น่าแปลกที่ผีมีอยู่ในเรื่องเล่าทุกยุคสมัย ทุกวัฒนธรรม​ ทุกสถานที่​

ทั้งที่ผีไม่มีจริง ตามหลักพลังงานและอนุภาค อย่างนักวิทย์ว่า ไม่มีใครสามารถ​พิสูจน์​ได้ว่ามีจริง

แต่ลองคิดอีกมุม จริงๆผีอาจไม่มีพลังงานไม่มีสสารแต่มีวิธีการบางอย่างสามารถแทรกแซงการรับรู้ของคน ทำให้สมองสร้างภาพ หรือ การได้ยิน ฯ แล้วคิดว่าเป็นผีก็ได้ บางครั้ง ในที่เดียวกัน เวลาเดียวกัน นั่งอยู่ข้างกัน บางคนเห็นบางคนไม่เห็นก็มี

ถ้าตั้งคำถาม​ว่าความคิดมีจริงมั้ย มีพลังงาน สสารมั้ย ความคิดมาจากไหน คงเป็นสมอง แล้วนิสัยมาจากไหน ทำไมสมองของคนส่วนประกอบ​ทางเคมีชีวะใกล้เคียงกันมากกลับสร้างลักษณะ​นิสัยที่ต่างกันได้สุดขั้ว อะไรเป็นตัวควบคุม​ แล้วมันมีอยู่จริงมั้ยพิสูจน์​ได้มั้ย แต่ที่ยกมาทุกคนคงเชื่อว่ามีจริงเพราะได้สัมผั​สกับตัวเอง แต่เรื่องที่ไม่สามารถ​สัมผัส​ได้ทุกคนก็ไม่แปลกที่จะคิดไม่ตรงกันได้

ดูการ์ตูนญี่ปุ่นมา

เหมือนต้องมีความเชื่อ ความศรัทธา ผีถึงจะมีพลัง ปรากฏออกมาได้

แบบพวกภูติ ไรงี้

ตามหลักศาสนา สัตว์ประกอบด้วยรูปและนาม

รูป หมายถึงร่างกาย ประกอบด้วยดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบกัน เมื่อตายก็สลายไปตามธรรมชาติ

นาม หมายถึงสิ่งที่ไม่ใช่อนุภาค ไม่มีมวล ตามหลักพุทธแบ่งนามเป็น 4 อย่างคือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

ยกตัวอย่างนาม เช่น ความสุข ความทุกข์ ความรัก ความโกรธ ความโลภ สิ่งที่เป็นนามธรรมพวกนี้ไม่สามารถเอาเครื่องมือที่ประกอบด้วยรูปธาตุมาวัดได้ คงไม่มีเครื่องมือใดที่จะสามารถวัดได้ว่าคนเรารักกันมากหรือน้อยแค่ไหน ไม่มีเครื่องมือที่จะวัดความโกรธแค้น อิจฉาริษยาได้

เรื่องผี คือสัตว์ที่ตายไปแล้ว รูปแตกสลายไปหมดแล้ว ที่ยังอยู่บนโลกได้เพราะมีความยึดมั่นเช่นโกรธแค้น ความห่วงหาอาทร ตรงนี้ก็เป็นนาม เมื่อจิตยังยึดติดกับนาม สัตว์จึงวนเวียนอยู่บนโลกในรูปของผี

ฝั่งวิทย์เริ่มรุกขึ้นมาเรื่อยๆ

ฝั่งไสยจะแก้เกมอย่างไร จะตัองงัดประโยคเด็ดออกใช้กันรึยัง #ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

ผมไม่ให้น้ำหนักกับคำพูดของคนพวกนี้ เขาไม่เคยเห็นก็จะพูดเองเออเองไปตามที่ตนเองเข้าใจ ส่วนผมเคยเห็นจังๆผมก็เชื่อว่ามี จะให้ไปอธิบายผมก็ไม่รู้ว่ามันมาได้ไง แต่จะให้ผมยอมรับว่ามันไม่มีนี่ตลกละ ก็คุณไม่เห็นเองคุณก็ไม่เชื่อว่ามีน่ะซี เป็นประสบการณ์เฉพาะบุคคล ของแบบนี้มันต้องเจอเองบังคับหรือโน้มน้าวกันไม่ได้หรอก

ผมไม่เคยเห็นผีนะ
แต่ทำไมมนุษย์ชอบคิดว่าตัวมนุษย์เองรอบรู้ทุกอย่าง

ผีไม่จริง เพราะ เตรื่องตรวจแล้วไม่เจอ
ถ้าใช้ตรรกกะ เดียวกัน
ไวรัสไม่มีจริง เพราะ นำไปส่องกับกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง หรือไปส่องกับกล้องโทรทัศน์
แล้วไม่เจอไวรัส
ซึ่งความจริงไวรัสมันมีอยู่จริง แต่อุปกรณ์ที่ตรวจนั้นมันแค่หามันไม่เจอ เพราะกำลังขยายมันต่ำไป

นักวิทย์ไม่เข้าใจหรอก มันเป็นฟีลลิ่ง