางให้มีประสิทธิภาพ และเข้าถึงได้เกือบทุกคน ไม่ว่าจะด้วยทางเท้า ทางรถ เรือ หรือ รถไฟฟ้า ชีวิตหลายๆคนน่าจะดีขึ้นมากๆคับ

จริง