เปลี่ยนใจตัวเองน่าจะดีและง่ายกว่านะครับ

จบ ป.ตรี ถือว่าคุณโตมากๆแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วครับ น่าจะต้องมีความคิดที่พึ่งพาตัวเอง มากกว่าที่จะพึ่งพาพ่อ แม่นะครับ หลังจากนั้นพ่อ แม่ท่านจะช่วยอะไรยังไงนั้นก็แล้วแต่เขาครับ ชีวิตเป็นของคุณ อนาคตเป็นของคุณ ก็จงสร้างชีวิตและอนาคตด้วยตัวคุณเองดีกว่าครับ

จากใจพ่อคนหนึ่งที่อีกไม่นานลูกก็จะจบ ป.ตรีเหมือนกันครับ

ผมว่าที่ต้องขายที่ดินนี่เป็นตัวบ่งบอกเลยว่าต้องรบกวนที่บ้านหนักเลยครับ ผมว่าท่านลองออกมาทำงานเก็บตังไปเองดีกว่า

ผมว่าป.โทมันเกินกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานที่พ่อแม่จะให้คุณได้แล้วอ่ะครับ ปกติเด็กต่างประเทศเค้าหาเงินเรียนป.ตรีเองด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าขั้นถึงต้องขายที่ดินเรียนเพื่อไปต่างประเทศ น่าจะเป็นคุณเองที่ไม่เข้าใจแม่มากกว่า

อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางครอบครัว ทรัพย์สินแม่มันก็ของเค้าทำไมคิดว่าลูกวางแผนอะไรยังไง อยากทำอะไรยังไงก็ต้องได้ต้องเป็นไปตามนั้น

สายนิเทศผมว่าการไปเรียนเมืองนอกมันยังไม่น่าเป็นเรื่องที่จะพลิกชีวิตขนาดนั้น ถ้าเรียนนิติไปเมืองนอกทำให้กลับมาได้สอบผู้พิพากษาสนามพิเศษได้เป็นผู้พิพากษาชัวร์ๆ รับราชการมีสวัสดิการรักษาพ่อแม่ไปยันตาย ถ้ามีนี้มันน่าแลก น่าเสี่ยง น่าลอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็สิทธิของแม่ ไม่ใช่ของคุณ

ที่ดินได้มายังไงอันนี้ไม่มีดีเทล แต่ถ้าคุณลองดูตามกฎหมาย ถ้าเป็นของที่ได้มาก่อนแต่งงาน เอาตามกฎหมายถือเป็นสินส่วนตัว พ่อคุณที่แต่งด้วยยังไม่มีสิทธิด้วยซ้ำ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนี่เป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ไม่ต่างกับเนื้อตัวร่างกายเลย การที่ไม่เกรงใจไม่เคารพกันผมว่าแย่มาก

ถ้าลูกผมโตแล้วจะเอาแบบนี้ได้มีด่าแรงแน่ๆ

5555 ตลกดีคับอ่านความเห้นท่านเหมิอนเหนครอบครัวตัวเอง

แต่ของผมสลับกันนิดหน่อย

อ่านมู้นี้ได้คำตอบดีจัง ตอนแรกอ่านที่จขม.ถามก็คิดว่าจะให้คำตอบยังไง เพราะโดยส่วนตัวที่เจอเพื่อนๆเรียนโทต่อแบบที่บ้านพร้อมมาก ไม่เห็นใครมีปัญหา แถมความคิดผมจากประสบกามคือ หลายคนเรียนเพราะยังไม่อยากทำงาน ไม่พร้อม ยังมองไม่เห็นภาพว่าตัวเองจะทำงานได้ซะมากกว่า เลยขอเรียนไปก่อนเพื่อหาแนวทางหรือเอารายได้เยอะๆงานสบายกว่าในภายหลัง

แต่พออ่านเม้นท์ก็อ๋อเลยว่าคนที่อยากเรียนด้วยเหตุผลความก้าวหน้าแบบจริงๆเค้าต้องพร้อมด้วยตัวเองก่อน บางคนทำงานก่อน บางคนหาทุนด้วยตัวเอง ถ้ามีมายด์เซตแบบนี้มันดูน่ามั่นใจว่าคุณเรียนโทเำราะคิดมาแล้ว และคุ้มจะลงเรียน

ขออนุญาตพูดตามตรงเพราะหวังดีนะครับ

นี่มัน ป.โท ครับ ไม่ใช่มัธยมหรือ ป.ตรี ถ้าอยากเรียนท่านควรวางแผนเก็บเงินจัดการตัวเองได้แล้วครับ ไม่ใช่รอคนอื่นส่งให้

น้องผมไปเรียนรวมเที่ยวเล่น 2-3 ปี คิดเบ็ดเสร็จมาไม่ต่ำกว่า 4 ล้านนะครับ

ถ้าต้องขายที่ดินเพื่อไปเรียน ส่วนตัวผมถือว่าไม่โอเคครับ

ลองเลือกประเทศอื่นที่ค่าใช้จ่ายน้อยลง น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ

อีกทางเลือกคือ จบมาทำงานเก็บเงินก่อนสักส่วนนึง

1. ได้ประสบการณ์ บางทีอาจทำให้เราเรียนเข้าใจง่ายขึ้น เพราะมี ปสก มาแล้ว
2. ได้เงินเก็บช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย

ต้องขายที่ดินเรียนไม่โอเคครับ ทุกอย่างมีความเสี่ยงอย่าลืม ทำงานไปซัก 2-3 ปี ถ้าเก็บตังได้เเล้วยังอยากเรียนอยู่ก็จัดไป เเต่ถ้าทำงานเเล้วยังคิดว่าไม่มีเเววหาตังได้พอก็เรียนเอาในประเทศครับ อีกทางก็ลองมองๆหาทุนต่างๆดู

ขายที่ดินนี่ไม่ใช่เรื่องละครับ ถือว่าเห็นแก่ตัวเลยนะสำหรับผม

คุณยอมเสี่ยเวลาซิ่ว 1 ปี ได้

ลองเสียเวลาดูอีกที หาเงิน 2 ล้านไปเรียนต่อดูครับ

จากสถานะของท่าน ถ้าคิดว่าท่านไหวจริงขอทุนเลยครับ ทุนต่างประเทศมีไม่น้อยเลย และไม่ได้ฝห้ยากเกินไปด้วย เป็นการวัดระดับไปในตัวว่าท่านพร้อมจริงรึป่าว ถ้าพร้อมจริงต้องขอได้

แต่ผมไม่แน่ใจว่านิเทศน์จะมีรึป่าวนะครับ

หาทุนเองก่อน2-3ปีครับ
นอกจากค่าเทอมเเล้วยังมีค่าเช่าห้อง,ค่าเดินทาง,ค่ากิน,โทรศัพท์,ค่าหนังสือ,ค่าตั๋วเครื่องบิน อื่นๆอีกมากมายครับ
ถ้าอยากจะไปจริงๆเเนะนำให้วางแผนเก็บตังค์ดีๆก่อนครับ

ถ้าเมืองไทยยังพอเข้าใจ แต่ ตปท. นี่ใช้เงินเยอะมากนะครับ ค่าใช้ชีวิต วางแผนรึยังครับ แล้วสิ่งที่ท่านเรียนตอนนี้ท่านมั่นใจแล้วนะครับ ว่าชอบจริง ลองทำงานเก็บพอร์ท ตัวเองก่อนไหม แล้วไปหาทุนดีกว่าไหม การขายที่มันไม่ใช่เรื่องตลกๆ ที่ที่พ่อแม่ ของพ่อแม่ท่านให้มา ไม่ใช่ขนมที่จะขายกันง่าย ๆ ถ้าไม่ขัดสนจริงเก็บไว้มันจะดีกว่าไหม ลองตัดเอาความเอาแต่ใจแล้วลองคิดดู ว่ามันคุ้มไหม

อยากเรียนก็ไปเรียนเองสิครับ พ่อแม่ส่งเสียจนจบตรีแล้ว ต่อโทนั่นคือภาระตัวคุณเองแล้วครับ


อีกอย่าง เมกานี่ covid หนักมากนะครับ เดินทางระหว่างรัฐยังลำบาก แล้วไม่รู้อีกกี่ปีจะสงบ แม่คุณอาจจะไม่อยากให้ไปช่วงนี้ก็ได้ครับ

คงเห็นว่าท่านยังไม่โตพอแหละ จากความคิด