เคียซ่าผู้แบกอิตาลีด้วยสองเท้า
ในบรรดานักเตะ ยูโร 2020 หนนี้ เรื่องราวของ 'เฟเดริโก้ เคียซ่า' น่าถูกจับไปทำ 'สารคดีชีวิต' มากที่สุด
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา...ในความโชคดีที่เกิดมามีป๊ะป๋าเป็นซูเปอร์สตาร์ ทุกย่างก้าวที่ เคียซ่า เลือกเดินล้วนเต็มไปด้วยการเปรียบเทียบ ด้วยดีเอ็นเอที่มีฟุตบอลในสายเลือดเสมือนผู้เป็นบิดาทำให้ เคียซ่า ซึมซับกับลูกกลมกลมตั้งแต่ 2 ขวบ แต่ทุกครั้งที่เขาเลือกเดินในเส้นทางที่รัก และ มีคนเห็นชื่อเขาผ่านตา...
'เฟเดริโก้ เคียซ่า' ก็เป็นได้แค่ "เจ้า เคียซ่า ลูกของตำนานอย่าง เอ็นริโก้ เคียซ่า" มีน้อยคนที่จะจำชื่อจริงของเขาได้
'เฟเดริโก้' เป็นได้แค่ลูกที่เดินต๊อกต๊อกตามเงา 'ผู้พ่อ'
"ผมเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมาตั้งแต่ยังเด็ก ตอนอายุ 13 ปีผมต้องพบกับช่วงเวลาที่แย่ ผมเห็นเพื่อนร่วมทีมของผมหลายคนพัฒนาทั้งเทคนิค และ สภาพร่างกาย แต่กับตัวผมมันยากมากๆที่จะรักษาระดับของตนเอง ร่างกายของผมโตช้ากว่าคนทั่วๆไป และ นั่นทำให้ผมได้เล่นแทบจะนับนาทีได้เลย"
ในวันนี้ 'เฟเดริโก้ เคียซ่า' คือ 'ลูกไม้ที่หล่นใต้ต้น' หากแต่เมื่อครั้งอดีตเขาเป็นแค่ 'เจ้าลูกซูเปอร์สตาร์' ที่ไม่ได้มีพรสวรรค์ หรือ DNA ทางด้านฟุตบอลเหมือนที่พ่อมีติดตัวมา เคียซ่า เหมือนเด็กตัวเปล่าที่ไม่ได้เก่งกาจอะไร เขาถูกค่อนขอดว่า 'เด็กเส้น' ที่เข้ามาฝึกในเยาวชนของ ฟิออเรนติน่า ได้ก็เพราะเป็นแค่ 'ลูกตำนาน' เป็นเพียงแค่ตัวสำรองที่สโมสรเกือบปล่อยตัวไม่เสนอสัญญาอาชีพให้
ซ้ำร้าย 'รอยเท้าที่พ่อเคยสร้างไว้' ในอดีตก็ย้อนกลับมาทำร้ายตนเองมากขึ้น...
แต่สิ่งหนึ่งที่พระเจ้าประทานให้กับ เคียซ่าผู้ลูก คือ 'พรแสวง' ครับ
เคียซ่า รู้ว่าตนเองไม่ได้มีอะไรเลย สกิลก็ยังไม่ได้ครึ่งของพ่อด้วยซ้ำ เป็นแค่ลูกตำนานแบบที่ใครต่อใครเขาว่า แต่อาศัยคำดูถูกนี้ล่ะหันมา 'พัฒนาตนเอง' เขาฝึกหนักมากกว่าใครๆครับ และ ในทุกๆวัน เคียซ่า จะมีเทรนเนอร์ส่วนตัวคอยเทรนให้อีกทั้งยังให้คำแนะนำว่าเขาควรต้องปรับปรุงอะไร
และโค้ชมือเอกที่ช่วยให้เขาผ่านพ้นช่วงเวลานี้มาได้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน.. คนที่เขาสืบทอดทายาทต่อ 'เอ็นริโก้ เคียซ่า' คุณพ่อนั่นเอง
"พ่อช่วยผมได้มากจริงๆ เขาให้คำแนะนำที่ทรงคุณค่ากับผมในเวลาที่ยากลำบาก ผมไม่ได้เล่นให้ทีมเยาวชนมากมายเพราะ ผมไม่ได้มีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ แต่เขาบอกผมเสมอว่าให้อดทนรอเวลา และ ขยันเข้าไว้ จากนั้นโอกาสจะเข้าหาผมเอง"
---------------------------
ในช่วงออกสตาร์ท ยูโร 2020 2 นัดแรก ชื่อของ 'เฟเดริโก้ เคียซ่า' เป็นแค่ตัวประกอบของทีมชาติอิตาลี เขาไม่ใช่คนที่ 'โรแบร์โต้ มันชินี่' โปรดปราน และ มักถูกมองข้ามไปเลือกใช้งาน 'โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ และ ลอเรนโซ่ อินซิเญ่ มากกว่า
อย่างไรก็ตามเหมือนดั่งคำที่คุณพ่อของ 'เฟเดริโก้' เคยว่าไว้ครับ 'โอกาส' จะมาหาคนที่พร้อมเสมอ ทำตัวให้พร้อมเข้าไว้จากนั้นทุกอย่าง 'จะเป็นของเรา'
ในรอบน็อคเอาท์ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับ ออสเตรีย 'เฟเดริโก้ เคียซ่า' สร้างชื่อในยูโรได้สำเร็จด้วยการซัดประตูสำคัญในช่วงต่อเวลาพิเศษให้ทีมชาติอิตาลี ก่อนที่จะพาทีมกรุยทางเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในเวลาต่อมา
ไม่ว่าเขาจะได้รับบทบาทอะไร 'เคียซ่าผู้ลูก' ไม่เคยปริปากบ่น แต่ทุกครั้งที่โอกาสเข้าหา..
เขาทุ่มทั้งตัวและหัวใจพร้อมใส่มันลงไปที่ 'ฝ่าเท้า' ...พรแสวงในอดีตสอนเขาไว้ว่า 'จงอย่ายอมแพ้'
ที่สุด 'ทัศนคติ' ที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า แสดงมันออกมาก็เอาชนะใจ 'โรแบร์โต้ มันชินี่' หลังจากนั้น เคียซ่า กลายเป็นกำลังหลักสำคัญของทีมชาติอิตาลีจนถึงวันที่เข้าชิงชนะเลิศ
มันชินี่ บอกว่าสิ่งหนึ่งที่ เคียซ่า เอาชนะใจเขาได้ก็คือ 'แอตติจูดในการเล่น'
มีหลายคนที่ชอบนำ 'เฟเดริโก้ เคียซ่า' ไปเปรียบเทียบกับ 'เอ็นริโก้ เคียซ่า' ผู้พ่อ แต่ในฐานะพยานปากเอกที่ผ่านการเห็นทั้ง 2 รุ่นนี้ลงซ้อมด้วยกัน มันชินี่ ยืนยันว่า ถึง DNA จะเข้มข้นแต่สไตล์ทั้งคู่นั้น 'ไม่เหมือนกัน' และการนำ 'เคียซ่าผู้ลูก' ไปวัดรอยเท้ากับผู้เป็นบิดา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ 'แฟร์' กับดาวรุ่งรายนี้เลย
"เอ็นริโก้ และ ลูกของเขา (เฟเดริโก้) นั้นต่างกันมาก เอ็นริโก้ คือคนที่สมบูรณ์แบบทุกๆคนต้องการเขายังเป็นชายที่ยอดเยี่ยม ส่วน เฟเดริโก้ ในด้านสภาพร่างกายเขาต่างกับพ่อของเขามาก ส่วนเทคนิคนั้นทั้งสองมีเหมือนกันโดยเฉพาะสัมผัสสุดท้ายก่อนยิงประตู"
"แต่ด้วยความที่ เอ็นริโก้ เป็นกองหน้า, เฟเดริโก้ เล่นตำแหน่งปีกดังนั้นเขาจะวิ่งมากกว่าพ่อของเขามาก และการที่เขาอยู่กับ ยูเวนตุส ในตอนนี้มันจะเป็นก้าวสำคัญของเขาเลย เพราะ เขาจะพัฒนามากกว่านี้แน่นอนในอนาคต"
ซึ่งก็จริงแบบที่ มันชินี่ ว่าไว้ครับเพราะการได้ไปเล่นให้กับ ยูเวนตุส และเป็นเพื่อนร่วมทีมของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และ เรียนรู้จากหนึ่งในนักเตะที่ว่ากันว่า 'เก่งที่สุดในโลก' ในทุกๆวันนั้นช่วย เคียซ่า ได้มาก
และทุกวันนี้เขาเข้าใจแล้วครับว่าทำไม 'CR7' ถึงมีทุกวันนี้ได้..
"เวลาผมไม่ได้ลงสนามผมจะพยายามหาทางลงเล่นเกมถัดไปให้ได้ การซ้อมอย่างหนักสุดท้ายมันจะตอบแทนเราเอง การซ้อมทำให้ผมลงเล่นใน เซเรีย อา ได้ และ ทุกวันนี้ผมก็พยายามยกระดับตนเองในทุกสัปดาห์"
"นี่เป็นทัศนคติเดียวกับ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เขาไม่ได้มีพรสวรรค์แบบ เมสซี่ แต่เขาคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้เท่าๆกับ เมสซี่ เลย ความเป็นมืออาชีพในตัวของ โรนัลโด้ ที่สูงมากและบอกกับผมว่าถ้าคุณต้องการไปถึงจุดสูงสุด และ รักษามันไปเรื่อยๆ คุณก็ต้องเก็บทุกๆรายละเอียด เพราะ มันคือเรื่องสำคัญ"
--------------
'Like Father, Like Son'
จากคนที่เป็นแค่เงา และ เต็มไปด้วยการเปรียบเทียบ แต่ในวันนี้ชื่อเสียงของ 'เฟเดริโก้ เคียซ่า' กำลังเดินตามรอยผู้เป็นพ่อ...
สิ่งที่ต่างคือไม่มีใครอีกแล้วที่เมื่อบอกว่า 'เคียซ่าไหน' แล้วจะต้องตอบว่า 'อ๋อ...เคียซ่าที่่เป็นลูกของตำนาน และ ตอนนี้มันอยู่ ยูเวนตุส'
เพราะ 'เอ็นริโก้' ก็คือ 'เอ็นริโก้', ส่วน 'เฟเดริโก้' ก็คือ 'เฟเดริโก้' ในตอนนี้ไม่มีใครจดจำเขาในฐานะ 'ลูกของเคียซ่า' อีกต่อไป..
ศึกยูโรสร้างสตาร์เสมอครับ และ กับการชิงชัยหนนี้ก็เป็น 'เฟเดริโก้ เคียซ่า' ที่สร้างชื่อกระฉ่อนแบบไม่มีใครคาดคิด..
ยังอีกไกลกว่าที่ 'เฟเดริโก้ เคียซ่า' จะก้าวข้ามผ่านความสำเร็จที่ผู้พ่อได้เคยทำไว้ กระนั้นด้วยการที่อยู่กับ ยูเวนตุส ในตอนนี้ และ ยังอายุเพียงแค่ 23 ปี 'เคียซ่าผู้ลูก' มีต้นทุนดีที่จะไปได้ไกลกว่าที่ 'เอ็นริโก้' เคยทำเอาไว้อีก
และไม่ว่าสุดท้ายเส้นทางข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น มองย้อนกลับมาอีก 5-6 ปี ความทุ่มเทของ 'เฟเดริโก้ เคียซ่า' ที่ก้มหน้ามุดและฝ่าทะลวงเกมรับโดยไม่แยแสว่าคู่แข่งนั้นจะเป็นใคร...
จะกลายเป็น 'ภาพจำ' ที่ผู้คนไม่มีวันลืมประจำทัวร์นาเมนต์ 'ยูโร 2020' อย่างแน่นอน
มาสเตอร์ ริท
ฝากด้วยครับกับ เคียซ่า ผู้แบก 'อัซซูรี่' ด้วย 2 เท้าของเขาครับ
https://www.facebook.com/MasterReed.1992