https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/4409382745830121
เห็นด้วยกับความคิดแกเลย แต่เรียบเรียงเขียนให้เป็นทางการแบบนี้ไม่ได้ :)
คนในบ้านเราให้ความสำคัญกับเรื่องใกล้ตัวของชาวบ้านมากกว่าจริงๆ หน้าฟีดคือข่าวในไทย กลบกระแสทั้งสงคราม น้ำมันที่เกิน 100 เหรียญไปแล้ว เผลอๆจะเห็น 95 ลิตรละ 50 บาทเร็วนี้ กระทบกันไปหมด หรือข่าวน้ำท่วมภาคใต้ที่เงียบมากเหมืออนชินชาไปแล้ว--"
-------------------------------------------------------------------------------

ตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมแตงโม ยังไม่มีโอกาสได้เขียนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เอาล่ะ ขอเครียดแบบซีเรียสนิดนึง นี่คือข้อสังเกตค่ะ

1. พลัง public opinion โดยเฉพาะในโลกโซเชี่ยลมีเดียมันล้นหลาม ในช่วงที่ผ่านมา ที่เห็นดิชั้น fanatical กับเรื่องแตงโม เพราะต้องการทดสอบไอ้พลังของ public opinion อันนี้ มันมีผลอย่างมากในการชี้นำการพิจารณาคดี ที่สำคัญ อาจจะนำไปสู่การชี้นำกฎหมายก็ได้ โดยเฉพาะในบริบทของไทยที่การบังคับใช้กฎหมายยังอ่อนแอ และลื่นไหลไปตามกระแสสังคม

2. คนไทยพร้อมถูกสะกดจิตหมู่ collectively hypnotised โดยเอามาตรฐานทางศีลธรรมแบบสมบูรณ์มาเป็นเครื่องนำทาง แม้ว่าในชีวิตประจำวันของเราจะไม่ได้ปฏิบัติตามหลักศีลธรรมนั้นๆ ตอนนี้ ใครที่เสนอความเห็นเรื่องแตงโมนอกลู่ไปจากหลักศีลธรรม จะถูกห้ำหั่น in some ways บุคคลทั้ง 5 ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ถูกพิพากษาไปแล้ว ตอนนี้ แม้แต่การพูดถึงอดีตที่ไม่พึงประสงค์ของแตงโมก็เป็นเรื่องผิด (ดิชั้นใช้คำว่าพูดถึงนะคะ ไม่ได้ไปไกลกว่าวิจารณ์เลย) มันเกิดปรากฏการณ์ compassion แบบเหมารวม คือการให้ความเห็นใจแก่ผู้ตายต้องให้ทั้งหมด ห้ามกล่าวถึงในทางลบทั้งสิ้น อันนี้หมายรวมถึงห้ามพูดถึงความประมาทที่อาจเกิดจากตัวผู้ตายเอง

3. บทบาทของผู้ชี้นำสังคมอย่างพี่หนุ่มกรรชัย แม้ดิชั้นได้เขียนไปขอบคุณในเรื่องการเป็นปากเสียงชาวบ้าน แต่ดิชั้นไม่แน่ใจว่านี่เป็นบทบาทที่เหมาะสมของผู้ดำเนินรายการหรือไม่ ที่ต้องคงความเป็นกลาง (ให้มากที่สุด) และรายงานข้อเท็จจริง แทนที่จะเป็นการรายงานอารมณ์ การเล็คเชอร์แขกที่มา ทั้งนี้ พี่หนุ่มรู้ว่ากระแสสังคมอยู่ที่ไหน และต้องการ capitalise จากกระแสอันนั้นเพื่อความสำเร็จของรายการและตัวพิธีกร เช่นกัน ในรายการนั้น มันมีการพิพากษาเกิดขึ้นแล้วเหมือนกัน อันนี้ค่อนข้างโหด คือคนไทยชอบดูการเชือดกลางรายการแบบสดๆ อย่างนี้มาก

4. สุดท้าย ทำไมคดีแตงโมถึงกลบทุกข่าว ทำไมเวลามีคนหาย คนตาย คนถูกอุ้มคนอื่นจึงไม่สามารถสร้างพลังได้เท่านี้ อย่าลืมว่า คนไทยเกือบทุกคนรู้จักแตงโม โตมากับแตงโม เรียกว่ารู้จักเหมือนคนรู้จัก มันเป็นมายาคติ แล้วสังคมไทยนิยมสร้างมายาคติแบบนี้ ดาราที่ต่อสู้เพื่อชีวิต มาจากครอบครัวที่แตกแยก ผิดหวังกับความรัก ไม่สมหวังกับชีวิต ผ่านอุบัติเหตุและการฆ่าตัวตาย หลงผิดทางการเมือง จนตาสว่างทางการเมือง และพบรักแท้ แต่ต้องมาจบชีวิตแบบนี้ ส่วนกรณีอื่นๆ โดยเฉพาะคนที่ถูกอุ้มหาย คนเหล่านั้นคือประเด็นทางการเมืองที่มายาคติแบบนี้มันเข้าไม่ถึงเท่านั้นเอง ขอบคุณค่ะ

ลองเราโพสต์แบบนี้นะครับ โดนถล่มยับ 5555 ผมเคยโพสต์ไปเรือง Elisa Lam บางทีผลสรุปคดีอาจไม่ตรงใจเราแต่มันคือข้อเท็จจริง

ข้อเท็จจริง ของคดี Elisa Lam คือยังไงเหรอครับ รบกวนหน่อยครับผม คือ ตามที่สรุปเหรอครับว่าจมน้ำเอง

ผมนึกถึง Legal High ตอนนึง ถ้าจำรายละเอียดไม่ผิด พระเอกไปว่าความให้อันโด คิวะ สาวสวยรุ่นใหญ่ แม่ม่ายดำ ที่มักจะไปหว่านเสน่ห์คนรวยๆ จับมาทำสามี ก่อนที่ผู้ชายที่อยู่ด้วยมักจะตายแบบไม่ทราบสาเหตุ แล้วเจ้าตัวก็รับมรดกไป เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ เป็นข่าวฉาว จนกลายมาเป็นคนที่คนในสังคมรังเกียจ

จนมาคดีนึง ที่อันโด คิวะถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรฆ่าผู้ชายที่อยู่ด้วย แต่ปรากฏว่ามีหลักฐาน-พยานที่ยังคลุมเครืออยู่ แต่ประชาชนก็ยังเรียกร้องให้ทางการ รีบๆจับเธอไปประหารชีวิตซะ ก่อนที่จะเกิดคดีน่าสลดตามมาอีกมากมาย จนมีคนถึงกับไปทำร้ายทนายคู่หูของพระเอก (งักกี้) ที่ดันไปช่วยทำคดีให้อันโด คิวะ จนต้องเข้ารพ.

เป็นตอนที่ดูแล้ว ทำให้ฉุกคิดได้ดี เรื่องความยุติธรรม กับกระแสสังคม

ขอตามด้วยครับ เรื่องนี้ฟังแล้วข้อสงสัย จุดผิดสังเกตเยอะเหมือนกัน มีรายละเอียดในมุมมองอื่นอีกไหม

ที่จำได้คร่าวๆจากการดูสารคดี Netflix นะครับคือพิรุจและข้อสงสัยปริศนาเยอะมากครับ คนก็เดาแบบเคสคุณ ตม. คือหลายคนชี้นำเพราะโรงแรมนี้ตั้งอยู่ในที่ๆเกิดอาชญากรรมเยอะมีพวกขี้ยาอะไรแบบนี้ พวกนักสืบโซเชียลตั้งข้อสงสัยทฤษฎีสมคบคิดมากมายท้ายที่สุดผลชัณสูตรคือจมน้ำตายเองไม่มีร่องรอยการต่อสู้ มันก็ขัดต่อข้อสัณณิษฐานและทฤษฎีสมคบคิดต่างๆอะครับ

1. ผมว่าเงินชี้นำกฏหมายมากกว่าในประเทศนี้คับ ดังแค่ไหนเงินก็ปิดได้หมด

2.มันแน่นอนอ่ะคับไป6กลับ5 ทั้ง5คนก็ต้องเป็นบุคคลที่ถูกตั้งข้อสงสัย กรปรกับการตอบคำภามทั้ง5คนที่ตำรวจยังบอกว่าให้การวกไปวนมา
- การพูดอดีตของตม.เป็นเรื่องผิด ไม่จริงอ่ะก็เห็นพูดกันในssก็มีตอนหายยังเทียบเลยว่าถ้าเป็นอหต.หล่ะ บางคนยังบอกไม่ลืมอดีตที่ทำมา ทำไมคนไทยลืมง่าย etc.
ในบริบทนี้นานาจิตตังนะ แต่ผมว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ที่เทียบตม.ที่เค้าขอโทษทักษิณแล้ว เข้าม๊อบแล้ว มันลบล้างสิ่งที่เค้าทำมาไม่ได้ก็จริง แต่ไอ้พวกบุญก. ปย ปว.มันเคยทำแบบนั้นจนวันตายมั๊ย? ก็ไม่ คนถึงได้ตามสาบแช่ง

3. เห็นด้วยนะไม่ชอบเหมือนกัน แต่ชื่อรายการก็บ่งบอกละโหนกระแส ไม่ได้เป็นรายการเป็นกลางอะไรหรอก

4. แน่นอนครับดาราระดับประเทศที่ทุกคนรู้จัก ลองให้ดาราตปท.ซักคนเกิดคดีแบบนี้ทุกคนก็ให้ความสนใจ คนการเมืองที่ถูกอุ้มหายความmassมันต่างกัน ไหนจะพวกสลิ่มพวกแอ๊บกลางที่ไม่อยากแสดงความเห็นทางการเมืองอีก ผมก็อยากให้ดาราหรือคนออกมาเรียกร้องเหมือนกัน

มี 2 เรื่องที่ต้องเข้าใจร่วมกันคือ

1. รายการโหนกระแสมันคือ "รายการบันเทิง" ไม่ใช่สารคดีเชิงข่าวครับ และการรายงานข่าวที่ดีไม่ใช่แบบช่องน้อยสี หรือที่นักข่าว No.1 ทำแน่ๆครับ

2. ผมคิดว่าสื่อไทยมันถูก "ครอบงำ" จากคนที่คุมสื่อได้ครับ ถ้าสังเกตดีๆทุกๆการมีปัญหาของรัฐบาล มักจะมีข่าวของใครสักคนมากลบกระแสเสมอ และสื่อทุกช่องก็พร้อมจะเฮโลตามกันแบบแปลกๆ (ซึ่งสื่อไทย นอกจากไม่ investigate แล้ว ยังทำงานเหมือนลอกการบ้านกันอีก)

ผมก็ไม่อยากออกความเห็นเพราะกระแสสังคมมันแรง
คนที่ซวยหนักเลยคือตำรวจ เพราะถ้าพิสูจน์ออกมาแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุก็โดนรุมด่า
ถ้าพิจารณาออกมาว่าเป็นฆาตกรรมก็หาหลักฐานยาก ทำงานช้าแน่ โดนด่าทุกทาง
ซวยไป

เห็นด้วยกับข้อ 2 ครับ

จริงครับ ถ้าพิสูจน์ว่าอุบัติเหตุ จะต้องโดนกระแสสังคมว่าเงินยัดแน่ๆ

เราไม่อยู่ในเหตุการณ์นั้นก็ได้แต่เดาไปเอง แน่นอนครับผมเคยเจอ

หลายเคสแล้วนะครับคนไทยที่กระแสสังคมมักจากมาพาวเวอร์อัพกับเคสคนดัง คนสำคัญ คนมีหน้ามีตา ถ้าคนเหล่านี้เป็นตาสีตาสาเรื่องมันไม่ได้พาวเวอร์ขนาดนี้หรอก ขนาดอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

รวมไปถึงเรื่องอื่นๆอีก .. !! แต่ผมว่าเรื่องกลบกระแสยูเครนรัสเซีย คงไม่ได้ถึงขั้นคนไทยไม่สนใจหรอก แต่เรื่องแตงโมนั้นใกล้ตัวและมันสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือระบบตำรวจด้วยว่าจะพิสูจน์ความจริงได้แค่ไหน

อ. แกเขียนเชิงวิชาการ มันก็ยากที่จะโต้เถียงได้

ส่วนตัว สื่อโซเชียลมาเติบโตและเริ่มแสดงพลังเพราะความอยุติธรรมในสังคม พยายามเรียกร้องแต่หลายๆ ครั้งก็มโนและตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยจริงๆ

5 คนนั้นมีพิรุธ ใครดูก็รู้ว่ามีเงื่อนงำ ไม่แปลกที่คนจะสงสัย และอินตาม

ดาราเป็นอาชีพที่คนให้ความสนใจ ซึ่งก็ถูกแลกมากับความเป็นส่วนตัว ต้องเข้าใจ

สำหรับคนไทย การ gossip เป็นการผ่อนคลายแบบหนึ่งจากสถานการณ์ความยากลำบากในชีวิต และเศรษฐกิจ ที่ไม่รู้จะหาทางออกยังไง รัฐบาลมีก็เหมือนไม่มี

สุดท้าย คุณหนุ่มถึงเป็นสื่อ แต่รายการแกมีคอนเซ็ปแบบนี้ (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าถูกต้องกับคนเป็นสื่อไหม?) แต่แกไม่เคยพูดว่าแกเป็นกลาง แกพูดเสมอว่าแกเป็น "คนกลาง"

สังคมไทย ถูกสอนมาให้เชื่อผู้นำ ห้ามสงสัย ห้ามเถียง
พอมีกระแสสังคมมา ก็พร้อมที่จะเชื่อ และ ส่งต่อทันทีโดยไม่ตรวจสอบ

แต่มันก็ยังมีสังคมเล็กๆ ที่ยังสงสัย และ ต้องการหาความจริงที่ดูเชื่อได้ ไม่ใช่ตะแบบแบบที่เคยทำกันมา