ทำไมถึงต้องใช้คนละมาตรฐานกับการฟาวล์นอกเขตด้วยผมงง
ผมเห็นนอกเขตบางจังหวะหนุนกันนิดๆ หรือกระโดดโหม่งช้ากว่าเสี้ยววิไปชนกัน หรือยื่นขาไปปลายเล็บขบสกัดโดนอีกฝั่งก็ให้ฟาวล์

แต่พอเป็นในเขต ต้องชัดเจน ต้องรุนแรง ต้องโดนเต็มๆ บางนัดกองหน้าก็นอนเจ็บจนหามออกเล่นต่อไม่ได้ยังไม่เป็นจุดโทษเลย

หรือพวกจังหวะฟาวล์หน้าเขตโทษ เห็นกันบ่อยมากฟาวล์สกิดเบาๆ หรือยืนสกรีนนิดๆกรรมการก็เป่าตั้งใจจะให้ฟรีคิก แต่พอดู VAR ดันไปอยู่บนเส้นเลยต้องเลยตามเลยให้จุดโทษ ทั้งๆที่จังหวะแบบเดียวกันแต่กรรมการเห็นว่าจังหวะนี้เกิดในเขตโทษชัดเจน มันไม่เคยเป่าฟาวล์เลย

ผมเข้าใจนิยามของจุดโทษผิดหรอ?

ถ้าทีมตัวเองได้ ... จุดโทษก็คือการฟาล์วที่ตำแหน่งมันอยู่ในกรอบเขตุโทษแค่นั้นแหละ

ถ้าทีมตัวเองจะเสีย ... เฮ้ย แค่โดนตัวกันนิดๆหน่อยๆ จะเอาจุดโทษแล้วเหรอ ไม่มีปัญญาเจาะเลยจะเอาแต่จุดโทษสินะ

% ได้ประตูมันสูงไง ถ้าได้จุดโทษ

แต่ถ้าฟาล์วในเขตโทษ แล้วให้ไปเตะมุม อันนั้น ก็ไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรนะ

ก็พอเสียจุดโทษมันโดนล่อเป้า โอกาสเสียประตูมัน 80-90% ไงครับ

มันต้องมีผ่อนปรนบ้าง อารมณ์เหมือนแฮนด์บอลอะ ถ้าเอาโดนมือ=จุดโทษ

พ่อล่องัดบอลกันยับๆแน่

เอาง่ายๆ เลยครับ
ปกติฟาวล์นอกกรอบเขตโทษ มันเป็นลูกตั้งเตะใช่ไหมครับ
และนักเตะฝ่ายตรงข้าม ต้องยืนห่างจากลูกตั้งเตะ 10 หลาครับ
ท่านก็นึกง่ายๆ สมมติไม่กำหนดให้มีจุดโทษ
ให้มันเป็นฟาวล์ปกติ ถ้าฟาวล์ตรงใกล้ๆ เส้นประตู แล้วจะให้ตั้งเตะตรงไหนได้หรือเปล่าล่ะ
แล้วโกล์จะไปยืนตรงไหน
ดังนั้น มันก็เลยกำหนดไว้ว่าถ้าฟาวล์ในกรอบนี้ ก็เอาลูกมาตั้งที่จุดแล้วเตะจุดโทษ
ก็แฟร์กับทั้งสองฝ่ายแล้วนะ

เพราะฟุตบอลสร้างกฏมาให้เกมการแข่งขันมีสีสันครับ

ส่วนเรื่องหนักเบา มันอยู่ที่ดุลพินิจของกรรมการยกตัวอย่างเช่น

ถ้าคุณโดนดึงเสื้อนอกเขตโทษ และคุณยังพาบอลไปได้ กรรมการก็อาจจะเป่าให้เป็นลูกได้เปรียบของคุณ หรือบางครั้งกรรมการอาจเป่าตัดเกมไปเลยก็ได้

เช่นเดียวกับในเขตโทษ ถ้าคุณโดนดึงแล้วพยายามไปต่อ+แล้วฝืนไปยิงจนได้ กรรมการอาจถือว่าคุณฝืนเล่นไปแล้วและได้โอกาสยิงไปแล้ว ความผิดคือคุณไม่ยอมล้มซะเอง แต่แน่นอนว่ากรรมการบางคนเอาเป่าให้คุณได้จุดโทษ

หรือบางครั้งคุณโดนดึงจริงๆ แต่กรรมการมองว่าคุณไปต่อได้แต่กลับขาอ่อน มันก็จะกลายเป็นอีกแบบเหมือนกัน

คุณบอกว่าในเขตโทษต้องรุนแรงชัดเจนกรรมการถึงเป่า ผมไม่เห็นด้วยเพราะหลายต่อหลายคนที่เป็นจุดโทษโดยที่ไม่สัมผัสเนื้อตัวกันเลยด้วยซ้ำ หรือบางครั้งตัวรุกก็หัวหมอ เอาขาไปเกี่ยวเขาล้มแต่ได้จุดโทษก็มี หรือบางคนขุดหญ้าก็ได้จุดโทษก็มีเช่นกัน

ถ้ายึดตามกฏเป๊ะๆไม่ดูความหนักเบา เกมนึงน่าจะมีอย่างน้อย 4-5 จุดโทษอ่ะ

อย่างจังหวะเตะมุม มีเหนี่ยว มีรั้ง มีดึงเสื้อ อย่างละนิดหน่อย แทบทุกครั้ง

ถูกแล้วครับ คนละมาตรฐาน อะไรที่เกี่ยวกับในเขตโทษ การได้เสียประตู หรือใบแดง จะได้รับการพิจารณาละเอียดกว่าปกติ

บอลมันสัมผัสปะทะกันบ่อยมาก จะหยุดดู VAR จังหวะทั่วไปทุกจังหวะคงงเป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นเกมคงหยุดทุกนาที

ทีนี้ก็อยู่ที่ความแม่นไม่แม่นของกรรมการแล้วล่ะ ว่าจะใช้ดุลพินิจยังไงกับจังหวะธรรมดา

โอกาสการเป็นประตูมันต่างกันเยอะจนเทียไม่ได้เลย

เพราะมาตรฐานฟาวล์นอกเขตกับในเขตมันไม่เหมือนกันไงครับ ถ้าฟาวล์ในเขตแล้วตั้งกำแพงเป็นฟรีคิกมันก็พอใช้กฎเดิมได้ แต่พอมันเป็นจุดโทษความง่ายของการทำประตูมันสูงขึ้น มาตรฐานของการฟาวล์ก็สูงขึ้นตามไปด้วย

ถ้าให้ถูกที่สุดต้องไปดูกฏแหละ ว่าระบุไว้ยังไง ถ้าแค่ฟาวล์ในเขตเป็นจุดโทษ จะหนักจะเบาอันนี้ไม่ควรเอามาเกี่ยว

แต่ถ้าบอกว่าฟาวล์ในเขตโทษ ประกอบกับดุลยพินิจของผู้ตัดสิน อันนี้จะต่างเกณฑ์กับนอกเขตก็ไม่มีปัญหา ปัจจุบันยังไงก็ไม่รู้นะ แต่มีประเด็นกันบ่อยคงยังมีจุดที่ถกเถียงกันได้อยู่แหละมั้ง

เหมือนเส้นจราจรไง บางเส้นผ่านได้ บางเส้นไม่ได้ จอดได้ห้ามจอดไรงี้

กรอบเขตโทษก็คือ ต้องฟาวหนักกว่าพื้นที่อื่นถึงจะได้ฟาว

จะตอบยังไงดีละ 555

ถือว่าเขตโทษเป็นเขตกึ่งอภัยทาน ให้ทีมรับละกัน

พอเข้าพื้นที่เขตโทษ ทีมรับย่อมมีความกดดันเกิดขึ้นอยู่แล้ว

ถ้าให้เกณฑ์น้ำหนักเดียวกันกับนอกเขต ทีมบุก โยนๆเข้าไป ลุ้นเอาฟาวล์เอา

การพิจารณาในเขตโทษมันต้องเน้นหน่อยอะ ถ้าได้ลูกโทษโอกาสได้-เสีย ประตูมันสูง

ให้เข้าใจง่ายก็คงประมาณ กรอบ 6 หลาก็ให้น้ำหนักกับโกล์ฝ่ายป้องกันมากกว่า ในกรอบเขตโทษ

ก็คงให้น้ำหนักกับการเข้าสกัดของฝ่ายรับมากกว่า ประมาณนั้น

เพราะฝ่ายรับถือว่า เสียเปรียบอยู่แล้ว