BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Aug 2009
ตอบ: 7543
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 02:32
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
Spoil
eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
HunJungSun พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
eGinninG พิมพ์ว่า:
บางทีก็เหนื่อยใจจริงๆคล้ายๆเคสของ CP พอไม่ทำอะไรเลยก็บ่นพอทำก็บ่น
อยากให้เข้าใจตอนนี้นะครับ อะไรที่ช่วยกันได้คนละไม้คนละมือเอาเท่าที่เราทำได้ก็ทำไปเถอะครับ
มาห่วงผลอะไรตอนนี้ ทุกวันนี้ผมซื้อข้าวแจกยามแจกแม่บ้าน มันก็ไม่ช่วยให้เหตุการณ์มันน้อยลงหรอกครับ
แต่อย่างน้อยมันก็ได้ช่วย ใครไม่อุ่นใจผมอุ่นใจครับมาพ่นหน้าบ้านผมเลยยิ่งดี ตอนนี้เรื่องการสร้างขวัญ
กำลังใจในยามที่ผู้คนวิตกกังวลเนี่ยดีที่สุดแล้วครับ
 


สรุปคือไม่มีประโยชน์ แถมยังอาจสร้างผลกระทบจากการแพร่เชื้อกระจายวงกว้าง มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาให้ข้อมูลชัดเจน คุณคิดว่าเอาไม้กวาดมากวาดพื้นมันฆ่าเชื้อโรคได้อย่างไรหรอครับ เผลอ ๆ อาจเป็นการ spread เชื้อจากขยะให้ลอยฟุ้งในอากาศ

คุณคิดว่าการที่ทหารเอามือจับ mask ด้วยมือเปล่าส่งให้ประชาชน มันได้ประโยชน์อะไรหรอครับ นอกจากอาจ spread เชื้อจากมื้อทหารไปยังประชาชน

[b]
ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่หน้าที่ ถ้าไม่มีความรู้อย่างเพียงพอ วิธีที่จะเซฟบุคลากรทางการแพทย์ เซฟทรัพยากรชาติที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ "คืออยู่นิ่ง ๆ ครับ"
 


เขาคงไม่ออกมาพ่นเฉยๆ โดยไม่รู้อะไร หรือกรมควบคุมโรคไม่แนะนำขั้นตอนต่างๆ หรอกครับ

อ้างอิงจาก:
ด้านพล.ต.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ.พล.ม.2 รอ. ได้นำกำลังพล ฉีดพ่นล้างสารพิษ บริเวณพื้นที่ แนวถนน พระรามที่ 1 จากแยกปทุมวัน - แยกราชประสงค์ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร โดย มีกำลังจาก ม.1 รอ.,ม.1 พัน.1 รอ.ร่วมกับ สำนักงานเขตปทุมวัน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปทุมวัน

ขณะที่ทหารจาก ม.พัน.4 พล.1 รอ. ได้นำรถน้ำผสมสาร BKC ฆ่าเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย บริเวณโดยรอบและสะพานลอย ของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บนสกายวอล์ค สถานีรถไฟฟ้า และใช้ รถนำ M 51 รถน้ำผสมสาร BKC ปล่อยน้ำยาลงบนถนน และทำความสะอาด รวมระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

โดยระหว่างปฏิบัติงานอยู่นั้จะมีรถกระจายเสียง ทำความเข้าใจ ให้ความรู้เริ่องน้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อไวรัส โควิด19 คือ BKC (benzalkonium chloride) หรือ Sanisol เป็นสารทำความสะอาดที่ใช้ฆ่าเชื้อต่างๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ได้เป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในสารทำความสะอาดที่ทางสิงคโปร์แนะนำว่าให้ใช้ได้ในการกำจัดโคโรนาไวรัส โดยความเข้มข้นที่แนะนำคือ 0.05% ซึ่งเป็นระดับความเข้มข้นน้อยสุดที่กำจัดไวรัสได้ และยังคงปลอดภัยต่อการใช้งาน การระเหยออกจากพื้นที่ ใช้เวลาไม่เกินครึ่ง ชม. (ฉีดพ่นเป็นละอองฝอย)

สาเหตุที่เลือกใช้สาร BKC เพราะสามารถออกฤทธิ์ได้ที่ความเข้มข้นต่ำ ซึ่งสามารถผสมน้ำได้ในปริมาณมาก เหมาะกับการสนับสนุนภารกิจการชำระล้างพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ไม่เหมาะกับการนำมาใช้ชำระล้างร่างกาย ซึ่งในส่วนของการชำระล้างร่างกาย แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์ 70%

ทั้งนี้ สารอื่นๆ ที่สามารถใช้ในการฆ่าเชื้อโคโรนาไวรัสได้ตามแนวทางของสิงคโปร์ และความเข้มข้นที่ต้องเตรียมเพื่อให้ฆ่าเชื้อได้ เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (NaOCl) ซึ่งเป็นส่วนผสมในไฮเตอร์สำหรับผ้าขาว 0.05-0.5% Chloroxylenol ซึ่งเป็นส่วนผสมในเดทตอล 0.12%

 




เป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกท่านครับ ไม่ว่าจะเจอเสียงบ่นเสียงด่า ก็ยังก้มหน้าก้มตา ปฏิบัติงานเป็นแนวหน้าเพื่อคนไทยต่อไป #สู้ต่อไปครับ

Credit : https://www.thaipost.net/main/detail/60233  
 


ที่พูดไม่ได้จะด่าแต่ผมกลับเป็นห่วงถึงสถานการณ์ทีเกิดขึ้นครับ

คุณคิดว่าทหารมีความรู้มากแค่ไหนในการออกปฏิบัติการแต่ละครั้ง

การเอามือจับ mask ด้วยมือเปล่าแพ็คให้กับประชาชน หรือแม้แต่คนที่ควรรู้มากที่สุดอย่างท่านนายกแถลงข่าว 4 นาที เอามือจับ mask ลงเท่าที่ผมนับทั้งหมดคือ 20 ครั้ง

ผมว่าอันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์อยู่แล้วครับ โดยเฉพาะคนที่ไม่ชินกับ mask ยิ่งใส่ก็ยิ่งรำคาญ

ผมทำงานเป็นบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล ยังเผลอเอามือจับหน้า จับตาออกจะบ่อยหลังสัมผัสคนไข้ คุณคิดว่าบุคคลทั่วไปทำความสะอาดที่ต้องลงไปเสี่ยง จะไม่เอามือมาจับหรอครับ

หมอยังติดเชื้อเลยครับ ขนาดป้องกันอย่างดี ถ้าทหารกลับไปติดกันในกรมกองเองนี่ ไม่อยากจะคิดครับ  


ผมมีทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องที่ปัจจุบันเป็นแพทย์ใหญ่ตามรพ.ใหญ่ๆ ไม่เห็นมีใครออกมาบ่นเลยครับว่าเคสการฉีดถนนมันมีปัญหาทำให้เชื้อยิ่งกระจาย มีแต่บอกว่าช่วยอะไรได้ให้ช่วยกัน ถ้าคุณเป็นบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลจริง คุณไม่ควรมีความคิดแบบนี้เลยนะครับ ผมสงสารเพื่อนๆผมมาก วันๆนอนไม่ถึง 3 ชมอะไรที่ลดภาระได้ก็ต้องช่วยๆกันครับ จะแค่เล็กน้อยก็ตาม  


มันมีเรื่องหน้าบ่นกว่านี้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ จนเค้ามองข้ามประเด็นนี้ ซึ่งประเด็นซอยย่อยที่ต้องพูดก็มีอีกเยอะแยะ หมอโรงพยาบาลชุมชนหน้าด่านโทรมาคุยกับผมโน่นนี่นั่น ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็พูดไม่ได้เดี๋ยวหาว่าเฟคนิวอีก เรื่องแบบนี้มันก็เป็นประเด็นที่สำคัญกว่า และโครตสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่าประเด็นนี้จะไม่สำคัญ และถ้ารณรงค์ที่จะทำให้ถูก ย่อมดีกว่า  


ผมก็ยิ่งงงอยู่ดีครับ หมอโรงพยาบาลชุมชนหน้าด่าน มันคือเคสรอบนอกที่ไม่ใช่แหล่งระบาดใหญ่สุดในตอนนี้นะครับ วิธีปฎิบัติต่างกันมันก็ถูกแล้วไงครับ เมื่อกี้ผมพึ่งถามโทรเพื่อผมที่เป็นหมออยู่รพ.รามา ด้วยความสงสัย
เรื่องนี้เขาก็บอกว่า ศูนย์บริหารโควิด-19 ที่ปัจจุบันรวบนายแพทย์มากมายก็เป็นคนเสนอเห็นชอบนโยบายนี้เองครับ ถ้าคุณบอกแบบนี้แสดงว่าคุณหมอทั้งคณะผิดหรอครับ

 

 

ผมเถียง Topic เรื่องปัจจุบันครับ เรื่องนี้ผมไม่เถียง เพราะข้อมูลที่ผมได้รับก็มาจากปากเปล่าหมอหน้าด่าน อย่างที่ว่าไม่มี evidence เปิดเผยแน่ช้ัดผมจะไม่พูด

เรื่องแนวทางการบริหารโควิด คุณรู้มากแค่ไหนหรอครับ ปัจจุบันเอา

ไข้ 37.5+ กับอาการติดเชื้อทางทางเดินหายใจ + กับประวัติการ contact กลุ่มเสี่ยงมาใช้

แต่ผู้ติดเชื้อ 10% ไม่มีไข้นะครับ

https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2002032?query=recirc_curatedRelated_article&fbclid=IwAR00oiNGw3RJZTRRgOceiUAP7bqBtBoGHG_Ttos_1gzEQnoSskBxgIs2wcg

แล้วตอนนี้ติดเชื้อเป็นพัน กลุ่มเสี่ยงคือใครหรอครับ แต่แนวทางด้านบนยังเหมือนเดิมนะครับ บอกว่ามันติดส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่โรงพยาบาลชุมชน แต่ตอนนี้มัน spread ทั้งประเทศละครับ



ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อภาครัฐครับ
 


เอ้าผมจะรู้ได้ไงครับผมไม่ใช่หมอ ผมก็เน้นย้ำไงครับมันมาจาก คณะศูนย์บริหารโควิด-19 แต่เป็นทีมแพทย์นะครับ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลเลย ผมเชื่อทีมแพทย์ที่ออกสื่อมากกว่ารัฐบาลครับตอนนี้ ถ้าไม่เชื่อแพทย์จะให้เชื่อใครหละครับ

 
 


ก็ใช่ไงครับ ผมโต้ในประเด็นเรื่องของการคัดกรอง คุณบอกว่าเชื้อมันแพร่ไม่ถึงโรงพยาบาลชุมชน คุณยังบอกอีกว่าคุณเชื่อมั่นในทีมแพทย์

คุณจะเชื่อเพราะตัวบุคคลที่ออกสื่อจากภาครัฐก็แล้วแต่คุณครับ ก็ไม่ว่ากัน แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มันก็ชัดเจนครับ

https://www.facebook.com/Infectious1234/photos/pcb.918440701919957/918421761921851/?type=3&theater

ผมไม่ได้เถียงตรงนี้ว่ามันเคยใช้ได้ และไม่ได้บอกว่าอาจารย์เหล่านั้นผิด แต่ ณ ปัจจุบัน มันต้องเปลี่ยนแปลงวิธีแล้วครับ เพราะมันระบาดในประเทศแล้ว  


เดี๋ยวนะครับ ทีมแพทย์เฉพาะกิจที่ผมทราบเป็นระดับปรมาจารย์เก่งที่สุดในประเทศแล้วนะครับ ถ้าเขาเสนอ
นโยบายนี้แล้วมันไม่ได้ผลเขาจะเสนอหรอครับ ผมแค่สงสัย แล้วงี้คือให้ผมเชื่อใครหละครับ  


เอาเข้าจริงผมไม่ทราบครับ แต่ผมไม่เชื่อครับ

ตอนเรียนเค้าก็บอกเสมอว่าอย่าเชื่ออาจารย์ซะทุกเรื่อง ไปหา evidence vasedเอาเอง บางทีอาจารย์ก็จับเปิดพร้อมกัน

และผมก็เชื่อว่าอาจารย์เองก็รู้ครับ ความรู้ทางการแพทย์ผมว่าคงไม่มีใครขัดข้อบงแต่ที่ติดขัดคือภาครัฐครับที่ทำไม่ได้
 



ขอโทษนะครับตอนแรกผมว่าคุณมีเหตุผลนะครับ แต่พอคุณพูดแบบนี้ผมว่าคุณเลอะเทอะหละ เป็นที่ mindset
คุณล้วนๆที่มีอคติแล้วครับ

นี้รายชื่อแพทย์ในคณะครับ
1. ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร อดีตอธิการบดี ม.มหิดล และอดีต รมว.ก.สาธารณสุข
2. ศ.นพ.อุดม คชินทร อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และ อดีต รมช.ก.ศึกษาฯ
3. ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์
4. ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี อาจารย์แพทย์อายุรศาสตร์ และ นายกแพทยสมาคม
5. ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา

 
 


คุณครับ ผมจะใจเย็นและพยายามให้เหตุผลเป็น quote สุดท้ายแล้วนะ

ผมย้ำอีกที paper ที่เป็นมาตรฐานทั่วโลกอย่าง NEJM เป็นที่ยึดถือและใช้กัน เค้าบอกว่า 90% มีไข้ 10% ไม่มีไข้

แต่การ guideline การส่งตรวจของไทยเน้นไปที่

ไข้ 37.5 + อาการทางเดินหายใจ + ประวัติ contact

เพราะเค้าเชื่อว่ามันยังอยู่เฟส 2 คือยังไม่ระบาดจากคนในประเทศกันเองเกิน 4 ทอด

ประเด็นคือแนวทางเวชปฏิบัติที่ออกมาล่าสุดออกมาวันที่ 21 มีนาคม ยังใช้หลักเกณฑ์ตามเดิม แล้วผมถามว่าคนที่ไม่ได้มีประวัติ หรือคนที่ miss ไข้มันไม่ต้องตรวจใช่ไหม

ในขณะตอนผมอยู่เบลเยียมทุกคนเค้าจับส่งตรวจหมด อาจด้วยเรื่องงบประมาณของเค้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองเลย เราพูดกันในเชิง fact ล้วน ๆ เพราะประเทศเราจนกว่าและทรัพยากรน้อยกว่าจริง ซึ่งผมเข้าใจและเห็นใจรัฐชิบหาย


สิ่งที่ผมพูดผมจะสื่อว่ารัฐต้องเร็วกว่านี้แล้ว มันควรจะประกาศเฟส 3 และถ้าคิดว่างบไม่พอ คนที่มีอาการเหมือนไข้หวัดทั่วไปก็กักตัวอยู่บ้าน 14 วัน จะไม่ส่งตรวจก็ได้ เราจะได้มีชุดเทสที่พอ ไม่ใช่ยังคงทำตามเดิมต่อไปแบบนี้แล้วบอกว่าทุกคนไม่เป็นไร

ที่ผมพูดผมย้ำอีกทีนะว่าเห็นใจรัฐ ด้านบนผมบอกว่ามันอยู่ที่การบริหารจัดการ ผมไม่เคยโทษเรื่องทรัพยากรและงบประมาณ แต่รัฐมันต้องจัดการแบบวันต่อวันแล้วครับ

ถ้าคุณจะเชื่อจากชื่อ ผมก็ตามใจคุณเหมือนเดิมครับ  


ขอโทษนะครับ ช่วยกลับไปที่ต้นกระทู้ทีครับสรุปคุณต้องการถามอะไรกันแน่ครับ
มันเกี่ยวอะไรกับที่คุณพิมพ์มาครับคุณแค่ถามว่าควรฉีดหรือไม่ควรฉีดไม่ใช่หรอครับ
ผมก็แค่บอกว่านโยบายออกจากทีมคณะแพทย์ เกี่ยวอะไรกับอาการของโรคครับ งง  
 


กลับไปหน้าเก่า เรื่องฉีดไม่ฉีดผมว่าผมจบไปแล้วนะครับ

จนคุณมาโต้เถียงเรื่องทางการแพทย์ว่าโรงพยาบาลชุมชนไม่ใช่แหล่งระบาดใหญ่จะส่งตรวจทำไม  



เดี๋ยวนะครับประโยคไหนหรอครับที่ผมสื่อ ผมคุยกับคุณเรื่องฉีดไม่ฉีดนะครับ ใจเย็นๆอ่านดีๆไม่ต้องรีบ
ผมแค่บอกว่าในเมืองทำวิธีฉีดถนนก็ดีแล้วเพราะคณะแพทย์ออกมาเป็นนโยบายแสดงว่าก็ต้องได้ผลบ้าง
ส่วนรอบนอกเมืองก็ใช้วิธีอื่นๆตามเหมาะสม ผมยังไม่ได้พูดอะเรื่องอื่นเลยครับเรื่องอื่นผมจะตอบทำไม
คุณนั้นหละครับลากประเด็นโยงมั่วไปหมดจนคุณงงเองแล้วครับ  
 




คุณพูดถึงเพื่อนหมอของคุณ ผมจึงบอกว่าก็ไม่แปลกที่เพื่อนหมอของคุณจะไม่มานั่งคิดเรื่องนี้ เค้ามีเรื่องอื่นให้คิดตั้งเยอะ เพื่อนผมอยู่โรงพยาบาลชุมชนก็มีเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานหน้าด่านที่เป็นกังวลเหมือนกันเค้าเลยไม่โฟกัส แล้วก็ย้ำด้วยว่าไม่อยาก discuss เรื่องนี้ สุดท้ายคุณก็กลับมาพูดเรื่องแนวเวชปฏิบัติที่ต่างกันเฉย

ผมสรุปให้
คุณบอกว่าเวชปฏิบัติต่างพื้นที่ย่อมใช้ต่างกัน -> ผิดครับ ทุกพื้นที่มีหลักการการส่งตรวจเหมือนกัน แต่อาจต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใหญ่กว่าเพื่อตรวจ
คุณบอกว่าพื้นที่กรุงเทพระบาดมากกว่า -> ก็ไม่เถียงครับ แต่พื้นที่อื่นที่ระบาดน้อยกว่าไม่จำเป็นต้องส่งตรวจหรอครับ

พอเหอะ ผมว่าไร้สาระละ
 


55555 อะไรของคุณฟ่ะ อะเอาใหม่นะ ผมคุยกับคุณเรื่องฉีดไม่ฉีดนะครับ ใจเย็นๆอ่านดีๆไม่ต้องรีบ
ผมแค่บอกว่าในเมืองทำวิธีฉีดถนนก็ดีแล้วเพราะคณะแพทย์ออกมาเป็นนโยบายแสดงว่าก็ต้องได้ผลบ้าง
ส่วนรอบนอกเมืองก็ใช้วิธีอื่นๆตามเหมาะสม ที่ผมบอกว่าโรงพยาบาลหน้าด่านอยู่รอบนอกมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง
ทำการฉีดถนนอยู่แล้ว เพราะมันไม่ใช่แหล่งระบาด ผมยังไม่ได้พูดสักคำเลยครับเรื่องส่งไม่ส่ง ช่วยหาคำว่า
ส่ง ทีครับว่ามันอยู่ในประโยคไหนของผมครับ  
 


คุณแถอะไรวะผมงง

ก็ตอนแรกก็คุยกันอยู่เรื่องฉีดถนน -> คุณบอกผมว่าเพื่อนหมอคุณไม่เห็นมาคิดเรื่องนี้เลย -> ผมจึงบอกว่าก็ผมก็มีเพื่อนที่โรงพยาบาลชุมชนเค้า "มีเรื่องอื่น" ให้คิดมากกว่า น่าปวดหัวมากกว่า บางเรื่องก็พูดไม่ได้ -> คุณก็มาบอกว่าก็หมอโรงพยาบาลชุมชนหน้าด่าน มันคือ "เคสรอบนอก"

ผมมั่นใจว่าคุณพูดถึงเพื่อนผม ผมมั่นใจว่าคุณพูดถึงคนไข้ แล้วคุณมาแถว่าพูดแต่เรื่องฉีดถนน

อะไรของคุณวะ
แก้ไขล่าสุดโดย FokuchzRedDevil เมื่อ Tue Mar 24, 2020 02:34, ทั้งหมด 2 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 May 2011
ตอบ: 294
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 02:35
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
[b]eGinninG พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
Spoil
HunJungSun พิมพ์ว่า:
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
eGinninG พิมพ์ว่า:
บางทีก็เหนื่อยใจจริงๆคล้ายๆเคสของ CP พอไม่ทำอะไรเลยก็บ่นพอทำก็บ่น
อยากให้เข้าใจตอนนี้นะครับ อะไรที่ช่วยกันได้คนละไม้คนละมือเอาเท่าที่เราทำได้ก็ทำไปเถอะครับ
มาห่วงผลอะไรตอนนี้ ทุกวันนี้ผมซื้อข้าวแจกยามแจกแม่บ้าน มันก็ไม่ช่วยให้เหตุการณ์มันน้อยลงหรอกครับ
แต่อย่างน้อยมันก็ได้ช่วย ใครไม่อุ่นใจผมอุ่นใจครับมาพ่นหน้าบ้านผมเลยยิ่งดี ตอนนี้เรื่องการสร้างขวัญ
กำลังใจในยามที่ผู้คนวิตกกังวลเนี่ยดีที่สุดแล้วครับ
 


สรุปคือไม่มีประโยชน์ แถมยังอาจสร้างผลกระทบจากการแพร่เชื้อกระจายวงกว้าง มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาให้ข้อมูลชัดเจน คุณคิดว่าเอาไม้กวาดมากวาดพื้นมันฆ่าเชื้อโรคได้อย่างไรหรอครับ เผลอ ๆ อาจเป็นการ spread เชื้อจากขยะให้ลอยฟุ้งในอากาศ

คุณคิดว่าการที่ทหารเอามือจับ mask ด้วยมือเปล่าส่งให้ประชาชน มันได้ประโยชน์อะไรหรอครับ นอกจากอาจ spread เชื้อจากมื้อทหารไปยังประชาชน

[b]
ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่หน้าที่ ถ้าไม่มีความรู้อย่างเพียงพอ วิธีที่จะเซฟบุคลากรทางการแพทย์ เซฟทรัพยากรชาติที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ "คืออยู่นิ่ง ๆ ครับ"
 


เขาคงไม่ออกมาพ่นเฉยๆ โดยไม่รู้อะไร หรือกรมควบคุมโรคไม่แนะนำขั้นตอนต่างๆ หรอกครับ

อ้างอิงจาก:
ด้านพล.ต.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ.พล.ม.2 รอ. ได้นำกำลังพล ฉีดพ่นล้างสารพิษ บริเวณพื้นที่ แนวถนน พระรามที่ 1 จากแยกปทุมวัน - แยกราชประสงค์ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร โดย มีกำลังจาก ม.1 รอ.,ม.1 พัน.1 รอ.ร่วมกับ สำนักงานเขตปทุมวัน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปทุมวัน

ขณะที่ทหารจาก ม.พัน.4 พล.1 รอ. ได้นำรถน้ำผสมสาร BKC ฆ่าเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย บริเวณโดยรอบและสะพานลอย ของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บนสกายวอล์ค สถานีรถไฟฟ้า และใช้ รถนำ M 51 รถน้ำผสมสาร BKC ปล่อยน้ำยาลงบนถนน และทำความสะอาด รวมระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

โดยระหว่างปฏิบัติงานอยู่นั้จะมีรถกระจายเสียง ทำความเข้าใจ ให้ความรู้เริ่องน้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อไวรัส โควิด19 คือ BKC (benzalkonium chloride) หรือ Sanisol เป็นสารทำความสะอาดที่ใช้ฆ่าเชื้อต่างๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ได้เป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในสารทำความสะอาดที่ทางสิงคโปร์แนะนำว่าให้ใช้ได้ในการกำจัดโคโรนาไวรัส โดยความเข้มข้นที่แนะนำคือ 0.05% ซึ่งเป็นระดับความเข้มข้นน้อยสุดที่กำจัดไวรัสได้ และยังคงปลอดภัยต่อการใช้งาน การระเหยออกจากพื้นที่ ใช้เวลาไม่เกินครึ่ง ชม. (ฉีดพ่นเป็นละอองฝอย)

สาเหตุที่เลือกใช้สาร BKC เพราะสามารถออกฤทธิ์ได้ที่ความเข้มข้นต่ำ ซึ่งสามารถผสมน้ำได้ในปริมาณมาก เหมาะกับการสนับสนุนภารกิจการชำระล้างพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ไม่เหมาะกับการนำมาใช้ชำระล้างร่างกาย ซึ่งในส่วนของการชำระล้างร่างกาย แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์ 70%

ทั้งนี้ สารอื่นๆ ที่สามารถใช้ในการฆ่าเชื้อโคโรนาไวรัสได้ตามแนวทางของสิงคโปร์ และความเข้มข้นที่ต้องเตรียมเพื่อให้ฆ่าเชื้อได้ เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (NaOCl) ซึ่งเป็นส่วนผสมในไฮเตอร์สำหรับผ้าขาว 0.05-0.5% Chloroxylenol ซึ่งเป็นส่วนผสมในเดทตอล 0.12%

 




เป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกท่านครับ ไม่ว่าจะเจอเสียงบ่นเสียงด่า ก็ยังก้มหน้าก้มตา ปฏิบัติงานเป็นแนวหน้าเพื่อคนไทยต่อไป #สู้ต่อไปครับ

Credit : https://www.thaipost.net/main/detail/60233  
 


ที่พูดไม่ได้จะด่าแต่ผมกลับเป็นห่วงถึงสถานการณ์ทีเกิดขึ้นครับ

คุณคิดว่าทหารมีความรู้มากแค่ไหนในการออกปฏิบัติการแต่ละครั้ง

การเอามือจับ mask ด้วยมือเปล่าแพ็คให้กับประชาชน หรือแม้แต่คนที่ควรรู้มากที่สุดอย่างท่านนายกแถลงข่าว 4 นาที เอามือจับ mask ลงเท่าที่ผมนับทั้งหมดคือ 20 ครั้ง

ผมว่าอันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์อยู่แล้วครับ โดยเฉพาะคนที่ไม่ชินกับ mask ยิ่งใส่ก็ยิ่งรำคาญ

ผมทำงานเป็นบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล ยังเผลอเอามือจับหน้า จับตาออกจะบ่อยหลังสัมผัสคนไข้ คุณคิดว่าบุคคลทั่วไปทำความสะอาดที่ต้องลงไปเสี่ยง จะไม่เอามือมาจับหรอครับ

หมอยังติดเชื้อเลยครับ ขนาดป้องกันอย่างดี ถ้าทหารกลับไปติดกันในกรมกองเองนี่ ไม่อยากจะคิดครับ  


ผมมีทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องที่ปัจจุบันเป็นแพทย์ใหญ่ตามรพ.ใหญ่ๆ ไม่เห็นมีใครออกมาบ่นเลยครับว่าเคสการฉีดถนนมันมีปัญหาทำให้เชื้อยิ่งกระจาย มีแต่บอกว่าช่วยอะไรได้ให้ช่วยกัน ถ้าคุณเป็นบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลจริง คุณไม่ควรมีความคิดแบบนี้เลยนะครับ ผมสงสารเพื่อนๆผมมาก วันๆนอนไม่ถึง 3 ชมอะไรที่ลดภาระได้ก็ต้องช่วยๆกันครับ จะแค่เล็กน้อยก็ตาม  


มันมีเรื่องหน้าบ่นกว่านี้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ จนเค้ามองข้ามประเด็นนี้ ซึ่งประเด็นซอยย่อยที่ต้องพูดก็มีอีกเยอะแยะ หมอโรงพยาบาลชุมชนหน้าด่านโทรมาคุยกับผมโน่นนี่นั่น ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็พูดไม่ได้เดี๋ยวหาว่าเฟคนิวอีก เรื่องแบบนี้มันก็เป็นประเด็นที่สำคัญกว่า และโครตสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่าประเด็นนี้จะไม่สำคัญ และถ้ารณรงค์ที่จะทำให้ถูก ย่อมดีกว่า  


ผมก็ยิ่งงงอยู่ดีครับ หมอโรงพยาบาลชุมชนหน้าด่าน มันคือเคสรอบนอกที่ไม่ใช่แหล่งระบาดใหญ่สุดในตอนนี้นะครับ วิธีปฎิบัติต่างกันมันก็ถูกแล้วไงครับ เมื่อกี้ผมพึ่งถามโทรเพื่อผมที่เป็นหมออยู่รพ.รามา ด้วยความสงสัย
เรื่องนี้เขาก็บอกว่า ศูนย์บริหารโควิด-19 ที่ปัจจุบันรวบนายแพทย์มากมายก็เป็นคนเสนอเห็นชอบนโยบายนี้เองครับ ถ้าคุณบอกแบบนี้แสดงว่าคุณหมอทั้งคณะผิดหรอครับ

 

 

ผมเถียง Topic เรื่องปัจจุบันครับ เรื่องนี้ผมไม่เถียง เพราะข้อมูลที่ผมได้รับก็มาจากปากเปล่าหมอหน้าด่าน อย่างที่ว่าไม่มี evidence เปิดเผยแน่ช้ัดผมจะไม่พูด

เรื่องแนวทางการบริหารโควิด คุณรู้มากแค่ไหนหรอครับ ปัจจุบันเอา

ไข้ 37.5+ กับอาการติดเชื้อทางทางเดินหายใจ + กับประวัติการ contact กลุ่มเสี่ยงมาใช้

แต่ผู้ติดเชื้อ 10% ไม่มีไข้นะครับ

https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2002032?query=recirc_curatedRelated_article&fbclid=IwAR00oiNGw3RJZTRRgOceiUAP7bqBtBoGHG_Ttos_1gzEQnoSskBxgIs2wcg

แล้วตอนนี้ติดเชื้อเป็นพัน กลุ่มเสี่ยงคือใครหรอครับ แต่แนวทางด้านบนยังเหมือนเดิมนะครับ บอกว่ามันติดส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่โรงพยาบาลชุมชน แต่ตอนนี้มัน spread ทั้งประเทศละครับ



ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อภาครัฐครับ
 


เอ้าผมจะรู้ได้ไงครับผมไม่ใช่หมอ ผมก็เน้นย้ำไงครับมันมาจาก คณะศูนย์บริหารโควิด-19 แต่เป็นทีมแพทย์นะครับ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลเลย ผมเชื่อทีมแพทย์ที่ออกสื่อมากกว่ารัฐบาลครับตอนนี้ ถ้าไม่เชื่อแพทย์จะให้เชื่อใครหละครับ

 
 


ก็ใช่ไงครับ ผมโต้ในประเด็นเรื่องของการคัดกรอง คุณบอกว่าเชื้อมันแพร่ไม่ถึงโรงพยาบาลชุมชน คุณยังบอกอีกว่าคุณเชื่อมั่นในทีมแพทย์

คุณจะเชื่อเพราะตัวบุคคลที่ออกสื่อจากภาครัฐก็แล้วแต่คุณครับ ก็ไม่ว่ากัน แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มันก็ชัดเจนครับ

https://www.facebook.com/Infectious1234/photos/pcb.918440701919957/918421761921851/?type=3&theater

ผมไม่ได้เถียงตรงนี้ว่ามันเคยใช้ได้ และไม่ได้บอกว่าอาจารย์เหล่านั้นผิด แต่ ณ ปัจจุบัน มันต้องเปลี่ยนแปลงวิธีแล้วครับ เพราะมันระบาดในประเทศแล้ว  


เดี๋ยวนะครับ ทีมแพทย์เฉพาะกิจที่ผมทราบเป็นระดับปรมาจารย์เก่งที่สุดในประเทศแล้วนะครับ ถ้าเขาเสนอ
นโยบายนี้แล้วมันไม่ได้ผลเขาจะเสนอหรอครับ ผมแค่สงสัย แล้วงี้คือให้ผมเชื่อใครหละครับ  


เอาเข้าจริงผมไม่ทราบครับ แต่ผมไม่เชื่อครับ

ตอนเรียนเค้าก็บอกเสมอว่าอย่าเชื่ออาจารย์ซะทุกเรื่อง ไปหา evidence vasedเอาเอง บางทีอาจารย์ก็จับเปิดพร้อมกัน

และผมก็เชื่อว่าอาจารย์เองก็รู้ครับ ความรู้ทางการแพทย์ผมว่าคงไม่มีใครขัดข้อบงแต่ที่ติดขัดคือภาครัฐครับที่ทำไม่ได้
 



ขอโทษนะครับตอนแรกผมว่าคุณมีเหตุผลนะครับ แต่พอคุณพูดแบบนี้ผมว่าคุณเลอะเทอะหละ เป็นที่ mindset
คุณล้วนๆที่มีอคติแล้วครับ

นี้รายชื่อแพทย์ในคณะครับ
1. ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร อดีตอธิการบดี ม.มหิดล และอดีต รมว.ก.สาธารณสุข
2. ศ.นพ.อุดม คชินทร อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และ อดีต รมช.ก.ศึกษาฯ
3. ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์
4. ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี อาจารย์แพทย์อายุรศาสตร์ และ นายกแพทยสมาคม
5. ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา

 
 


คุณครับ ผมจะใจเย็นและพยายามให้เหตุผลเป็น quote สุดท้ายแล้วนะ

ผมย้ำอีกที paper ที่เป็นมาตรฐานทั่วโลกอย่าง NEJM เป็นที่ยึดถือและใช้กัน เค้าบอกว่า 90% มีไข้ 10% ไม่มีไข้

แต่การ guideline การส่งตรวจของไทยเน้นไปที่

ไข้ 37.5 + อาการทางเดินหายใจ + ประวัติ contact

เพราะเค้าเชื่อว่ามันยังอยู่เฟส 2 คือยังไม่ระบาดจากคนในประเทศกันเองเกิน 4 ทอด

ประเด็นคือแนวทางเวชปฏิบัติที่ออกมาล่าสุดออกมาวันที่ 21 มีนาคม ยังใช้หลักเกณฑ์ตามเดิม แล้วผมถามว่าคนที่ไม่ได้มีประวัติ หรือคนที่ miss ไข้มันไม่ต้องตรวจใช่ไหม

ในขณะตอนผมอยู่เบลเยียมทุกคนเค้าจับส่งตรวจหมด อาจด้วยเรื่องงบประมาณของเค้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองเลย เราพูดกันในเชิง fact ล้วน ๆ เพราะประเทศเราจนกว่าและทรัพยากรน้อยกว่าจริง ซึ่งผมเข้าใจและเห็นใจรัฐชิบหาย


สิ่งที่ผมพูดผมจะสื่อว่ารัฐต้องเร็วกว่านี้แล้ว มันควรจะประกาศเฟส 3 และถ้าคิดว่างบไม่พอ คนที่มีอาการเหมือนไข้หวัดทั่วไปก็กักตัวอยู่บ้าน 14 วัน จะไม่ส่งตรวจก็ได้ เราจะได้มีชุดเทสที่พอ ไม่ใช่ยังคงทำตามเดิมต่อไปแบบนี้แล้วบอกว่าทุกคนไม่เป็นไร

ที่ผมพูดผมย้ำอีกทีนะว่าเห็นใจรัฐ ด้านบนผมบอกว่ามันอยู่ที่การบริหารจัดการ ผมไม่เคยโทษเรื่องทรัพยากรและงบประมาณ แต่รัฐมันต้องจัดการแบบวันต่อวันแล้วครับ

ถ้าคุณจะเชื่อจากชื่อ ผมก็ตามใจคุณเหมือนเดิมครับ  


ขอโทษนะครับ ช่วยกลับไปที่ต้นกระทู้ทีครับสรุปคุณต้องการถามอะไรกันแน่ครับ
มันเกี่ยวอะไรกับที่คุณพิมพ์มาครับคุณแค่ถามว่าควรฉีดหรือไม่ควรฉีดไม่ใช่หรอครับ
ผมก็แค่บอกว่านโยบายออกจากทีมคณะแพทย์ เกี่ยวอะไรกับอาการของโรคครับ งง  
 


กลับไปหน้าเก่า เรื่องฉีดไม่ฉีดผมว่าผมจบไปแล้วนะครับ

จนคุณมาโต้เถียงเรื่องทางการแพทย์ว่าโรงพยาบาลชุมชนไม่ใช่แหล่งระบาดใหญ่จะส่งตรวจทำไม  



เดี๋ยวนะครับประโยคไหนหรอครับที่ผมสื่อ ผมคุยกับคุณเรื่องฉีดไม่ฉีดนะครับ ใจเย็นๆอ่านดีๆไม่ต้องรีบ
ผมแค่บอกว่าในเมืองทำวิธีฉีดถนนก็ดีแล้วเพราะคณะแพทย์ออกมาเป็นนโยบายแสดงว่าก็ต้องได้ผลบ้าง
ส่วนรอบนอกเมืองก็ใช้วิธีอื่นๆตามเหมาะสม ผมยังไม่ได้พูดอะเรื่องอื่นเลยครับเรื่องอื่นผมจะตอบทำไม
คุณนั้นหละครับลากประเด็นโยงมั่วไปหมดจนคุณงงเองแล้วครับ  
 




คุณพูดถึงเพื่อนหมอของคุณ ผมจึงบอกว่าก็ไม่แปลกที่เพื่อนหมอของคุณจะไม่มานั่งคิดเรื่องนี้ เค้ามีเรื่องอื่นให้คิดตั้งเยอะ เพื่อนผมอยู่โรงพยาบาลชุมชนก็มีเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานหน้าด่านที่เป็นกังวลเหมือนกันเค้าเลยไม่โฟกัส แล้วก็ย้ำด้วยว่าไม่อยาก discuss เรื่องนี้ สุดท้ายคุณก็กลับมาพูดเรื่องแนวเวชปฏิบัติที่ต่างกันเฉย

ผมสรุปให้
คุณบอกว่าเวชปฏิบัติต่างพื้นที่ย่อมใช้ต่างกัน -> ผิดครับ ทุกพื้นที่มีหลักการการส่งตรวจเหมือนกัน แต่อาจต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใหญ่กว่าเพื่อตรวจ
คุณบอกว่าพื้นที่กรุงเทพระบาดมากกว่า -> ก็ไม่เถียงครับ แต่พื้นที่อื่นที่ระบาดน้อยกว่าไม่จำเป็นต้องส่งตรวจหรอครับ

พอเหอะ ผมว่าไร้สาระละ
 


55555 อะไรของคุณฟ่ะ อะเอาใหม่นะ ผมคุยกับคุณเรื่องฉีดไม่ฉีดนะครับ ใจเย็นๆอ่านดีๆไม่ต้องรีบ
ผมแค่บอกว่าในเมืองทำวิธีฉีดถนนก็ดีแล้วเพราะคณะแพทย์ออกมาเป็นนโยบายแสดงว่าก็ต้องได้ผลบ้าง
ส่วนรอบนอกเมืองก็ใช้วิธีอื่นๆตามเหมาะสม ที่ผมบอกว่าโรงพยาบาลหน้าด่านอยู่รอบนอกมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง
ทำการฉีดถนนอยู่แล้ว เพราะมันไม่ใช่แหล่งระบาด ผมยังไม่ได้พูดสักคำเลยครับเรื่องส่งไม่ส่ง ช่วยหาคำว่า
ส่ง ทีครับว่ามันอยู่ในประโยคไหนของผมครับ  
 


คุณแถอะไรวะผมงง

ก็ตอนแรกก็คุยกันอยู่เรื่องฉีดถนน -> คุณบอกผมว่าเพื่อนหมอคุณไม่เห็นมาคิดเรื่องนี้เลย -> ผมจึงบอกว่าก็ผมก็มีเพื่อนที่โรงพยาบาลชุมชนเค้า "มีเรื่องอื่น" ให้คิดมากกว่า น่าปวดหัวมากกว่า บางเรื่องก็พูดไม่ได้ -> คุณก็มาบอกว่าก็หมอโรงพยาบาลชุมชนหน้าด่าน มันคือ "เคสรอบนอก" รอบนอก

ผมมั่นใจว่าคุณพูดถึงเพื่อนผม ผมมั่นใจว่าคุณพูดถึงคนไข้

สรุปคุณหรือผมพูดไม่รู้เรื่องวะ
 


โอเคตรูยอม 555 ตรูจะคุยเรื่องฉีดไม่ฉีดไม่เกี่ยวเรื่องอื่นเว้ย
ผมไม่คุยเรื่องอื่นโว้ยยยยยย 5555555555 กระทู้นี้คือฉีดไม่ฉีด เออผมคงพิมพ์จนคุณเข้าใจผิดผมขอโทษหละกัน ลากจนไปไหนไม่รู้หละ รอบนอกที่ผมพิมพ์มันก็เรื่องฉีดไม่ฉีดถนนไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นเลย แค่บอกว่าเออมันรอบนอกมันฉีดแบบในกรุงเทพไม่ได้วิธีปฎิบัติไม่เหมือนกัน
แก้ไขล่าสุดโดย [B]eGinninG เมื่อ Tue Mar 24, 2020 02:39, ทั้งหมด 5 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: Promoter & Reporter
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 40463
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 02:38
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
อ่านจนจบ ตกลง เถียงเรื่องเดียวกันมั้ยวะ ครับเนี้ย
6
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Aug 2009
ตอบ: 7543
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 02:40
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
ปมต. พิมพ์ว่า:
อ่านจนจบ ตกลง เถียงเรื่องเดียวกันมั้ยวะ ครับเนี้ย  


คิดถึงพี่มาก ยังรอดมี user อยู่อีกหรอ นี่กระทู้น้องน่าจะในรอบปีเลยนะ หลังจากหายหัวยุ่งไปนาน TT
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: We're All Made Here
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 42000
ที่อยู่: อย่ารู้เลย..
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 02:40
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
Pemberton พิมพ์ว่า:
คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก หมอเอาความรู้เชิงเทคนิคมาคุยกับคนไม่ใช่หมอ ไม่มีใครแย้งได้อยู่แล้วคนละสายอาชีพ อ่านมาหลายหน้าก็เห็นวนๆอยู่แค่ต่างประเทศก็ทำ หมอแนะนำมาต้องเชื่อได้สิวนๆอยู่แค่นี้ ยิ่งมีคนสมองขึ้นราคอยแซะคอยเสริมอีก

ผมไม่รู้นะว่า จขกท ถูกหรือผิด และคิดว่ากระทู้นี้ก็ไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีใครเป็นหมอ ไม่มีใครถกด้วยได้ จบแค่นั้นแหละ  

ไม่เห็นต้องหมอเลยครับ ผมก็ไม่ใช่หมอเพียงแต่อ่านหนังสือพอได้..เขาพูดอ้างอิงงานวิจัยก็ตามไปอ่านดูแค่นั้นเองแล้วเอามาคุยกันประเด็นหลักตอนต้น คือเหมาะสมหรือไม่ ได้ประโยชน์หรือเปล่าที่ให้คนออกมาทำคลีนกันแบบนี้..
ที่เจ้าของมู้ยกมาก็มีเหตุผลและเข้าใจได้ เรื่องการฟุ้งระยะเวลาการติดต่ออะไรผมก็เห็นด้วย..เพราะอ่านมาก่อนเหมือนกัน
แต่วันนี้พอตามไปอ่านมาตรการมานิดหน่อย เข่น การรับมือของต่างประเทศ เขาก็ทำกันและได้ผล เพียงแต่ต้องจำกัดพื้นที่กันหน่อยเท่านั้นเพื่อลดการเสี่ยงในทุกๆ ด้าน...
สุดท้าย โดยส่วนตัวผมให้ค่ากับกลุ่มที่ปรึกษา เพราะคิดว่าผ่านการถกกันมีแล้วแค่นั้นแหละครับ
ไม่เห็นต้องตีกันเลยพูดอิงงานวิจัย ก็ไปเอางานวิจัยมาคุย พูดถึงเรื่อง แมวก็คุยเรื่องแมวผมว่าก็รู้เรื่องนะ
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออนไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: We're All Made Here
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 42000
ที่อยู่: อย่ารู้เลย..
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 02:41
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
ปมต. พิมพ์ว่า:
อ่านจนจบ ตกลง เถียงเรื่องเดียวกันมั้ยวะ ครับเนี้ย  

555
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: Promoter & Reporter
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Mar 2009
ตอบ: 40463
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 02:41
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
FokuchzRedDevil พิมพ์ว่า:
ปมต. พิมพ์ว่า:
อ่านจนจบ ตกลง เถียงเรื่องเดียวกันมั้ยวะ ครับเนี้ย  


คิดถึงพี่มาก ยังรอดมี user อยู่อีกหรอ นี่กระทู้น้องน่าจะในรอบปีเลยนะ หลังจากหายหัวยุ่งไปนาน TT
 


เอ็งกำลังโดนรุมนะ เถียงให้เข้าประเด็นหน่อย 55555 ตั้งปุ๊บเละปั้บ

ปล.สบายดี ไม่เคยโดนอะไร
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Dec 2009
ตอบ: 3108
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 02:46
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
ต้องทำไงถึงจะพอใจกัน​
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 9058
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 02:59
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
popoing พิมพ์ว่า:
Pemberton พิมพ์ว่า:
คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก หมอเอาความรู้เชิงเทคนิคมาคุยกับคนไม่ใช่หมอ ไม่มีใครแย้งได้อยู่แล้วคนละสายอาชีพ อ่านมาหลายหน้าก็เห็นวนๆอยู่แค่ต่างประเทศก็ทำ หมอแนะนำมาต้องเชื่อได้สิวนๆอยู่แค่นี้ ยิ่งมีคนสมองขึ้นราคอยแซะคอยเสริมอีก

ผมไม่รู้นะว่า จขกท ถูกหรือผิด และคิดว่ากระทู้นี้ก็ไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีใครเป็นหมอ ไม่มีใครถกด้วยได้ จบแค่นั้นแหละ  

ไม่เห็นต้องหมอเลยครับ ผมก็ไม่ใช่หมอเพียงแต่อ่านหนังสือพอได้..เขาพูดอ้างอิงงานวิจัยก็ตามไปอ่านดูแค่นั้นเองแล้วเอามาคุยกันประเด็นหลักตอนต้น คือเหมาะสมหรือไม่ ได้ประโยชน์หรือเปล่าที่ให้คนออกมาทำคลีนกันแบบนี้..
ที่เจ้าของมู้ยกมาก็มีเหตุผลและเข้าใจได้ เรื่องการฟุ้งระยะเวลาการติดต่ออะไรผมก็เห็นด้วย..เพราะอ่านมาก่อนเหมือนกัน
แต่วันนี้พอตามไปอ่านมาตรการมานิดหน่อย เข่น การรับมือของต่างประเทศ เขาก็ทำกันและได้ผล เพียงแต่ต้องจำกัดพื้นที่กันหน่อยเท่านั้นเพื่อลดการเสี่ยงในทุกๆ ด้าน...
สุดท้าย โดยส่วนตัวผมให้ค่ากับกลุ่มที่ปรึกษา เพราะคิดว่าผ่านการถกกันมีแล้วแค่นั้นแหละครับ
ไม่เห็นต้องตีกันเลยพูดอิงงานวิจัย ก็ไปเอางานวิจัยมาคุย พูดถึงเรื่อง แมวก็คุยเรื่องแมวผมว่าก็รู้เรื่องนะ  

เอา paper มาคุยกันไม่ใช่แค่เคยอ่านมานะครับ ต้องอ่านแล้วเข้าใจโต้แย้งได้ด้วยถึงจะถกกันรู้เรื่อง ไม่งั้นก็เอา paper ทุ่มใส่กันไปมาอยู่แบบนั้น วิจารณ์เนื้อหาข้างในไม่รู้เรื่อง

เอาแค่ประเด็นเดียวที่ จขกท ยกมาเช่น การเอาทหารมาฉีดแบบนี้ได้คุ้มเสียไหม จะชั่งน้ำหนักผลลัพท์ยังไงครับถ้าไม่มีความรู้เชิงเทคนิคเป็นตัวตั้ง การระบาด ความเสี่ยง ผลที่ได้ เอาความเห็นมาใส่กันคุยไม่รู้เรื่องหรอก

อย่างการฟุ้งการระบาดที่ท่านว่าเคยอ่านมา ตอนอ่านก็เข้าใจอยู่แล้ว ถ้าเอามาถกกันก็ต้องเปรียบเทียบสภาพอากาศ สภาพแวดล้อม ปัจจัยนู่นนี่อีก จะคุยกันรู้เรื่องไหมถ้าคนนึงมีความรู้เหล่านี้อีกคนไม่มี ก็ได้แต่รับฟังอย่างเดียว หรืออย่างเรื่องแมวใครๆก็ฟังเข้าใจอยู่แล้ว แต่ถ้าจะถกถูกผิดกันก็อีกเรื่อง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Apr 2014
ตอบ: 29984
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 03:09
[RE]ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย
เอาน้ำยามาพ่นมันได้ผลอยู่แล้วแหละ

แต่ในกรณีนี้มันได้คุ้มเสียมั้ย อันนี้ไม่รู้ เพราะในกระทู้ไม่มีใครให้ข้อมูลเลยว่าทหารป้องกันยังไง มีการอบรมมั้ย

ทางทฤษฎีมันจบไปแล้วไม่มีอะไรต้องเถียงกัน แต่ทางปฏิบัติคือความเห็นแต่ละคนล้วนๆ ซึ่งเถียงกันไม่น่าจบได้

ถ้าเอาความเห็นผม และภาพการทำงานของทหารที่ผ่านมา

จะออกไปทางส่งทหารมารับเชื้อแล้วไปแพร่ที่กรมต่อซะมากกว่า

นอกเรื่อง เห็นบางคอมเมนท์ในเฟสชอบพูดว่าช่วยนิดๆ หน่อยๆ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

เช่นมีคนนึงออกมาพ่นน้ำยาอะไรไม่รู้ให้ประชาชนฟรีๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่าได้ผลมั้ย มีอันตรายยังไง คนก็แห่ยกย่องและไปด่าคนที่ท้วง

ความคิดแบบนี้คือผิดอย่างมาก การจะทำอะไรต้องวิเคราะห์ก่อนว่ามันได้คุ้มเสียมั้ย ถ้าเสียมากกว่า สิ่งที่ควรทำคืออยู่เฉยๆ

ไม่เกี่ยวกับกรณีนี้นะ แค่อยากบ่น mindset ของคนไทยหลายคน

โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Oct 2010
ตอบ: 29310
ที่อยู่: D:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 03:11
ถูกแบนแล้ว
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
คนโง่แล้วขยัน เค้าว่ากันว่าให้ฆ่าทิ้งคนแรกนะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2492
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 03:33
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
เห็นด้วยว่าไม่ค่อยมีประโยชน์ ยกเว้นคุณทำความสะอาดจุดเดิมทุก 30 นาทีก็"อาจจะ"พอช่วยได้บ้าง เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องทำก็ได้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แขวนสตั๊ด
Status: ಥ_ಥ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 8823
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 03:55
ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย
พูดไปพูดมาไส้แตกซะเอง
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
CGM48
••••••••••••••••••••••••••



ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 457
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 04:12
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
popoing พิมพ์ว่า:
Gin ta ma พิมพ์ว่า:
แปลกนะในนี้มีแต่คนบอกว่ามีสนิทกับหมอนู่นนี้นั่น ทำไมไม่ให้หมอตัวจริงๆมาบอกเลยละ แล้วอีกอย่างถ้าทหารมาฉีดล้างยังไงก็เรื่องของเค้า ยังไงเราก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วจะมาเบ่งใส่กันทำไม ว่าผมรู้มากกว่า ส่วนคุณไม่รู้อะไรเลย เพียงแต่ไม่ออกไปที่มันเสี่ยงๆ ใส่ผ้าปิดปาก รึนอนอยู่บ้านทำตัวนิ่งๆ ต่อให้ทหารไปฉีดแค่ไหน มันก็ไม่มีใครติดเชื้อหรอก แค่นี้ประเทศก็ไม่สามัคคี เกินพอแล้ว  

เพื่อนผมสนิทกับหมอเหมือนกันเห็นว่าหลายคนบ่นกันโอดเลยเพราะร้านโดนปิด  


น่าจะหมอตามโรงพยาบาลใหญ่แหละ เปิดคลีนิคยังโดนปิดน่าสงสารจริง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 02 May 2007
ตอบ: 7600
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 24, 2020 04:28
[RE: ทำไมต้องเอาทหารออกมาพ่นน้ำยาด้วย]
ไม่อยากเห้นทหารทำก็แค่นั้น 5555
แก้ไขล่าสุดโดย แกล้งบ้า เมื่อ Tue Mar 24, 2020 04:52, ทั้งหมด 2 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ยํ เว เสวติ ตาทิโส คบคนเช่นใดมักเป็นคนเช่นนั้น
ไปหน้าที่ 1, 2, 3 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel