ฮาไอ้ฟูล

ดึงกาวแต่เช้า อะไรของมัน

H index ถ้าจำไม่ผิดแค่งานวิจัยเยอะปะ จะทำเอง หรือเป็นที่ปรึกษาก็ได้ แค่มีชื่อในทีม

ผลงานยงแกก็เยอะจริงแหละ แต่งานที่ impact ต่อวงการ สธฯ เยอะแค่ไหนก็อีกเรื่อง

ฟู กระทู้นี้เสียทรงแปลกๆ

ตั้งแต่เรียนหรือทำงานมาไม่เคยได้ยินอาจารย์ท่านไหนเอา h-index มาขิงเลยครับ
ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นแพทย์มาซักพักละมั้งครับหมอยวย ชีวิตคนมันสำคัญนัอยกว่าเครื่องราช

ผมมองง่ายกว่านั้น หมอย ง มันเป็นสลิ่มครับ
มันแค่ต้องการ serve รัฐบาลให้มากที่สุดเท่าทีเป็นไปได้
เลยเกิดสูตรประหลาดแบบ sv+az ขึ้นมา

เก่งไม่เก่งก็ดูที่ผล ส่วนตัวไม่ชอบ ไม่มีค่าอะไรให้อวย แถมเคยเป่านกหวีดอีก

คนต้องตายกี่คนแล้วเพราะความดันทุรังแบบนี้ รับผิดชอบป่าว

งานวิจัยเยอะอย่างเดียวไม่ได้ครับ h-index ต้องมีจำนวนคนอ้างอิงผลงานด้วย อย่าง h-index ของหมอยงอยู่ที่ 66 คือมีงานวิจัย 66 ชิ้นที่ถูกอ้างอิงอย่างน้อย 66 ครั้งครับ เพราะงั้นจำนวนงานวิจัยทั้งหมดของแกก็น่าจะมากกว่านั้นพอสมควรครับ แต่อย่างที่คุณว่าแหละครับว่าถ้ามีชื่ออยู่ในงานวิจัยนั้นๆไม่จำเป็นต้องเป็น first author หรือ corresponding author ก็ได้ครับ แต่เอาจริงๆก็ต้องยอมรับครับว่าชื่อแกเป็นที่รู้จักพอสมควร เพราะงั้นหลายๆงานวิจัยก็เลยมีแกเป็นที่ปรึกษาเพื่อใส่ชื่อแกไปในเปเปอร์ด้วย ตอนส่งงานวิจัยไปขอตีพิมพ์ก็จะได้ตอบรับเพื่อตีพิมพ์ง่ายหน่อย เป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายครับ คนทำวิจัยได้โอกาสในการได้ตอบรับเพื่อตีพิมพ์ง่ายขึ้น หมอยงเองก็ได้จำนวนเปเปอร์ตีพิมพ์มากขึ้นเช่นกันครับ

หาข้ออ้างมาแถยาก เลยต้องเอาความดุดันเข้าสู้

ผลงานวิจัยระดับโลกบนความตายของคนไทยงี้ปะ จงภูมิใจไปเถอะ

ถ้าจะเล่นบทเป็นคนโง่ ก็อย่าขนาดนี้เลย มันดูมีพิรุธ คนเรามันไม่น่าจะโง่ได้ขนาดนี้ไง ไปซ้อมโง่มาใหม่นะ เอาคมๆ

ใช่ครับ ที่ผมจะสื่อคือ h index เยอะๆเนี่ยไม่ได้เอามาวัดว่ามี impact ต่อวงการอะไรขนาดนั้นอะ คุณทำเยอะไม่ได้แปลว่าวิเศษอะไรกว่าคนอื่นเขาขนาดนั้น

็H-Index สูง แต่สุดท้ายมันก็ต้องย้อนมาดูที่ผลจากงานวิจัย แล้วค่อยวิเคราะห์ ดู Impact หรือ Citations มากกว่าป่าว อย่างงี้ถ้าใคร H-Index สูง จะตีเปเปอร์ไรมาก็ได้งั้นหรอ ฟีลเหมือน งานศิลปะที่ปาดๆป้ายๆดูไม่รุ้เรื่อง แล้วพอลงลายเซ็น ราคาเลยพุ่งแบบนี้สินะ

ไปฟ้องเดอะเมตตาดีหน่อยเร็ววววไอ้อ่อน

เข้าใจว่าแค่การทดสอบแอนติเจนก็สามารถตีพิมพ์เปเป้อร์ลงในบางวารสารได้แล้ว

และคนก็สามารถอ้างอิงผลงานวิจัยนี้ต่อๆ ไปได้ ซึ่งก็เป็นตัวอย่างที่แกจะมีงานวิจัยเยอะ แต่งานนั้นยังไม่สามารถนำมาใช้จริงได้

แต่ยิ่งไปกว่านั้นไอ้ที่แกพล่ามๆ ล่าสุดส่วนใหญ่ยังไม่ตีพิมพ์เลยด้วยซ้ำ ยังไม่มีการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพ แต่เอามาใช้เป็นคำแนะประชาชน และกลายเป็นใช้กำหนดนโยบายรัฐบาลซะฉิบ