ผมฝึกฟังจาก https://www.bbc.co.uk/learningenglish/

ผมเรียนจบมาเป็นคนที่อ่อนภาษาอังกฤษมากครับ แต่โชคดีที่ทำงานต้องใช้ เลยเหมือนเป็นโจทย์บังคับ ผมเลยเริ่มฟังกับเว็บนี้

ฟังทุกวันครับ วันละ 10-15 นาที แบบตั้งใจฟังนะครับ ไม่ได้ฟังผ่านๆ ตอนทำอย่างอื่น

จนทุกวันนี้ผมก็พอสื่อสารได้ ไปสอบโทอิกก็ได้ 900 พอดีครับ ตอนสอบเตรียมตัว อ่านเบสิก แกรมม่า + ทำข้อสอบย้อนหลัง ช่วยได้เยอะครับ ที่สำคัญคือ ต้องเผื่อเวลา ฝนดำ ด้วยนะครับ มันใช้เวลาเยอะกว่าที่เราคิด หรือซ้อมสอบครับ

แนะนำไม่ค่อยถูกเลย
ผมไปสอบด้วยความคุ้นเคยล้วนๆ ครั้งที่ได้เยอะสุดคือ 780
แต่เพราะช่วงนั้นทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทั้งฟังพูดอ่านเขียนเยอะด้วยแหละ
ช่วงอื่นๆก็ 600 ปลายๆ - 700 ต้นๆ

เอาเป็นว่าจุดตายของหลายๆคนตอนสอบ TOEIC อย่างนึงคือ Reading ครับ
ส่วนใหญ่อ่านไม่ทัน ทำได้ไม่ครบ คะแนนก็หายข้อละ 5 คะแนนแล้ว

อ่านเร็วเป็นอะไรที่ต้องฝึกอย่างเดียว ไม่มีทางลัด (เหมือนกับฟังออก ก็ไม่มีทางลัดเช่นกัน)
ให้ฝึกอ่านแบบ skim กวาดตาผ่านๆแล้วจับใจความ/keyword ของ paragraph นั้นให้ได้
เพราะ Reading comprehension ของ TOEIC โหดที่ความยาวของบทความ อ่านกันตาแหกแต่ใช้ตอบแค่ 2-3 ข้อ
ถ้านั่งอ่านครบทุกตัวคือทำไม่ทันแน่นอน

ทริกเล็กๆน้อยๆ คืออ่านโจทย์ก่อนว่าเขาต้องการคำตอบในเรื่องไหน
ค่อยกลับขึ้นไป skim ว่ามันอยู่ส่วนไหนของบทความครับ



ส่วน Listening ฝึกเท่านั้นครับ
CNN BBC หนังไม่มีซับ เปิดกล่อมหูไว้ทั้งวันไปเลย ฟังไม่รู้เรื่องช่างมัน เดี๋ยวมันซึมเข้าร่างกายเอง



สุดท้าย บางคนชอบติดทำข้อสอบแบบติ๊กทิ้งไว้ก่อนแล้วค่อยมาฝน อย่าทำครับ ฝนไม่ทันคือพังเลยเช่นกัน
ผมเป็นคนที่ทำข้อสอบเร็วตลอด ตอนเรียนก็มักจะทำเสร็จเป็นคนแรกๆของห้อง
แต่ TOEIC นี่คือเสร็จแบบเหลือเวลาไม่ถึง 15 นาที อันนี้คือตอบทีเดียวแล้วไป ไม่ย้อนกลับมาคิดเลยนะ

ดูหนังซับไทย ฟังเพลงอิ้งเยอะๆครับ ฝึกทำข้อสอบในยูทูปอะครับ ส่วนพาร์ท reading ต้องฝึกทำโจทย์เยอะๆครับผม แนะนำได้เท่านี้จริงๆครับ เพราะผมก็ทำแค่นี้ ได้มากสุดก็ 850 สอบเมื่อปีสองปีที่แล้ว

สูตรของผมนะ เริ่มปรับจากสิ่งแวดล้อมก่อนครับ แต่อย่าพยายามมากไปจนรู้สึกฝืน หรืออึดอัด ถ้าหัวมันไม่โล่งเรียนยังไงก็ไม่เวิร์ค

เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ เช่น ปกติใช้ภาษาไทยในมือถือ ก็เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ ช่วงแรกน้นฟังเพื่อทำให้เราชินกับการออกเสียง ฟัง > พูด > อ่าน > เขียน ผมทำตามนี้เลย
- เวลาดูหนังดูซีรีย์ดู SUB ENG ----> ไม่มีซับ ** เวลาดูหนังผมแนะนำให้ดูรูปปากเวลาาเค้าพูดด้วย **
ผมชอบจดประโยคเด็ดๆ จากในหนัง
- ฟังเพลง ฝรั่ง หา Lyrics เพื่อเข้าใจความหมาย แล้วก็เอาไปร้องตอนอาบน้ำ
- ทำแบบฝึกหัด เพื่อหาแนวข้อสอบ + หาศัพท์
- อ่านข่าวฟุตบอลภาษาอังกฤษบ้าง ช่วงแรกผมไม่สามารถโฟกัสได้เลย ไม่อยากอ่าน พอผ่านไปซักพักก็พอได้
- ฝึกเขียน อันนี้ยากสุด เขียนไป เปิดตำราไป ผมว่าถ้าจะหา Tutor เรื่องเขียนน่าจะดีสุด

*** หาหนังสือมาจดศัพท์ที่เราเจอในแต่ละวัน จากหนัง หรือจากแบบทดสอบที่ทำ 5 คำ 10 คำ ก็ว่ากันไป **

เห็นด้วยตรง ฟัง > พูด > อ่าน > เขียน มาก
กระบวนการเรียนภาษาของมนุษย์มันต้องแบบนี้
ตอนเด็กๆที่เราพูดไม่ได้ ก็เริ่มจากฟังเสียง แล้วเลียนแบบเสียง (พูด) อ้อแอ้ๆจนพูดคล่อง
แล้วค่อยมาอ่าน/เขียนตามหลัง

แต่พอเป็นภาษาที่ 2 นี่บ้านเราชอบเรียนแบบสวนทาง เริ่มจากเขียน/อ่านก่อน มันก็เลยตะกุกตะกักกันไปหมด

ผมว่าเข้าง่ายนะ

มียูส Schicksal มันเคยบอกผมว่า การไฟฟ้าเข้าง่าย เป็นระดับ low มากๆ ผมว่าผมจะเชื่อเชาหน่อย

ช่วงนั้นติด Marvel เลยดู agents of shield ครับ

แต่อย่ายึดติดชื่อเรื่องเลยครับ เอาที่เราชอบดูดีกว่า จะเป็นหนังทั่วๆไปก็ได้ครับ

ใช้งานบ่อยๆ เลยครับ

ปรับภาษาที่ใช้ในมือถือเป็นภาษาอังกฤษ ในคอมก็ด้วย ใน Facebook twitter instagram เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษให้หมด

ฟังเพลงฝรั่ง ชอบเพลงไหนก็หาเนื้อเพลงมาอ่าน

เวลาเดินทาง เปิดวิทยุ ฟังข่าว BBC บ้าง

อ่านการ์ตูน Manga Manhwa Doujin เวอร์ชั่นแปลอังกฤษ ไม่ต้องรอแปลไทย (หลายๆ เรื่องแปลเลยภาษาไทยไปแล้วสามสี่ช่วงตัว)

ภาษาคือทักษะครับ ยิ่งใช้ก็ยิ่งชำนาญ
ยิ่งภาษาอังกฤษคือใกล้ตัวมากๆ และเข้าถึงง่ายที่สุดแล้วครับ

ปล. สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น คือสิ่งที่ผมทำมาตั้งแต่มัธยมมาจนถึงปัจจุบันครับ