--เกริ่น--
ฤดูกาลนี้ผมแปลบทความวิเคราะห์เกมไปแล้วทั้งหมด3เกม
และเกมเฉือนชนะวูล์ฟ เป็นเกมที่ผมทำความเข้าใจยากที่สุด
เพราะแมนยูที่ถอยเอาป็อกบาลงไปเล่นเป็นDeep-lying midfield
มันเปลี่ยนแนวทางการเล่นเกมรุกของแมนยูไปโดยสิ้นเชิง
Spoil
ทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อน
ปกติแมนยูจะbuild upแบบนี้ใช่มั้ย?
วิธีที่1 คือ จ่ายตัดไลน์มาให้บรูโน่
วิธีที่2 คือ ค่อยๆเคาะบอลเป็นสามเหลี่ยมระหว่างแบ็ค เซ็นเตอร์ และตัวกลาง
เดี๋ยวอ่านกระทู้นี้จบจะเห็นเลยว่า เกมนี้เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือยังไง?
ไลน์อัพของทั้งสองทีม
วูล์ฟ มาในระบบ 3-4-3 โดยที่11ผู้เล่นตัวจริง เป็นชุดเดิมกับที่เจอสเปอร์ส
ในขณะที่แมนยูมาในระบบ4-2-3-1 เกมนี้โซลชาร์เลือกใช้วารานประเดิมเกมแรก จับคู่กับแมคไกวร์
และแดนกลางถอยป็อกบามายืนคู่กับเฟรด แทนแมคโทมิเนย์ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเข่า พลาดการลงสนามไปอย่างน้อย1เดือน
แมนยูมีปัญหาในการรับมือเกมสวนกลับ
จากภาพจะเห็น ผู้เล่นทั้งหมดของวูล์ฟลงไปเล่นเกมรับ
และรวมถึงปีกสองข้างอย่าง ตราโอเล่ และตรินเกา
ทันทีที่พวกเขาแย่งบอลมาได้ พวกเขาจะใช้ความเร็วของปีกทั้งสองข้างในการสวนกลับ
อย่างเช่นจังหวะนี้
เฟรด และป็อกบา บางครั้งพวกเขาอาจต้องกล้าหาญที่จะตัดเกมมากกว่านี้ แม้ต้องทำฟาวล์ก็ต้องยอม
อีกตัวอย่างนึง จังหวะนี้เฟรดตัดบอลพลาด และบอลปลิ้นไปเข้าทางตรินเกา
เกมนี้ตราโอเล่ เลี้ยงผ่านคู่แข่ง ได้ทั้งหมด8ครั้ง ส่วนตรินเกาเลี้ยงผ่าน3ครั้ง
ปัญหาตำแหน่งเบอร์10 ที่ไม่มีใครเล่น
เชื่อว่าแฟนแมนยูหลายคนคงจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสองนัดที่ผ่านมา
นั่นก็คือ บรูโน่ทำหน้าที่ในการวิ่งสอดแนวรับคู่แข่งมากขึ้น เสมือนเป็นกองหน้าคนที่สอง
ซึ่งมันได้ผลในเกมที่มีผู้เล่นอย่างป็อกบาหุบเข้ามายืนตรงกลางแล้วทำหน้าที่บริเวณตำแหน่งเบอร์10แทน
อย่างเช่นจังหวะนี้
แต่ในเกมที่ป็อกบาต้องลงไปทำหน้าที่เป็นDeep-lying midfielder
แล้วใครล่ะที่จะสวมบทเพลย์เมคเกอร์ในเกมรุก?
ลองดูจังหวะนี้
ในขณะที่ป็อกบามองหาเพลย์เมคเกอร์ในแดนหน้า
แต่กลับไม่มีเพลย์เมคเกอร์คนใดขยับเข้ามารับบอลจากป็อกบาเลย
สุดท้ายป็อกบาจึงเลือกทางที่ยาก และเสียบอลในที่สุด
อีกสักจังหวะนึง
แมนยูทำเกมขึ้นมาจากทางด้านขวา
แต่ในพื้นที่บริเวณนั้น เจมส์ และวานบินซ้าก้า ต้องเล่นกันตามลำพังแค่สองคน
ในขณะที่บรูโน่ และกรีนวู้ด ไม่ขยับมาเชื่อมเกม
พอไม่มีตัวให้จ่าย สุดท้ายเจมส์จึงต้องเลือกทางที่ยาก ด้วยการฝืนเลี้ยงแหวกเข้าไปเอง
(นี่ถ้าเราไม่ย้อนมาดู คงด่าเจมส์ที่เล่นฝืนจนเสียบอลแน่ๆ)
หรือบางจังหวะ ก็เป็นมิดฟิล์ดตัวกลางอย่างป็อกบาเอง ที่คิดช้าทำช้า และหาบรูโน่ไม่เจอ
อย่างเช่นจังหวะนี้ บรโูน่ผายมือขอบอล แต่ป็อกบาช้าจนไม่สามารถผ่านบอลให้บรูโน่ได้
หากดูจากสถิติการผ่านบอล
จะเห็นว่าป็อกบาผ่านบอลให้บรูโน่น้อยครั้งมาก เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าทั้งสองหากันไม่เจอ
หลังจากที่ผมดูจนเกือบจะหมดครึ่งแรก
นาทีที่42เป็นครั้งที่แรกที่ผมเห็นบรูโน่ขยับมารับบอลในพื้นที่เบอร์10
และนี่คือประโยชน์ที่เกิดขึ้น แมนยูสามารถผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายได้สำเร็จ!!
"I think we struggled first-half to get rhythm with the hustle and bustle of the game."
โซลชาร์ให้สัมภาษณ์ว่า "ครึ่งแรกป็อกบา ปรับจังหวะการเล่นในตำแหน่งมิดฟิล์ดตัวกลางยังไม่ได้ "
ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
แมนยูพยายามจี้จุดอ่อน โดยใช้จุดแข็งของป็อกบา
อย่างที่ใครหลายคนทราบ บรูโน่ ลาเก้ กุนซือของวูล์ฟไม่ใช่โค้ชที่จะสั่งนักเตะของเขาให้ลงไปตั้งรับกันลึก
เขาเลือกที่จะcompactบริเวณกลางสนาม โดยดันไลน์กองหลังขึ้นสูง
ส่วนนึงเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นแมนยูเข้าสู่พื้นที่อันตราย
แต่จุดอ่อนคือ มันจะเกิดพื้นที่มหาศาลข้างหลังแนวรับของพวกเขา
แน่นอนว่าโซลชาร์มองเห็น
ดังนั้น เราจึงเห็นการวางบอลจากแนวลึกมากมายในเกมนี้
เช่น ประตูล้ำหน้า จังหวะนี้เป็นต้น
วางบอลยาวอีกครั้ง และอีกครั้ง
หากนับการผ่านบอลของป็อกบาในเกมนี้ทั้งหมด 47ครั้ง
เป็นการผ่านบอลไปข้างหน้าคิดเป็น68.09เปอร์เซ็นต์
แมนยูพยายามใช้บอลยาวจากป็อกบา ตลอดช่วงครึ่งหลัง
และทำสำเร็จในนาทีที่57 แต่น่าเสียดายที่บรูโน่จับบอลแรกไม่ดี และหมดโอกาสในการทำประตู
เกมนี้เป็นเกมที่แมนยูหวังพึ่งพาบอลยาวจากป็อกบามากเกินไป
ส่วนนึงอาจะเป็นเพราะว่า วูล์ฟใช้ผู้เล่น3คนในการปิดการผ่านบอลระหว่างไลน์
ทำให้ยากในการผ่านบอลไปให้กับผู้เล่นเบอร์10ในแนวรุก
จากรูปจะเห็นว่า วูล์ฟใช้ผู้เล่นถึง3คนในการป้องกันการผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่อันตราย
ทำให้บ่อยครั้งบรูโน่ ต้องขยับมารับบอลด้านข้าง ตามภาพ
และส่วนนึงก็มาจากการยืนตำแหน่งของสองมิดฟิล์ดตัวกลางของแมนยูเอง
บ่อยครั้งที่สองคู่มิดฟิล์ดอย่างเฟรด และป็อกบายืนชิดติดกันมากเกินไป
ทำให้การผ่านบอลbreak lineเป็นเรื่องยาก
แต่เมื่อเฟรดขยับออกมาจากป็อกบา พวกเขาก็จะมีตัวเลือกในการผ่านบอลมากขึ้น
จังหวะนี้เฟรดทำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเข้าไปอยู่ระหว่างผู้เล่นของวูล์ฟ
และใช้จุดเด่นของตัวเองในการพลิกและจ่ายทันที ทำให้แมนยูผ่านบอลตัดไลน์ได้สำเร็จ
แมนยูควรเลิกเซ็ตเกมที่ป็อกบา แล้วเปลี่ยนมาใช้การผ่านออกบอลให้เร็ว
อย่างเช่นจังหวะนี้ เฟรดรับบอล พลิกบอล แล้วจ่ายบอล
เพียงเท่านี้พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้แล้ว
แมนยูแก้เกม เพิ่มเกมริมเส้นมากขึ้น
เกมริมเส้นของแมนยู คือสิ่งที่น่ากังวล เพราะการขาดหายไปของแรชฟอร์ด
แรชฟอร์ด เป็นปีกสไตล์ที่ชอบวิ่งในแนวลึกที่มักท้าดวลกับกองหลัง
กองหลังคู่แข่งจะรับมือได้ยาก เพราะเขามักสร้างทางเลือกให้ตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นการโยกออกซ้ายเพื่อไปสุดเส้น
หรือหักออกขวาเพื่อสร้างโอกาสให้เพื่อนก็ได้
กลับกันการเล่นของซานโช่ในเกมนี้ค่อนข้างเดาได้ง่าย อย่างเช่นจังหวะนี้
ทุกครั้งที่เขาได้บอล เขามักจะชะลอ และหักเข้าเท้าขวาแทบทุกครั้ง
โซลชาร์แก้เกมด้วยการถอดซานโช่ และเปลี่ยนมาร์กซิยาลลงมาแทน
แมนยูเริ่มมีจังหวะเลี้ยงจี้กองหลัง ทำให้แมนยูมีโอกาสพาบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายได้มากขึ้น
การครองบอลที่เหนียวแน่นของมาร์กซิยาล
ทำให้แมนยูสามารถฉีกแนวรับของวูล์ฟได้สำเร็จ
และบู้ม!! เกมริมเส้นก็นำมาซึ่งประตู
และเป็นประตูชัยจากกรีนวู้ด ทำให้แมนยูคว้าสามแต้มได้สำเร็จ
--จบ--
Spoil
ปล.ความเห็นในฐานะคนตัดgifจากฟูลแม็ท
เกมนี้แมนยูเสียรูปแบบการเล่นของตัวเองไปเยอะ เพราะไปหวังพึ่งพาบอลยาวจากป็อกบามากเกินไป
จังหวะจ่ายบอลเรียดตัดไลน์ให้บรูโน่ ผมนับได้หนึ่งครั้งถ้วนตลอดทั้งเกม
แตกต่างจากตอนที่แมคและเฟรดเล่นร่วมกัน
เรามักจะเห็นการผ่านบอลแบบนี้ในรูปนี้บ่อยๆ
แต่เกมกับวูล์ฟ จังหวะแบบนี้แทบหายไปเลย
แมนยูเล่นบอลกับพื้นน้อยลง และเล่นบอลยาวจากป็อกบามากขึ้น
เข้าใจนะว่า วูล์ฟดันไลน์ขึ้นมาสูง เลยเน้นจี้จุดอ่อน
แต่ก็ไม่ควรตะบี้ตะบันเล่นแบบเดิมตลอดทั้งเกม