ทุกวันนี้เรายังต้องสร้างชาติด้วยความงมงายเหล่านั้นหรือครับ?

คำถามง่ายๆ ช่วยตอบทีครับ

อยู่ในประเทศที่พยายามผลักดันให้แก้ไข มาตราพิซซ่า แต่พอเปิดประเด็นพูดคุยแบบเสรี กลับถูกจำกัดว่า อย่าไปเตะอะไรกับของที่เป็นความเชื่อความศรัทธาคนอื่นเลย แบบนี้ไม่ต้องแก้ก็ได้มั้งมาตรานั้นอ่ะ กลับมาใช้บรรทัดฐานว่า ความเชื่อความศรัทธาของคนอื่นเราไม่ควรไปยุ่ง ไปวิจารณ์ ไปตั้งคำถามอะไร อยู่เงียบๆ

เสรีหน่อยครับ จะเป็นประชาธิปไตยแล้ว เค้าถามว่ามีพุทธคุณทางด้านใด หากมีความรู้ก็ชี้แจงให้ฟัง อธิบายให้เค้าเข้าใจ ตราบใดที่เค้าไม่ได้เกินเลย หรือ ใช้ถ่อยคำด่าท่อหยาบคายต่อสิ่งที่เรานับถือ ทุกเรื่องมันควรคุยกันได้หมดรึเปล่า

เหตุผมเหมือน 112 แหละครับ ถ้า discuss กันได้ก็หมดสิความศักดิ์สิทธิ์
มันเป็นเรื่องของพวกประจักนิยมกับเทวนิยม ที่ไม่มีทางบรรจบกันได้

คล้ายๆไหม หนัง The Book of Eli ในหนังยุคนั้นถ้าเขาเชื่ออะไรเขาก็ยึดสิ่งนั้นเอาไว้เป็นค่าทางใจ ถ้าเราอยากจะล้มล้างความเชื่อใดๆ ซึ่งสุดท้ายมันก็ต้องหาเหตุใดๆมาให้เชื่ออีกนั่นแหละ ตอนนี้เมืองเราก็คล้ายในยุคหนัง Mad Max แล้ว

พุทธคุณไม่รู้นะ แต่เค้าทำไว้เป็นสัญลักษณ์ว่านี่คือพระประจำประเทศ แล้วก็ทำได้ดี สวยมากด้วย

ผมเป็น atheist นะ ฉะนั้น ผมว่าอะไรแบบนี้โคตรไร้สาระอ่ะ กราบไหว้เทวรูปหรืออะไรพวกนี้จริงๆมันคือ paganism ด้วยซ้ำ ไม่ได้เป็นพุทธด้วยซ้ำ

จริงๆทุกศาสนา หลักการจริงๆมันคือสอนให้คนเป็นคนดีแค่นั้น ไอ้ที่เหลือมันคือ stories เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือหรือสร้างศรัทธาขึ้นมาให้กับศาสนาหรือลัทธิตัวเองเฉยๆเลย ไม่ว่าจะเกิดมาเดินได้เลย ไม่ว่าจะเสกน้ำเป็นไวน์ แหวกทะเลแดง ฯลฯ

ผมไม่เคยดูถูกคนนับถือในศาสนา (เพราะแม่ผม ญาติผมก็นับถือ) แต่ถ้าใครมาบอกว่า เห้ย ห้ามเล่น ห้ามตั้งคำถาม ผมว่าตื้นเกินครับ พวกยุโรปนี่เอาพระเยซูมาเล่นกันขนาดไหน มี parody meme เต็มไปหมด... หรืออย่างญี่ปุ่นที่เค้านับถือชินโตและคริสต์ เค้ายังเอามาวาดมาเล่นเป็นมังงะได้เลย

สุดท้าย ในอดีต การสร้างชาติ การรวมแผ่นดินอาจจะเกิดขึ้นเพราะความเชื่อหรืออะไรก็ตาม แต่นั่นมันคือยุคที่เรายังไม่มี profound knowledge in science นะครับ แต่ถ้าในเมื่อเรามีความตื่นรู้แล้ว ทำไมเรายังต้องไปนับถืออะไรแบบนี้ หรือห้ามตั้งคำถามอะไรแบบนี้อีกหรอครับ ? โลกหมุนมาไกลแล้วนะครับ หมุนตามโลกกันบ้างเถอะครับ

สงคราม Crusade ไม่ได้สร้างยุโรปนะครับ แต่ศาสนจักรใช้สงครามครูเสดเป็นข้ออ้างในการขยายอิทธิพลของตนเองต่างหาก แล้วก็มีตระกูลใหญ่ไม่กี่ตระกูลที่มีสัมพันธ์อันดีกับศาสนจักร ได้ครอบครองทั้งที่ดินและกองกำลังพล

แล้วเป็นไงครับ สุดท้ายก็แตกอยู่ดี ศาสนจักรไม่สามารถควบคุมคนได้อีกต่อไป วิทยาศาสตร์เข้ามาแทนที่ คนฉลาดขึ้น ตั้งคำถามมากขึ้น หลายๆพื้นที่ก็แตกแยกเพราะความเชื่อทางศาสนา ... หรืออย่างแถวตะวันออกกลาง และแถบ North Saharan ทุกวันนี้ยังสู้รบกันเพราะความเชื่ออยู่เลย ไม่ว่าระหว่างศาสนาหรือกระทั่งภายในศาสนาแต่ต่างนิกายกัน นี่หรือครับ ที่ศาสนารวบรวมคนครับ

สุดท้ายอย่างอเมริกาเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะคนส่วนนึงต้องการหนีจากความเชื่อของศาสนาแบบเดิมๆด้วย

อย่างแรกเลยคือ สิ่งนี้รวมใจคนไม่ได้ ให้คนมีความสามัคคีกันไม่ได้หรอก มันเป็นแค่คำพูดลอยๆ

ความเชื่อความศรัทธา มันไม่ใช่แค่เชื่อแล้วดี ไม่เชื่อก็แล้วไป แต่มันมีผลมากกว่านั้น

เอาแต่ศรัทธา มันจะกลายเป็นไม่เอาเหตุผลเลย ชีวิตตกต่ำโทษกรรม อยากดีขึ้นก็ไปไหว้ไปกราบอะไรซักอย่าง

และการจะเอาชนะสิ่งพวกนี้ มันต้องพูดถึงในแง่ลบบ้าง บางทีอาจจะต้องนำมาลบหลู่ล้อเลียน

เพื่อลบล้างความเกรงกลัวว่าสิ่งเหล่านี้ที่คนส่วนใหญ่มองว่าแตะต้องไม่ได้

ไม่งั้นมันจะไม่มีที่ว่างให้เหตุผลแทรกเข้ามาได้เลย

ผมไม่ได้จะบอกว่าตัวเองคิดถูกนะ ผมแค่มองอีกแบบ

ไม่นับถือครับผมคนเหนือ ภาคเหนือล้านนา เราไม่มีส่วนเกี่ยวกับพระสยามเทวาทิราช เลย สมัยเป็นสยาม ล้านนาก็ยังเป็นล้านนา ผมมองว่าเป็นส่วนนึงของการยกเป็นสมมุติเทพ ไว้ข่มดินแดนข้างมากกว่า

เอาให้มันมีจริงก่อน ค่อยมาถามเรื่องมีพุทธคุณ

ชีวิตบางคนเขาสู้ได้ เขามีที่พึ่งในวันที่เลวร้าย มันทำให้เขาไปต่อในเรื่องอื่นได้ แต่แล้วเราไปทำลายสิ่งนั้นไป

เขาไม่มีที่พึ่งทางใจ หมดหวัง หมดไฟ ชีวิตตกต่ำกว่าเดิม(คนเราจิตเข้มแข็งไม่เท่ากันนะครับ)

แล้วจะบอกได้ไหมว่า ผมทำลายสิ่งแล้วร้ายไปแล้ว คุณต้องขอบคุณผมสิ?

ดังนั้นเอาแค่ตัวเองพอ อย่าไปช่วยในสิ่งไม่เดือดร้อนของคนอื่น(แทนที่จะช่วยจะกลายเป็นตรงข้าม)


กลับกัน ไอ้พวกเจ้าเข้าทรง พระอวดอุตริ หรือพวกดาราทำบ้าหวยไปสร้างพญานาค พวกนี้เล่นให้จมไปครับ เลาะหน้ากากออกมา เล่นแบบนี้ให้เต็มที่ ไม่ใช่ไปวอร์กับสิ่งที่พูดไม่ได้

ผมไม่ได้บอกว่าสร้างยุโรปนะครับ ผมบอกว่าสร้างความเชื่อ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกสิ่งที่ดี แต่ผมยกตัวอย่างการรวมคนจำนวนมาก มันต้องใช้ความเชื่อ

ผมเสนอหลายแง่มุม ว่าของสิ่งหนึ่ง มันมีทั้งดีไม่ดี อยู่ที่คนเอาไปใช้

อย่างความเชื่อในประชาธิปไตย เราเชื่อว่าดี(คนอื่นอาจคิดว่าระบบอื่นดีกว่า) คนที่เชื่อก็จะรวมตัวกันได้เป็นกลุ่มก้อน มีพลัง อันนี้เป็นความเชื่อด้านบวก

หรือใครงมงาย ก็เป็นความเชื่อด้านลบ แต่ตราบใดที่ไม่ทำร้ายใคร มันก็เป็นเรื่องของเขา

1. ถ้าคนเราเข้มแข็งไม่พอที่จะไปต่อ ? ไปหาหมอหรือนักจิตวิทยาครับผม นั่นคือการแก้ปัญหาด้วยวิทยาศาสตร์ครับ ผมเองผ่านช่วงที่แย่ๆในชีวิตมาสองครั้งใหญ่ๆ ที่พึ่งสุดท้ายคือตัวเองครับ สุดท้ายถ้าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ? ก็ต้องปล่อยครับ

2. ตลกละครับ ที่บอกว่าเราไปวอร์กะสิ่งที่พูดไม่ได้ ความเชื่อแบบนี้มันคือ paganism ชัดๆครับ อันนี้ไม่ใช่พุทธด้วยซ้ำ แล้วคิดว่าคนทรงเจ้า หรืออะไรแบบนี้ผมไม่ด่าหรอครับ ก็ด่าเหมือนกันหมดครับ เพราะหาสาระไม่ได้เหมือนกันหมดครับ

การสร้างก็แปล่ว่ายังไม่มี ผมสื่อถึงยุคนั้น แต่ปัญหาที่เราคุยกันตอนนี้คือ การไปทำร้ายจิตใจคนอื่น ผมไม่ได้สื่อแค่พระพุทธรูปนะครับ ต่อให้เป็นโดราเอม่อน ชินจัง อุลตร้าแมน คาเมนไรเดอร์ มันก็ไม่ใช่ครับ

เราต้องไปจัดการคนที่มันชักจูงปล่อยเช่าโดราเอม่อน ตั้งกล่องรับเงินบริจาคชินจัง ปลุกเสกอุลตร้าแมน พวกนี้ครับ ไปใช่ไปด่าคนรักโดราเอม่อน

เอาแค่หลักการง่ายๆ คือการอยู่ร่วมกันโดยไม่ทำร้ายจิตใจกัน เอาใจเขาใส่ใจเรา อันนี้น่าจะเข้าได้นะครับ

ผมไม่ได้แย้งเลย ถ้าจะอธิบายเหตุผลดีๆ ตรงๆ แต่ส่วนมากจะออกมาแนวเสียดสีล้อเลียน แค่เริ่มก็ลบแล้วครับ จะไปดึงสติใครกลับมาได้