ปกติผมไม่เคยเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษเลย

เพราะคนทำแย่ๆ ฆ๋าคนตาย ก็ยังลอยหน้าลอยตาได้ บางคนตายไปกับความลับ หายไปตลอดกาล

กฎแห่งกรรมนี่แม่งไม่มีจริง หรือมีจริง มันคงปั่นจักรยานล้อเหลี่ยมหรือขี่เต่า,ขี่หอยทาก
ไม่ได้ติดจรวดอย่างที่เขาว่า

แต่ถ้าบาปบุญมีจริง ผมอยากให้มันส่งผลกระคนที่ เลี้ยงสัตว์พิการ เก็บสัตว์มาเลี้ยง ดูแลคนพิการ
เพราะอะไรพวกนี้มันใช้ความอดทนสูงมาก แค่ความรักอย่างเดียวไม่พอจริงๆ
มันต้องแลกมาด้วยเวลา เงิน ความเอาใจใส่ ความรัก ความอดทน

พอดีอยู่ในกลุ่มทาสแมว แล้วผมนี่ก็รักแมวมากๆ
เวลาเห็นแมวพิการ เก็บแมวมาเลี้ยง แมวมีขี้ตา ขี้มูก บาดเจ็บ
คนเขาก็เอามารักษา รับมาเลี้ยง หรือ หาบ้านให้มัน

ผมรู้สึก faint in humanity restored มากๆเลย

ผมเคยเชื่อ
จนมาเห็นพวกลุงๆคนดีย์ อยู่สุขสบาย ผมก็ไม่เชื่ออีกเลย

มันไม่เกี่ยวกับบาปบุญเลยครับ

คนเลวทั้งหลาย ผมเชื่อว่า สายงานนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก ของหาง่าย ฆ่าคนตายเพื่อแลกมา คงต่อสู้เบื้องหลังกันพอสมควร ให้พวกมันหมุนกงล้อหมุนเวียน ชิบหายไปกันเองไปแบบนั้นแหละ

ส่วนคนที่ทำดี ช่วยเหลือคน เก็บแมวพิการมาเลี้ยง หรืออะไรก็ตาม

ผมว่าไม่ต้องรอบุญที่ไหนมาให้ หรอกครับ พวกเขาได้รับตั้งแต่เริ่มทำสิ่งดีๆแล้ว การได้เห็นชีวิต หนึ่ง ชีวิตที่ตัวเองช่วยแล้วดีขึ้น มันดีต่อใจไปเรียบร้อยแล้ว การตอบแทนรูปแบบเงินตราหรือคำชมคงไม่มี แต่ความรู้สึกดีๆมันได้เกิดขึ้นตั้งแต่คิดและลงมือทำ

อย่าไปยึดติดกับสิ่งที่มองไม่เห็น แต่จงเป็นตัวของเราที่ได้ทำอะไรที่อยากทำก็พอครับ

ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ

บาปของชาตินี้ ส่วนนึงมาจากความเลวที่เราทำเมื่อชาติก่อน

คำถามผมคือ แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าชาติที่แล้วทำอะไรไว้ เกิดมาถึงต้องมาใช้กรรมแบบนี้

เรื่องเวรกรรม บาปบุญผมไม่ซื้อทั้งนั้น

แต่การทำบุญ การให้ การให้ทาน ทำแล้วมีความสุข อันนี้ผมซื้อ

เห็นพวกคนดีย์ทั้งหลาย สบายกันชิ..หา...

พวกเราก็แค่ด่ามันพวกมัน แล้วไงการด่าทำไรพวกได้มั้ง

ถ้าบาปบุญมีจริง การที่พวกเราด่ามันมากๆ มันคงได้รับกรรมมั้งแล้วแหละ

ไม่เชื่อเรื่องนี้เลยแฮะ

คิดว่าโครงสร้างที่ดีคือ ถ้าเราพบเหตุการทารุณกรรมสัตว์
ไปแจ้งตำรวจ แล้วคนทำจะได้รับโทษอย่างเท่าเทียม และตรงไปตรงมา
แค่นั้นก็ทำให้ลดลงได้แล้ว

แต่ในความจริงตำรวจทำส้นตรีนไรอยู่ เรื่องแบบนี้มันไม่สนใจด้วยซ้ำ
มี พรบ ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ก็เหมือนไม่มี

อย่าเชื่อในเวรกรรมเลยท่าน เชื่อเรื่องระบบสังคม โครงสร้างสังคมเถอะ
ทำยังไงให้มันดีขึ้น ดีกว่า

ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อว่าบาปบุญมีจริงหรือเวรกรรมมีจริงครับ

ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วมันคือกุศโลบายในการควบคุมคนไม่ให้ทำชั่วครับ

ซึ่งกาลเวลามันก็พิสูจน์ในตัวมันเองแล้วว่าที่ทำชั่วแต่ได้ดีมีอยู่ทั่วไปหมด

แต่อย่างน้อยการที่คุณทำดีคุณก็จะรู้สึกอิ่มเอมใจใช่มั้ยละ มันก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งแหละ

เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปสนใจบาปบุญอะไรมากหรอกครับ แค่มีความสุขก็พอแล้วแหละ

ผมเชื่อแค่ Action = Reaction

*faith ครับ

Faint มันเป็นลม หรือ เพลง linkin Park

ถ้าคนไม่เชื่อเรื่องโลกหน้า

ก็ไม่แปลกที่จะไม่เชื่อเรื่องบาปบุญครับ

คนไม่เชื่อเรื่องบุญบาปนี้โคตรน่ากลัวนะ เป็นโมฆะบุรุษ

"ตราบใดที่บาปยังไม่ให้ผล
ตราบนั้น คนชั่วจะเห็นบาปว่าดี"

มุนส่งต่อความคิดไปในด้านลบได้หลายด้านเลยนะครับ

วันติง ไอ ดอน โน้ว วายยยยยยยยยย

เชื่อเหมือนกันว่าบุญบาปไม่มีจริง

ดูจากสิ่งรอบๆ ตัวได้ รอเวลานานแล้ว ไหนอ่ะ "ผลกรรม"??

ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่แต่กฏแห่งกรรมนั้นมีจริง และมีอยู่ บังคับให้สรรพสัตว์ต้องเวียนว่ายตายเกิด
ไม่ว่าท่านจะกระทำสิ่งใด ดีหรือไม่ดี ทุกการกระทำถูกบันทึกไว้ในใจหมดไม่ว่าจะจำได้หรือไม่ได้ก็ตาม

ส่วนผลของการกระทำ เนื่องจากท่านๆเกิดกันมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติการกระทำทั้งดีและชั่วปะปนกันมาไม่รู้เท่าไหร่นับเป็นบุญเป็นบาปปนกันมาและในแต่ละวินาทีก็คอยชิงช่วงในการส่งผลของการกระทำออกมาดังนั้นจะเห็นในหลายกรณีที่กรรมที่ทำในชาตินี้ชิงช่วงมาส่งผลเร็วเราก็มีอายุทันพอได้เห็น แต่ในหลายกรณีไม่ทันทีเพราะเรามีอายุไม่ยืนยาวพอที่จะเห็นแต่กรรมดังกล่าวจะส่งผลแน่ในอนาคตไม่ช้าก็เร็วครับ

ขออภัยครับ ด้วยความเคารพผมคิดต่างครับ

ผมว่า เดี๋ยวนี้ คนเชื่อบาปบุญเริ่มน้อยลง เพื่อหันมาเชื่อเหตุผลกันมากขึ้นครับ

ไม่ใช่ โมฆะบุรุษ หรือ บุคคลไร้แก่นสาร เช่นนั้น

เพียงแต่ เค้าไม่เชื่อเพราะว่า บาปบุญ คือ สิ่งที่จับต้องไม่ได้ ต้องใช้ความเชื่อใจในการละลึกถึงว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี

มันไม่มีสิ่งที่การันตี ว่าอะไรถูก หรือ ผิด อันไหนได้บุญ อันไหนเป็นบาปจริงๆไงครับ

อาทิ เหตุการ์ณ 6 ตุลา ที่มีการฆ่าคนอย่างชัดเจน แต่มีพระท่านนึงอ้างว่า ฆ่าคนเพื่อเทพ นั้นได้บุญ แบบนี้มันใช้ได้จริงๆหรอครับ

มันเลยเกิดคำถามว่า แล้วจริงๆ ใครเป็นคนกำหนด บาปบุญ กันแน่ แล้วเราจะใช้สิ่งใดในการยืนยันสิ่งนั้น

ผมว่าเมื่อเกิดความกังวลใจในสิ่งที่ตั้งคำถามเหล่านี้ขึ้นมาแล้ว คนรุ่นใหม่หลายๆคน เลยเริ่มที่จะ

หันมาสนใจในสิ่งที่จับต้องได้แทนตางหาก วัดกันที่กรอบกฎหมาย และ สิทธิเสรีภาพของแต่ละคนเป็นหลัก

ทำความดีเท่าที่ตัวเองต้องการ และไม่รังควาญ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น เป็นสิ่งที่พึ่งมีและดีพอแล้ว

ปล.และผมคิดกลับกันเลยครับ ผมมองว่าคนที่ยึดถือหลักบาปบุญ โดยไร้เหตุผล กลายเป็นกลุ่มคนที่น่ากลัวกว่า เพราะว่าใช้หลักการที่จับต้องไม่ได้ ในการตัดสินใจลงมือทำอะไรโดยไม่รับเหตุผลใหม่เข้ามาได้เลย