[RE: ผมเลิกนับถือศาสนาพุทธเพราะไม่ชอบในคำสอน]
KhunK พิมพ์ว่า:
ศีล5 ผมทำไม่ได้3ข้อ และผมคิดว่าเป็นอะไรที่ยากมากๆสำหรับมนุษย์ที่จะทำได้ทั้ง5ข้อ
1.ห้ามฆ่าสัตว์ ผมฆ่ามด ยุง แมลงสาบทุกครั้งที่เจอในบ้าน
2.ห้ามพูดปด ผมพูดประจำเวลาคุยกับลูกค้า
3.ดื่มสุรา นานๆดื่มที
ละกิเลส
ผมไม่เชื่อและผมไม่ต้องการละกิเลส เพราะกิเลสทำให้ผมมีไฟในการทำงาน ความอยากได้อยากมีทำให้ผมต้องขยัน
นิพพาน การเวียนว่ายตายเกิด
ผมไม่ต้องการทั้ง2อย่าง อยากตายแล้วสูญไปเลย
บวชพระ
ถ้าผู้ชายจำนวนมากบวชเป็นพระ แล้วใครจะทำงาน หาเลี้ยงครอบครัว ใครจะเสียภาษี ผู้หญิงหรือ? ประเทศจะเจริญได้อย่างไรถ้าทั้งประเทศมีแต่พระ
ปัจจุบันกำลังตัดสินใจว่าจะเข้าศาสนาไหน หรืออาจจะไม่มีศาสนาไปเลย แต่ก็กลัวว่าตอนแก่ตัวจะไม่มีที่ยึดเหนี่ยว
1.ฆ่าสัตว์เราไม่ฆ่าเขา ยังไงเขาก็ตาย เราก็เช่นกัน ไม่มีคนมาฆ่าเรา วันวดวันหนึ่งเราก็ตาย
2.ต้องพูดปดเรื่องงาน ถ้ามันไม่ทำลายประโยชน์ของผู้ฟัง แม้เรื่องที่เราพูดไม่เป็นความจริงก็ถือว่ายังไม่ขาด "มุสาวาทา" จะขาด"ต้องทำลายประโยชน์เขา
3.เรื่องดื่มก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่ยินดีที่จะดื่ม แต่ต้องเขาสังคมที่ทำงาน เพื่อนฝูง ก็ดื่มให้รู้ประมาณ แต่ในใจเราไม่ยินดีนะ มันไม่ถึงกับขาด มันแค่ด่างพร่อย ดื่มให้เขาพอใจไป ไม่งั้นงานเราจะลำบาก เป็นทุกข์กว่าเดิมอีก สำคัญที่ใจเรา
เรื่องละกิเลศเพื่อเป็นไฟในการทำงาน ต้องดูว่าแรงกระตุนนั้นเป็นแบบไหน ถ้าความยากมีบ้าน มีรถ ตำแหน่งงาน เงินเดือน พวกนี้มันเป็นของดำรงชีพอยู่แล้ว เราไม่ได้เป็นนักบวช ที่ต้องละเรื่องพวกนี้ คนทำมาหากิน ปัจจัยพื้นฐานพวกนี้มันเป็นของธรรมดา ที่มีอยู่แล้วก็อยากให้ดีกว่า เราไม่ได้ปล้นเขา ฆ่าเขาเพื่อเอามาครองนี่
บวชพระ มีทั้งโกนหัวไม่โกนหัว
ถ้ายังห่วงลูกเมีย ก็บวชไม่โกนหัว บวชใจไป ทำงานเสียภาษี เลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย มีศีล5เป็นปกติ
ตายแล้วสูญ จิตเราไม่เคยหลับไหล มันคอยแต่จะไปนู้นไปนี่ ถ้าอยากตายแล้วสูญ ช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ ลองหยุดความนึกคิดให้เป็น"สูญ"จากความคิดดู ถือว่าได้ซ้อมก่อนตาย
ส่วนนิพพาน ก็ไม่สูญ แต่ไม่เกิดไม่ดับ เป็นของที่พูดกันยาก กันคนที่ยังไม่มีความยากได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ต้องการหาทางออกอย่างแท้จริง หรือการเคลียร์จบเกมส์ชีวีตต่างๆที่รับบทมาหลากหลายของเราแล้ว ค่อยหมายมั่นเอานิพพานก็แล้วกัน ยังไงในที่สุด จิตที่ดิ้นรนหาทางออก เบื่อหน่ายในภพชาติ เบื่อหน่ายในความยาก จะขวนขวายหาผู้รู้ที่แท้จริง คือพระพทุธเจ้า อาจจะไม่ใช้องค์นี้ ก็จะมีองค์ต่อไปมาให้ สำหรับผู้ที่พร้อม หรือคุณมีกำลังใจใหญ่อยากเป็นผู้ที่นำพาคนไปด้วยเยอะๆ คุณก็สามารถืั้จะเป็นพระพทุธเจ้าได้
ท้ายที่สุดแล้ว แต่ละศาสนามีระเบียบปฎิบัติต่างๆ แตกต่างกันไป ถ้าเรารู้สึกว่ามันยากไปที่จะทำ แต่ในใจยังมีความกลัวความหวั่นไหวในใจ ก็นับถือคนที่เขาทำความดีไปก่อนก็ได้ ยินดีในความดีของเขา เอาความดีเขาเป็นผลักดัน ไม่ให้ใจเราไหลลงไปสู้ความมืดจนอยากที่กู้กลับมาได้
ศาสนาพุทธสำหรับบุคคลทั่วไปไม่ได้เคร่งเรื่องการปฏิบัตแบบเอาเป็นเอาตาย เพียงแต่ผู้ที่ต้องการบรรลุจุดสู่สุด เขาจะไม่ละเมิดแค่นั้นเองครับ