BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1163
ที่อยู่: Hat yai สภาทนายความภาค9
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:20
ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง
พอดีหลังๆมาติดตามซีรี่ย์ชุดนี้แล้วใจ เลยอยากทราบว่าtop3ของแต่ละท่านยกให้ใครกันบ้างครับ
ย้ำนะว่าแค่จักรวาลมังกรหยกนะ ส่วนตัวผมยกให้ตามนี้นะ
1.จิวแป๊ะทง 2.กิมลุ้น 3.เอี๊ยก้วย ผมคิดว่าสามคนนี้สู้กันผลแพ้ชนะวัดกกันยากมาก ซึ่งพวกนี้ส่วนตัวผมคิดว่าเหนือกว่ายอดฝีมือคนอื่นอยู่1ถึง3ขั้นอะ แต่ใช่ว่าจะไม่แพ้นะบางทีขึ้นกับสถานการณ์ด้วย
ส่วนคนอื่นๆผมว่าระดับเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็น อึ้งเอี๊ยะซือมารบูรพา อั้งฉิกกงยาจกอุดร
อิดเต็งไต้ซือราชันย์ทักษิณ อาวเอี๊ยงฮงพิษประจิม ก๊วบเจ๋ง พวกนี้ปะทะกันยากจะรู้ผล
ส่วนจากภาคดาบมังกรหยกผมว่ามีแค่ เตียบ่อกี้กับเตียซำฮง เท่านั้นที่วัดกับรุ่นก่อนได้
แต่ที่เสียดายสุดคงเป็น เฮ้งเตงเอี้ยงเทพมัชฌิม กลางอิทธิฤทธิ์ ถ้าพี่แกไม่ด่วนจากไปเร็วคงยากที่จะมีคู่ต่อกร
แต่ถ้าตัดในส่วนของคัมภีร์เก้าอิมไป ผมให้อั้งฉิกกงอันดับสูงกว่านี้ อีกคนก็บ่อกี้เพราะมีทั้งเก้าเอี๊ยงเคลื่อนย้ายจักรวาล แล้วแต่ละท่านมีความเห็นอย่างไรโปรดชี้แนะด้วย


ส่วนตัวละครที่ชอบสุดสำหรับผมที่ทำให้ผมม่าดูเรื่องนี้เลยคือ ทูตซ้ายเอี้ยเซียวคนอะไรโครตเท่ แรกๆนึกว่าพระเอกด้วยซ้ำ
แก้ไขล่าสุดโดย เป็นความลับ เมื่อ Fri Mar 06, 2020 21:23, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 22308
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:29
Top Comment [RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
นอกเรื่อง สุดยอดของผม คือตงฟางปุ้ป้าย บูรพาไม่แพ้ บรรลุสุดยอดวิชาทานตะวัน จากกระบี่เย้ยยุทธจักร

ขอคัดลอกข้อความท่านมดคันไฟและท่านฟูจิวาระ

ตรรกะเรื่อง "วรยุทธ์ย่อมเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา" เป็นหลักกว้าง ๆ ทั่วไปแต่ไม่ได้หมายถึงในทุกกรณี โดยเฉพาะในกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งกิมย้งมีลีลาการเล่าเรื่องที่แตกต่างออกไปจากนิยายเรื่องอื่น

หากอ่านนิยายกิมย้งมาตั้งแต่เรื่องแรกจะเห็นว่าในจุดเริ่มต้นของการเขียนนิยายกิมย้งจะเล่าเรื่องโดยอิงกับแนวคิด พุทธ/ขงจื้อ เป็นหลักซึ่งส่งผลต่อการบรรยายความเก่งกาจของตัวละครที่ต้องมาจากการระยะเวลาการฝึกปรือสะสมประสบการณ์กำลังภายในต่าง ๆ นานา

ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้จะเห็นได้ชัดจนที่สุดในเรื่องมังกรหยกภาคหนึ่งซึ่งเป็นนิยายเรื่องที่สามของกิมย้ง แต่เมื่อกิมย้งเขียนนิยายไปเรื่อย ๆ ก็ค่อย ๆ แฝงกลิ่นอายแนวคิดของพุทธและเต๋าเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งเป็นนิยายเรื่องรองสุดท้ายของเขา (เรื่องสุดท้ายคืออุ้ยเสี่ยวป้อซึ่งไม่เน้นการบรรยายวิทยายุทธ์แล้ว) กิมย้งได้เขียนโดยอิงกับแนวคิด เต๋า/เซน เข้ามาแทนที่อย่างเต็มตัวซึ่งส่งผลต่อแนวทางการบรรยายและอธิบายวิทยายุทธ์ในเรื่องด้วย สอดคล้องไปกับการให้กระบี่เป็นแนวทางต่อสู้หลักของเหล่าตัวละครในเรื่อง

วิชาเก้ากระบี่เดียวดายไม่เน้นระยะเวลาการฝึกปรือแต่เน้นความเข้าใจแบบรู้แจ้ง เหล็งฮู้ชงความจริงมีระดับฝีมือแค่กลาง ๆ C ถึง C+ แต่เพียงแค่เข้าใจหลักการของเก้ากระบี่เดียวดายก็สามารถล้มฉั้งแป๊ะกวงที่มีฝีมือสูงกว่าตัวเองได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนและเอาชนะยอดฝีมือคนอื่น ๆ ในยุทธจักรที่มีประสบการณ์และพลังการฝึกปรือสูงกว่าตัวเองมากมายได้ นี่ถือเป็นการย้อนทวนการอธิบายวิทยายุทธ์แบบ พุทธ/ขงจื้อ ในแบบที่ผ่านมาของกิมย้งอย่างมีนัยสำคัญ

เช่นเดียวกับคัมภีร์ทานตะวันและเพลงกระบี่ปราบมารที่อาศัยเพียงแค่ความรวดเร็วในการสยบคู่ต่อสู้โดยไม่ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ลิ้มเพ้งจือเมื่อได้ฝึกเพลงกระบี่ปราบมารก็สามารถเอาชนะทั้งอื้อชังไห่และเฒ่าค่อมนอกกำแพงได้อย่างง่ายดายทั้ง ๆ ที่ระดับฝีมือที่แท้จริงของลิ้มเพ้งจือห่างจากสองคนนี้ราวฟ้ากับดิน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการย้อนทวนวิทยายุทธ์แบบ พุทธ/ขงจื้อ ที่ผ่านมาของกิมย้งเช่นกัน

(หากเป็นในนิยายเรื่องก่อนหน้านี้ที่อาศัยวิทยายุทธ์และพลังการฝึกปรือที่แท้จริงเข้าตัดสิน ทั้งเหล็งฮู้ชงและลิ้มเพ้งจือคงโดนตบเกรียนไปนานแล้ว)

จึงไม่น่าแปลกใจที่ในนิยายจะกำหนดให้ผู้ที่เอาชนะเพลงกระบี่ปราบมารของงักปุกคุ้งได้เป็นเหล็งฮู้ชงที่ใช้เก้ากระบี่เดียวดาย เพราะวิทยายุทธ์ทั้งสองชุดถูกสร้างขึ้นมาด้วยแนวคิด เต๋า/เซน ที่ย้อนทวนแนวทางวิทยายุทธ์ทั้งหมดในจักรวาลนิยายของกิมย้ง จึงมีเพียงเพลงกระบี่ทั้งสองนี้เท่านั้นที่สามารถสะกดข่มกันเองได้

กลับมาสู่คำถามของ จขกท "ตงฟางปุ๊ป้ายเก่งมากแค่ไหน" คำตอบของผมคือตงฟางปุ๊ป้าย (รวมถึงคัมภีร์ทานตะวัน เพลงกระบี่ปราบมาร และเก้ากระบี่เดียวดาย) อยู่เหนือกว่าตรรกะวรยุทธ์ย่อมเสื่อมถอยไปตามกาลเวลาครับ


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

"คัมภีร์ทานตะวัน" วิชาที่ชาวยุทธ์ร่ำลือกันว่าเป็นยอดเหนือวิทยายุทธ์อื่นใดอีกอัน และต่างแย่งชิงกันครอบครองเพื่อความเป็นใหญ่
คัมภีร์ทานตะวันเล่มนี้ แต่งโดยขันทีในวังหลวงเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อน และสามร้อยกว่าปีมานี้ไม่มีผู้ใดสามารถฝึกวิชาฝีมือในคัมภีร์สำเร็จ แล้วคัมภีร์ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งเมื่อร้อยกว่าปีก่อน คัมภีร์เล่มนี้ปรากฏว่าตกเป็นของวัดเส้าหลินในมณฑลฟุโจว เจ้าอาวาสวัดตอนนั้นคือ อั้งเฮียะไต้ซือ
ครั้งหนึ่งเมื่อร้อยกว่าปีก่อนมีศิษย์หัวซานสองคนคือ งักเซียว และ ฉั่วจื้อฮง ไปเป็นแขกที่วัดเส้าหลิน ไม่ทราบมีโอกาสอย่างไรได้ขโมยดูคัมภีร์ทานตะวัน
ทั้งสองแบ่งกันท่องคนละครึ่ง เมื่อกลับเข้าสำนักหัวซาน ทั้งสองพอท่องวิทยายุทธในคัมภีร์ออกมากลับไม่ปะติดปะต่อกัน คนทั้งสองต่างเข้าใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งท่องผิด ( ต่อมาภายหลัง ทั้งคู่กลับกลายเป็นคู่อริ สำนักหัวซานก็แบ่งเป็นฝ่ายลมปราณ และฝ่ายกระบี่ )


เรื่องที่ งักเซียว และ ฉั่วจื้อฮง แอบดูคัมภีร์ทานตะวัน อีกไม่นานถูกอั้งเฮียะไต้ซือรู้เข้า ท่านไต้ซือทราบว่าวิทยายุทธในคัมภีร์เล่มนี้ร้ายกาจลึกล้ำสุดคาดเดา ระหว่างฝึกปรือขอเพียงผิดเพี้ยนสักเล็กน้อย แม้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บ ดังนั้น ท่านไต้ซือจึงมอบหมายให้ โต่วง้วนไต้ซือซือ ผู้เป็นศิษย์เดินทางสู่หัวซาน เกลี้ยกล่อมงักเซียว และฉั่วจื้อฮง อย่าได้ฝึกวิทยายุทธในคัมภีร์ทานตะวันที่ทั้งสองได้ลักลอบท่องจำออกมา
ศิษย์หัวซานทั้งสองสำนึกผิด และฝึกไม่ได้สักที เลยขอคำชี้แนะ บังเอิญศิย์รักของท่านเจ้าอาวาส ฉลาดปราดเปรื่อง ว่าไปตามความเข้าใจ แนะวิธีโดยหลักการและเหตุผล สุดท้ายตัวเองเกิดความโลภเมื่อเห็นยอดวิชา เลยคัดลอกลงในจีวร และสึกจากการเป็นบรรพชิต ไปคุมสำนักประกันภัย ซึ่งคนผู้นี้คือ ทวดของหลินผิงจื่อ และใช้วิชาดัดแปลงในคัมภีร์ทานตะวันสร้างชื่อ กลายเป็นวิชา เพลงกระบี่ปราบมารเจ็ดสิบสองท่า
ซึ่งความจริง นี่ไม่อาจโทษใครได้ เมื่อพบเห็นวิทยายุทธอันลึกล้ำ ไหนเลยจะห้ามใจไม่ฝึกปรือได้
งักเซียว และ ฉั่วจื้อฮง แห่งสำนักหัวซาน เขียนคัมภีร์ทานตะวันไม่นาน ก็ถูกสิบผู้อาวุโสนิกายตะวันจันทราฆ่าทิ้ง คัมภีร์ทานตะวันฉบับนี้ ก็ถูกช่วงชิงไป ( จนกระทั่งคัมภีร์ฉบับนี้ตกทอดมาถึง ตงฟางปุ๊ป้าย ผู้ที่ตีความคัมภีร์ออกมาได้ลึกซึ้งและฝึกจนสำเร็จ )


ไม่นานให้หลัง อั้งเฮียะไต้ซือ ก่อนมรณะภาพ ได้เรียกตัวศิษย์ทั้งหมดเข้าพบ บอกต้นสายปลายเหตุของคัมภีร์ทานตะวัน ฉบับสมบูรณ์ เล่มนี้ จากนั้นโยนคัมภีร์เข้าเตาไฟทำลายทิ้ง โดยบอกว่าคัมภีร์เล่มนี้ลึกล้ำพิสดารสุดคาดเดา ซ้ำยังทำให้เกิดปัญหามากมาย เกิดการแย่งชิง เกิดการนองเลือด หากตกทอดถึงชนรุ่นหลังมิใช่วาสนาของยุทธภพ
คัมภีร์ทานตะวันนั้นข้อเด่นคือฝึกแล้วเพิ่มพลังภายในให้ อย่างมหาศาลแล้วทำให้ผู้ฝึกเคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่ง แต่ฝึกได้เฉพาะบุรุษเพศเท่านั้น และหากต้องการจะฝึกต้องทำการตอนตัวเองเสียก่อนด้วย นับเป็นราคาที่แพงเพื่อแลกกับความยิ่งใหญ่

ส่วน เก้ากระบี่เดียวดาย ผู้บัญญัติมีฉายา ต๊กโกวคิ้วป่าย (ชื่อท่านแปลว่า) แสวงหาความพ่ายแพ้ ถ้าจะให้ว่ากันตามจริง อาจะนับได้ว่า เอี้ยก้วย ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เป็นทายาทของเค้าเนื่องจากได้พบหลุมศพพร้อมกระบี่ครบชุด ตั้งแต่กระบี่คมกริบ กระบี่หนัก และกระบี่ไม้ และยังได้ฝึกฝนเพื่อเพิ่มกำลังภายในด้วยแนวทางเดียวกันจากการแนะนำของอินทรี อีกด้วย แต่เอี้ยก้วยไม่ได้ฝึกท่ากระบี่น่ะครับ(สว่นสำคัญซะด้วย) นั่นแปลว่ากระบวนท่าและเคล็ดวิชาทั้งหลายเอี้ยก้วยสะสมจากประสบการณ์แล้วคิด เองใหม่หมด ส่วนกำลังภายในเกือบทั้งหมดได้จากการรำกระบี่ในน้ำตก และในทะเล
เก้ากระบี่เดียวดาย ที่เล่งฮู้ชง ได้ท่านฟงชิงหยางแห่งสำนักฮั้วซัวเป็นผู้สอนวิชานี้ให้แก่เหล็งหูชงอีก ต่อหนึ่ง ตอนนั้นเหล็งหูชงมีกำลังภายในนิดหน่อย ฝึกไม่กี่ชั่วโมงก็เอาชนะดาบได้ หลังจากชนะเลยได้เรียนเก้ากระบี่เดียวดายทั้งชุด ก่อนฝึกจำได้ว่าฟงชิงหยางถาม จงใคร่ครวญให้ดี ฝึกแล้วอาจเสียใจภายหลัง การแสวงหาความพ่ายแพ้นั้นก็แย่เหมือนกัน ดูตัวอย่างจากต๊กโกวคิ้วป่ายได้

หลายคนเข้าใจผิดว่าเก้ากระบี่เดียวดายมี 9 กระบวนท่า จริงๆ แล้วเก้ากระบี่เดียวดายไม่ใช่ท่ากระบี่ แต่เป็นเคล็ดกระบี่ 9 เคล็ด
เคล็ดทำลายกระบี่
เคล็ดทำลายดาบ
เคล็ดทำลายทวนและกระบอง
เคล็ดทำลายโซ่และฉมวก
เคล็ดทำลายแส้
เคล็ดทำลายฝ่ามือ
เคล็ดทำลายเกาทัณฑ์ (อาวุธลับ)
เคล็ดทำลายลมปราณ
เคล็ดรวม

และวิชาเก้ากระบี่เดียวดายเป็นเคล็ดวิชา ไม่มีกระบวนท่าตายตัว ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้ว เคล็ดทั้งหมดมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาจุดอ่อนในจุดอ่อนนั่นเอง ความหมายของจุดอ่อนในจุดอ่อนก็คือ จุดอ่อนที่ไม่สามารถละเลยได้ ซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า ทุกกระบวนท่ามีจุดอ่อน จะมากน้อยขึ้นกับประสบการณ์ของผู้ใช้ เมื่อมองเห็นจุดอ่อนในจุดอ่อนเราก็สามารถจู่โจมจุดนั้น ผลก็คือคู่ต่อสู้ต้องป้องกันตัว ระหว่างป้องกันตัวก็จะมีจุดอ่อนเกิดขึ้นอีก เราก็โจมตีจุดอ่อนนี้อีก ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนชนะ สรุปง่ายๆ ทุกกระบวนท่าสามารถทำลายได้ และเก้ากระบี่เดียวดายเป็นเคล็ดวิชาทำลายแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ถ้าคู่ต่อสู้ใช้ 1 ท่าเก้ากระบี่เดียวดายก็มีเพียง 1 ท่า ถ้าคู่ต่อสู้ใช้ 100 ท่าเก้ากระบี่เดียวดายก็มี 100 ท่าเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเก้ากระบี่เดียวดายจะเป็นเคล็ดที่ไม่แพ้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะชนะเสมอไป เมื่อใช้เก้ากระบี่เดียวดายจะเกิดกระบวนท่า ซึ่งสามารถถูกทำลายได้เช่นเดียวกัน หรือจะพูดตรงๆ ก็คือ เก้ากระบี่เดียวดาย มีโอกาสเสมอ เมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่มีประสบการณ์สูงกว่า ขึ้นอยูับคนใช้ครับ ถ้าเทียบบุคคลที่ จขกท. ผมว่าก็ถือว่าเก่งเทียบเคียงที่ว่ามาได้เลยล่ะครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตงฟางปุ๊ป้ายเก่งประมาณไหน

ในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร สำหรับผมที่เป็นคนอ่าน ตงฟางปุ๊ป้าย คือ คนที่เก่งที่สุดในเรื่อง ฉากการต่อสู้แค่สี่หน้ากระดาษ จัดว่าตื่นเต้น หวาดเสียว ระทึกใจ และไม่มีทีท่าว่าพระเอกจะพลิกสถานการณ์ได้ยังไง และสาเหตุการตาย (หรือการแพ้ ที่ไม่เรียกว่า แพ้ในเชิงยุทธ์) เป็นเหมือน ดูเหมือน ให้ความรู้สึกเหมือน หาทางลงหรือช่วยพระเอกเล้งหู้ชงให้โลดแล่นดำเนินแกนหลักของเรื่องต่อไป

ในเรื่อง เราจะชื่นชมยอดวิชา กระบี่เก้าเดียวดาย ความพิศดารบนพื้นฐานการรู้แจ้งยอดวิชาที่มีหลักการรวบรัดแทงตลอดหลักวิชายุทธ์ทั้งปวง จนดูเหมือนว่า เป็นยอดวิชาที่ไร้เทียมทาน แต่ยิ่งกว่าแต่ คือ คัมภีร์ทานตะวันเอง ก็ให้ความรู้สึกอย่างนั้น ในขณะที่เล้งหู้ชงอยู่ในสภาพใกล้จะตาย แต่หลักวิชาเก้ากระบี่ทำให้เค้าผ่านอุปสรรค ผ่านยอดฝีมือ แต่ลิ้มเพ้งจือ ที่เก่งสู้พระเอกเมื่อได้ฝึกคัมภีร์ทานตะวันก็สามารถเอาชนะยอดฝีมือที่สูงล้ำที่ตามปกติ ถ้าฝึกฝนตามตรรกะทั่วไป อาจต้องใช้เวลาและโชค หรือปัญญามากกว่านี้ แต่กลับใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆ ตามเวลาในนวนิยาย สามารถล้มจอมยุทธ์แถวหน้าได้

ในมุมมองที่อ่านมา เล้งหู้ชงเป็นคนฉลาดมีไหวพริบมาก ในขณะที่ลิ้มเพ้งจือ แค่คนธรรมดาที่ไม่โดดเด่นอะไรเลย นอกจากหน้าตาที่หล่อและจิตใจดีโดยพิ้นฐาน (ถ้าบ้านไม่แตก) กระบี่เก้าเดียวดายอาจไม่เหมาะสมกับหลายคนแต่เหมาะกับเล้วหู้ชง แต่คัมภีร์ทานตะวันใครก็ได้ขอแค่ได้มาฝึก ต่อให้ฝึกแบบ ลักพักจำแบบไม่สมบูรณ์ ก็สามารถทะยานเข้าสู่ยอดยุทธ์แถวหน้าได้สบายอยู่แล้ว ความที่ในหลายตอน จะบรรยายว่าจะแจ่งแจ้งในหลักวิชากระบี่เก้าเดียวดายต้อง ๒๐ ปี แต่คัมภีร์ทานตะวันความร้ายกาจอยู่ที่ไม่มีบอกว่าต้องใช้เวลานานขนาดนั้น ยิ่งตามบทประพันธ์ถ้าคนที่ฝึกคัมภีร์ทานตะวันรู้จักพลิกแพลงนิดเดียวก็ยากที่เล้งหู้ชงจะชนะแล้ว

ผมจึงมองว่า คัมภีร์ทานตะวัน ประดุจวิธีการสู่อำนาจที่ไม่เน้นวิธีการ แต่ได้มาเร็ว ได้มาง่าย แต่มันแลกกับความเป็นคนดีตามปกติที่ควรจะเป็น
ในขณะที่วิชากระบี่เก้าเดียวดาย เป็นวิชาที่ต้องใช้ปัญญา และเวลาพอสมควร ไม่รีบร้อน เห็นทุกอย่างกระจ่างชัดก่อน เหมือนวิถีทางที่เข้าสู่อำนาจที่เป็นวิถีที่เที่ยงธรรม จึงมักเน้น ๒๐ ปีในหลายครั้ง (และในแกนของเรื่อง มันเป็นเรื่องแย่งชิงอำนาจทางการเมืองนั้นแหละ ซึ่งในความเป็นจริง หลายคนทำชั่วโดยรวยทางลัด มีอำนาจโดยทางลัด ใช้วิธีที่ผิดคลองธรรมจนถึงขั้นไร้ศีลธรรม จริยธรรม ผิดหลักฟ้าดิน (การตอนจากชาย กลายเป็นหญิง นั้นคือ การฝืนหลักโบราณ การฝืนหลักธรรมชาติ ที่ให้มาว่า ชายคือชาย หญิงคือหญิง ถ้าสามีไม่เป็นชาย แล้วภริยา และลูกจะเป็นอย่างไร ศิษยือาจารย์จะเป็นอย่างไร นั้นคือ แกนเรื่อง)

ถ้ากลับมาสู่ การถามว่า อะไรคือยอดวิชา กว่ากัน ระหว่าง คัมภีร์ทานตะวัน กับเก้ากระบี่เดียวดาย คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับคุณแล้วจะเลือกแนวทางอะไร แต่ถ้าถามตรงว่า อะไรนำมาซึ่งอำนาจ คือ คัมภีร์ทานตะวัน ครับ เล้งหู้ชงและฟงชิงหยาง ที่ใช้เก้ากระบี่เดียวดาย จึงเป็นคนที่เย้ยยุทธจักร เพราะเล้งหู้ชงไม่สนใจเรื่องอำนาจ ฟงชิงหยางก็เร้นกาย ไม่ข้องทางโลก แต่ให้พระเจ้าอาวาสสอนทุกคน ว่า ควรเผาคัมภีร์ทานตะวัน คือพระสอนว่า อย่าสอนวิธีชั่วให้คนชั่วได้อำนาจนั้นแหละ แต่คนที่ฝึกยุทธ์ มีใครไม่หวังอำนาจเงินทองบ้าง ดูจอมยุทธ์ตามประวัติศาสตร์ได้เลย

ชื่อของมันก็บ่งบอกแล้วว่า ยอดวิชา ทานตะวัน ไม่มีใครสามารถทานตะวันได้ แต่วิชานี้ว่าได้ วิชานี้จึงเหนือฟ้า(ตะวันอยู่บนฟ้า) แต่ความร้อนแรงมันจะเผาคนๆ ที่ทานมันแน่นอน แต่หลายคนก็กล้าจะทาน การร่วงลงของทุกคนในเรื่องที่ฝึกคัมภีร์ทานตะวัน เป็นการบอกว่า ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าตะวันได้หรอก แต่สำหรับหลายคน อย่างอาจจะถือว่า ถ้าได้เป็นตะวันแม้จะนิดหนึ่งก็ถือว่า ไม่เสียชาติเกิดก็ได้

ดังนั้น สุดยอดวิชาในเรื่อง คือ คัมภีร์ทานตะวัน ซึ่งมันสะท้อนความจริงในสังคมนี้ คนใหญ่คนโตหลายคนใช้วิชาแนวทางนี้จนมีอำนาจนั้นแหละ ส่วนคนที่เก้ากระบี่เดียวดาย ก็คือ เดียวดาย ซึ่งย่อมไม่อาจเป็นผู้มีอำนาจได้ (แต่ย่อมพบศานติในชีวิตที่ยั่งยืนครับ แต่โดดเดี่ยวนะ ทั้งในแง่ที่เก่งจนไม่มีใครสู้ ไม่มีคู่ต่อสู้ กับไม่ประสงค์จะสู้กับใคร เร้นกายแบบฟงชิงหยาง)

สำหรับความเก่งของ ตงฟางปุ๊ป้าย นั้นถึงขั้นที่กำลังเย็บผ้า (ไม่ได้เตรียมการเตรียมใจต่อสู้) ก็สามารถฆ่าคนได้ชิลล์ และเหมือนแค่เคลื่อนกาย ใช้คำว่าเคลื่อนกาย ไม่ใช่ว่าวิ่ง หรือเร่งความเร็วครับ แค่เคลื่อนกายก็ดุจภูตพราย (อธิบายว่า แค่เหมือนผีที่หายตัวได้นั้นแหละ) และปราศจากรังสีฆ่าฟัน คือ เห็นการฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดุจ เอาเข็มแทงทะลุผ้านั้นแหละ ง่ายอย่างนั้น จนไม่มีทางที่จะชนะได้ เอาแค่ตรงนี้ ในเรื่องอื่นในจักรวาลกิมย้ง มีใครน่ากลัวแบบนี้ มีสักกี่คนที่ชิลล์แบบนี้

ส่วนที่เค้าแพ้นั้น อย่างที่บอก ถ้านางเอกไม่ใช่คนที่รู้เกี่ยวกับตงฟางปุ๊ป้าย ไม่มีทางที่ตงฟางปุ๊ป้ายจะแพ้เลย
และความรู้สึกคือ ในฐานะคนอ่านคือยังรับไม่ได้ที่สาเหตุการแพ้คือเหตุนั้น ถึงแม้จะบรรยายให้ยอมรับอย่างไร ว่าเยี่ยมยุทธ์ แต่การลงแบบนี้ให้เล้งหู้ชงรอดชีวิต ลึกๆ คนอ่านยังรับไม่ได้ครับ เวอร์ชั่นหลินชิงเสีย จึงมีคนชอบกันมาก(ส่วนหนึ่ง คือ การแพ้ตามบทประพันธ์ของตงฟางปุ๊ป้าย หลายคน รับไม่ได้)

ยอดวิชาทานตะวัน มาจากหลักการฝึกลมปราณ ปัญหาของการฝึกลมปราณสำหรับผู้ชาย คือ การรั่วไหลของชี่ หรือลมปราณ การปัสสาวะหรือการเสียน้ำวิสุทธิ์จะทำให้ชี่สูญเสีย บุคคลที่ฝึกฝนลมปราณขั้นต้น หากต้องการก้าวหน้าจริงจัง ต้องงดการเคลื่อนน้ำวิสุทธ์ ๑๐๐ วัน จากนั้น หากจะเสีย ต้องใช้เวลา ๗ วันต่อครั้ง แต่ต้องดึงรั้งปราณแต่ปล่อยน้ำวิสุทธ์ หากฝึกฝนจริงจังต้องถึงขั้น ไม่เสียน้ำวิสุทธิ์เลย แต่การจะฝึกถึงขั้น มีน้อยคนจะทำได้ แถมการฝึกเพื่อไม่เสียน้ำวิสุทธ์เลย ยากมาก จึงมีการคิดวิธีการว่า ถ้าตอนตัวเองซะ ปัญหาลดลงไปได้มาก และเป็นเร็ว จากนั้น การเผาอบน้ำวิสุทธิ์ที่ตันเถียนจนเป็นน้ำทิพย์ ที่ไม่หายไปไหน ก็เต็มเร็ว

นี่คือหลักขั้นต้นของวิชาทานตะวัน คือ เหมือนทานตะวันเข้าท้องน้อย กระถางเผาอบยาทิพย์ อย่างดี อันนี้ คือ ลมปราณ

ถ้าเราอ่านเรื่องอื่นในจักรวาลกิมย้ง ไม่มีใครฝึกคัมภีร์ทานตะวัน จอมยุทธ์มีความรัก มีลมปราณตามการสะสมปกติ แต่วิชาอีกวิชาที่โกงด้านพลังลมปราณ คือ วิชามหาเวทย์ดูดดาว หรือต้นตำหรับ ลมปราณภูตอุดร ที่ดูดพลังปราณ แต่ว่า ถ้าดูดมาแต่รักษาไม่ได้ ปล่อยไหลไปได้ครับ แต่ในเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ต้วนอื้อ บอกว่าสะสมแล้วย่อยไม่ได้ คือ ดูดมาแต่เค้าใช้ปราณไม่เป็น โคจรไม่เป็น จึงเกิดปัญหา แต่ถ้าต้องการมีลูกหลานต้องปล่อยเป็น ถ้ากักลมปราณผิด มีสิทธิ์เป็นหมัน ได้อีก แต่ทานตะวันนัน จบเลยปํญหานี้

อีกพวก คือ นักพรต หรือนักบวช พวกนี้พลังปราณจะแรงมาก เพราะต้องฝึกถึงขั้น แปรน้ำวิสุทธิ์เป็นน้ำทิพย์ก่อนเลย แล้วก่อเกิดชี่ต่อ ดังนั้น จะเห็นว่า คนเก่งในจักรวาลกำลังภายใน คือ นักพรต เฮ้งเตงเฮียง ลามะธิเบต หลวงจีน จางซันฟงเอง(นักพรต)

แต่ปัญหา คือ การเพิ่มปราณมันมีหลายทางอยู่ โสม ดีงู ซึ่งบทประพันธ์ไม่ได้ใส่ให้ตงฟาง

เซียวฟง คือ บุคคลที่ไม่ต้องใส่อะไร นอกจาก dna พิเศษของตระกูลเค้า +ฝึกกับยอดปรมาจารย์ของเส้าหลิน ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยความเก่ง+เอกลักษณ์ของนักรบ จัดเป็นจอมยุทธ์เจ้านักรบ ต้วนอื้อ(กษัตริย์ ตระกูลนักรบ) ซีจุ๊ สองคนนั้น ไม่ต้องพูดถึง วาสนาด้านยุทธ์ส่งเสริมมากด้วย

ก้วยเจ็ง พื้นฐานเป็นคนที่อาศัยในกองทัพมองโกล แม้จะพยายามว่าเก่งเพราะเจ็ดประหลาด แต่พื้นฐานของการอยู่ในมองโกลยุคนั้น การฝึกฝนของชาย คือ นักรบ ต่อมาได้ เรียน ปราณจาก เต๋า

เอี้ยก้วย ช้วนจินก้า สำนักสุสานโบราณ ไม่นับวาสนาคัมภีร์ ตลอดจนดีงู การฝึกฝนแนวทางการฝึกของต๊กโก้วคิ้วป้าย (ไม่ได้ตำรา) แต่เอี้ยก้วยจัดว่าเป็นคนฉลาดสุดๆ ที่เชี่ยวชาญกระบี่ยิ่งกว่าเล้งหู้ชง พอเห็นแนวทางการฝึก ก็จับจุดการฝึกของ ต๊กโก้วได้ แต่เอี้ยก้วยได้ประสบการณ์ต่อสู้มากมายจากสุดยอดจอมยุทธ์ทั้ง อั้งชิกกง ฮาวเฮียงฮง จิวแปะทง ฯลฯ

แถมคนพวกนี้ เป็นการฝึกตามมาตรฐานลมปราณปกติครับ แต่ที่ลมปราณเว่อวัง เพราะออพชั่นอย่างเตียงหยก บ้าง ดีงูบ้าง เลือดงูที่จะมาปรุงยาบ้าง ฯลฯ ตามมาตรฐานปกติ เอี้ยก้วย คือ ลมปราณแกร่งกล้าเร็วสุด ไม่นับต้วนอื้อ กับซีจุ ที่โกงสุดๆ (เซียวฟง อายุมีการฝึกฝนอยู่ครับ) แต่ที่พลังลมจากฝ่ามือ มาจากลมปราณบวกกระบวนท่าฝ่ามือพิชิตมังกร ซึ่งไม่ได้บอกว่ามาจากลมปราณอย่างเดียว เนื่องจากด่านสุดท้าย คือ การแปลงพลังชี่ออกมาเป็นแรงกายภาพ ต้องมีกระบวนท่าครับ (ทดลองต่อยลมดับเทียนครับ ต้องแรงบวกลักษณะการบิดหมัดและตัวด้วย) ชี่ จะถูกแปรเป็นพลังที่รุนแรงได้

สำหรับตงฟางปุ๊ป้าย ไม่มีออพชั่นครับ เดิมก็ฝึกตามมาตรฐาน+กับคัมภีร์ทานตะวันเลย ดังนั้น ไม่มีสกิลพระเอก ส่วนเล้งหู้ชงการได้สองยอดวิชา ดูดดาว กับเก้ากระบี่ มันคือ ได้ออพชั่น มาจากการฝึกตามปกติ(ที่หนุ่มน้อยสู้หนุ่มใหญ่ไม่ได้) แต่เล้งหู้ชง ก็ไม่ได้ใช้วิชาดูดดาวโดยตั้งใจ เพราะจะเป็นตัวโกงไป เหมือนต้วนอื้อที่ไม่ตั้งใจ ดังนั้น พอได้ลมปราณกล้าแกร่งมาในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ไช่ กล้าแกร่งสุดๆ

ตงฟางปุ๊ป้าย จะว่าโกง คือ เน้นสะสมกำลังลมปราณได้เร็ว แต่ถามว่าเร็วกว่าเอี้ยก้วยไหม เร็วกว่า เพราะเอี้ยก้วยนอนเตียงหยกบังคับเดินลมปราณตลอด ชีพจรปราณแกร่ง แต่ปริมาณอาจรั่วไหลได้อยู่ แต่ตงฟางฝึกมาก็วัยหนุ่มใหญ่ ลมปราณมีระดับใกล้จอมยุทธ์ ต่อมาได้เทพวิชาทานตะวัน คำตอบ คือ ขนาดลิ้มเพ้งจือ ยังเบียดมาได้กับจอมยุทธ์แถวต้นๆ ดังนั้น ตงฟางปีป้าย คือ มีแต่สะสมปราณ ตามตำราถ้าสะสมถึง ๑๐ ปี ฝึกแบบเคลื่อนน้ำวิสุทธิ์แต่ชี่หรือปราณไม่เคลื่อน ๑๐ ปี สามารถใช้ดรรนีจี้ไฟที่เทียนดับได้เป็นวา แต่ถามว่าลมปราณขนาดดับไฟได้ มันพอจะสร้างบาดแผลไหม ไม่ครับ ลมของฝ่ามือพิชิตมังกรมันใช้คำว่า คุกคาม ไม่ใช้ทำให้ร่างกายเสียหาย เหมือนลมพายุน้อยพัดเข้าหน้าเราก็กลัวว่าต้นไม้ กิ่งไม้จะหัก แต่ลมฝ่ามือไม่ถึงขั้นทำให้ไม้ กิ่งไม้หักนะครับ

ตงฟางปุ๊ป้าย ไม่ต้องมีออพชั่นเสริมแบบสกิลพระเอก เพราะแค่นี้มันก็โกงแล้ว เอาเข็มลับกระบี่ ไม่ใช่กระบี่ธรรมดา แต่มาจากจอมยุทธ์ระดับพระเอก อย่าลืมว่า จะพูดว่าพระเอกป่วย แต่วิชากระบี่ที่พระเอกฝึกมา+เคล็ดเก้ากระบี่เดียวดาย+ลมปราณที่ดูดมาโดยไม่ตั้งใจ มันมีออพชั่นในตัวแล้ว กระบี่นี่ที่ฟัน ฟาด แทง ด้วยลมปราณระดับนั้น มันไม่ใช่แรงและเหลี่ยมที่ดูแคลน แต่ตงฟางปุ๊ป้ายใช้แค่ เข็มเล่มเดียว จะว่าใช้มือ นิ้วก็ได้ แต่ที่ไม่ใช่เพราะเห็นเยิ่นหว่อสิง มาด้วยไงครับ ต้องแก้ทางคนฝึกมหาเวทย์ดูดดาวด้วยครับ ในเมื่อ แปรชี่เป็นแรงแล้ว มันดุดแรงไม่ได้ เพราะมหาเวทย์ดูดดาว ความจริง ก็คือ แนวทางการดุดลมปราณ ไม่ใช่ดูดหรือสะท้อนแรงที่เปล่งมาจากชี่ได้นะครับ

ชี่ เราจะสัมผัสดุจลมเคลื่อนไหวภายใน มองด้วยตา หรือสัมผัสด้วยกายยังไม่อาจรู้ว่าปราณเคลื่อนครับ แต่เมื่อปราณหรือชี่เคลื่อน มันจะสามารถแปรเป็นแรงกายภาพ ออกมาได้ เราจะเห็นตรงนั้นครับ ในฝ่ามือพิชิตมังกร ปราณจะเคลื่อนไปมาหลายระลอก ยิ่งโคจรหลายรอบก่อนที่หมัดจริงจะถึงเป้าหมายพร้อมกับชี่โคจรมาที่จุดปล่อยแรง แรงจะทวีครับกี่เท่าก็ตามรอบการโคจร (อธิบายตามที่อาจพลังฝ่ามือพิชิตมังกรของเซียวฟง)

การใช่เข็มธรรมดาสู้กับกระบี่ อาวุธอื่น จึงเทพ ครับ ไม่ต้องเป็นเรื่องแรงลมปะทะหน้า ซึ่งมันอยู่ที่กระบวนท่าครับ ลมปราณจะแรงไม่ได้พิสูจน์ที่ลมฝ่ามือ ชี่จะแปรอะไร อยู่ที่การใช้ครับ หมัดระเบิดสิบเซ็นติเมตร คือ หมัดห่างจากเป้าหมายเพียง 10 cm แต่คนที่โดด คือ ตายได้ครับ เหมือนดรรชนีเจ็ดก้าว คือ เมื่อจี้นิ้วลงไปที่หัวใจ ไม่ต้องแรงครับ แค่จี้ คนนั้นจะเดินไปไม่เกินเจ็ดก้าวก็ตายล่ะ

หลายที่มักเอาแรงลมฝ่ามือมาคิด ความจริง มันอยู่ที่วิชาต่างหาก การที่ตงฟางสามารถใช้เข็มได้ แปลว่า เชี่ยวชาญใช้ชี่แล้วครับ ใช้ได้ดั่งใจเลย
ไม่มีที่ไหนบรรยายว่า ลมฝ่ามือหักกระบี่ หรือทำให้กระบี่หยุดได้นะครับ ยกเว้นในหนัง ละคร ที่สร้างเว่อมาก

ถ้าจะฝึกฝ่ามือปล่อยลม หรือดรรนีดับไฟแสงเทียน สบายอยู่แล้ว

เรื่องเอี้ยก้วยใช้แขนเสื้อต่างอาวุธ แล้วเก่งกว่าตงฟางปุ๊ป้ายไหม ลองเอาผ้ามาเป็นอาวุธ กับเอาเข็มเย็บผ้าเล้กมาเป็นอาวุธดูนะครับ ใครได้เปรียบ แขนเสื้อมันฟาดได้ แต่เข็มถ้าท่าเท้าไม่ดี ท่าร่างไม่เร็ว คุณลองคิดดูจะเอาเข็มสู้นักดาบกระบี่ยังไง ถ้าตอนนั้น ที่ใกล้มือ เป็นก้อนหิน หรือตะเกียบ คงตายกันหลายศพ แล้วที่ตงฟางไม่ใช่เสื้อผ้าที่เย็บ ก็เพราะเค้าคิดว่าไม่แพ้ไงครับ ยังไงก็ชนะ เดียวมาเย็บต่อก็แค่นั้น คือ นางมั่นใจมาก จนไม่รู้ว่า กล่องดวงใจอยู่ที่ไหนไง และไม่คิดว่า ผู้หญิงตัวเล็กจะใช้จุดอ่อนนั้นด้วย

จริง ๆ ในความคิดผม ตงฟางปุ๊ป้ายอาจสู้ได้ทุกคน ทั้งเซียวฟง ทั้งเฮ้งเตงเฮี่ยง ฯลฯ แต่บทว่า นางไม่มีความทะเยอทะยานแล้ว ไม่มีรังสีฆ่าฟัน ไม่ใช่นักรบ แต่เป็นตงฟางปุ๊ป้ายที่รักผู้ชายคนหนึ่งและไม่สนใจเรื่องอื่นอีก (บทว่า เมื่อบรรลุวิชาทานตะวันแล้ว ก็เหมือนปล่อยวางเรื่องทั้งหมด มุ่งแต่งานบ้านงานเรือนกับผู้ชายที่นางรัก) มันก็น่าเสียดาย ในการตาย แถมยอดวิชานี้ ก็โลดแล่นในเรื่องนี้ ไม่ไปสัปประยุทธิ์กับใครเลย ส่วนพวกที่เหลือ ก็ไม่ทันสำเร็จดีนัก

แต่อารมณ์ว่า ตงฟางปุ๊ป้าย บรรลุถึงขั้นไร้กระบี่ แล้ว หยิบจับอะไรเป็นอาวุธได้หมด (แต่ต้องใช้เข็ม เพราะแก้ทางมหาเวทย์ดูดดาว)

ตรงนี้ มันเท่ากับระดับของเอี้ยก้วยแล้วครับ อาจจะเหนือตรงต้องถือว่าไร้กระบวนท่าครับ แต่ความวิปริต คือ ดันใช้วิชาเหมือนผู้หญิงเอาเข็มไล่ทิ่มคนอื่น (มันเป็นท่าเรียบง่าย แต่แรง เร็ว ดุจภูตพรายแค่นั้น) มันดูน่ากลัวจริงๆ ดูไม่เป็นจอมยุทธ์ที่มีท่าเท้า ท่าหมัด ท่ากระบี่ (แม้บรรลุขั้นไร้กระบี่ แต่มีกระบวนท่า) แถมใช้ท่าแค่เนี้ย ทุกคนก็จะตายล่ะ มันจึงเสียดายครับว่า ภาพความวิปริต(ในสายตาสมัยที่มีนวนิยายมาใหม่) เป็นภาพของตงฟางที่มาดร้อปความเทพของแก่ไปเลย ซึ่งจริงๆ ในบทประพันธ์ก็บอกอยู่แล้ว ว่า เล้งหู้ชง ไม่มีอะไรที่ต้องโกหกเอาใจอะไรกับตงฟางปุ๊ป้ายแล้ว ยังยอมรับว่า ด้านยุทธ์ของนาง(นาย) ที่หนึ่งในแผ่นดิน นั้นหมายถึง เล้งหู้ชง ไม่ได้คิดว่า ฟงชิงหยาง ปรมาจารย์แห่งกระบี่ เก่งกว่าตงฟางปุ๊ป้ายเลย

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาดูตงฟางปุ๊ป้าย Vs ปรมาจารย์กระบี่ ฟงซินหยาง

ถ้าเอาตามท้องเรื่อง คนในยุคนั้นเอง ยกว่า ตงฟางปุ๊ป้าย เป็นที่หนึ่งในแผ่นดิน ถ้าตามบทที่ต่อสู้กัน การต่อสู้ของตงฟางปุ๊ป้ายที่จัดการฝ่ายพระเอกก็ ดุเดือดที่สุด

ข้อที่ว่า แพ้ นั้น ก็เพราะจุดอ่อนที่กำหนดว่าอยู่ที่ "ใจมีห่วง" ซึ่งในการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ระดับอดีตประมุขพรรค.. และเหล่งฮู้ชง ถ้าขาดสมาธินิดเดียว หรือปันสมาธินิดเดียว ก็พ่ายได้ (ตรงนี้ บทให้นางเอกสามารถจัดการคนรักของตงฟางปุ๊ป้ายง่ายดายมาก ประมาณจะฆ่าก็ฆ่าได้เลย จนตงฟางปุ๊ป้ายต้องทุ่มเทมารีบป้องกันชีวิตของคนรักแบบไม่ห่วงชีวิตตัวเอง อันนี้ บท จงใจ เพื่อกำหนดการตายของคนไร้เทียมทานคนนี้)

กับฟงชิงหยาง กับตงฟางปุ๊ป้าย ไม่เคยมีการไฟท์กัน แล้วจะวัดจากความเห็นของคนในยุทธภพ หรือคนที่เคยรู้วิชาของทั้งสองคนแบบเหล่งฮู้ชง ก็ไม่ได้ถนัด เพราะเหล่งฮู้ชง อาจประเมินว่าฟงชิงหยาง ไม่ลงมาชิงดีชิงเด่น หรือคิดว่าตัวเองก็รู้แนวพอสู้ฟงชิงหยางได้ แต่ตงฟางปุ๊ป้าย ตอนนั้น เห็นแต่ทางแพ้เท่านั้น ก็ไม่อาจรู้ได้

เหลือแค่วัดวิชาครับ

ฟงชิงหยาง มีเคล็ดเก้ากระบี่เดียวดาย หลักการพื้นฐานที่เก้ากระบี่ไปให้ถึง คือ ไร้กระบวนท่า หรือไม่มีกระบวนท่า คือ ใช้ท่าสามัญธรรมดา แต่ใช้ให้มีอานุภาพสูงสุด มุ่งทำลายกระบวนท่า ฝ่ายตรงข้าม

ตงฟางปุ้ป้าย มีเคล้ดวิชาทานตะวัน เน้นกันที่พลังปราณที่มากมายและรุนแรง บวกความรวดเร็วยิ่ง แต่เผอิญว่า ตงฟางปุ๊ป้าย ใช้เข็มเย็บผ้าหรือเข็มปักผ้า ถ้าไปเปรียบกับ หลักของต๊กโก้วคิ้วป้าย จะอยู่ในขั้นใช้ไม้กระบี่ ไปจนถึง หยิบจับอะไรใช้แทนกระบี่ได้ ซึ่งเป็นขั้นกว่าของกระบี่หนัก ซึ่งตั้งแต่ขั้นกระบี่หนัก ขึ้นไป เป็นขั้น ไร้กระบวนท่า หรือไม่มีกระบวนท่า ซึ่งถ้าข้ามไปอีกขั้น คือ ไร้กระบี่เหนือมีกระบี่

ตรงนี้ ตงฟางปุ๊ป้าย มีข้อวัดว่า อยู่ขั้น หยิบจับอะไรใช้แทนกระบี่ได้ ซึ่งเกินกว่า หลักของเก้ากระบี่เดียวดาย จะทำลายได้ เพราะไม่มีกระบวนท่าให้ทำลายแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ฟงชิงหยาง ที่บรรลุเก้ากระบี่เดียวดาย แต่จะถึงขั้นหยิบจับอะไรใช้แทนกระบี่แบบตงฟางปีป้ายหรือเปล่า

แต่เท่านี้ ถ้าเอาตามหลักวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย กับวิชาในคัมภีร์ทานตะวันที่ตงฟางปุ๊ป้ายออกใช้ถึงขั้นหยิบจับอะไรใช้แทนกระบี่ ข้อมูลตรงนี้ ยังแสดงว่า ตงฟางปุ๊ป้ายเหนือกว่าฟงชิงหยางอยู่ และเก้ากระบี่เดียวดายต่อให้ฝึก ๒๐ ปี ก็ไม่อาจชนะหรือทำลายวิชาระดับที่ตงฟางปุ๊ป้ายออกใช้ เนื่องจากเก้ากระบี่เดียวดาย สุดที่การทำลายกระบวนท่า แต่ตงฟางปุ๊ป้ายอยู่ในขั้นไม่มีกระบวนท่าแล้ว (อย่าเอาไปเปรียบกับที่งักปุ๊กคุ้ง ลิ้มเพ้งจือ ฝึกเลย ห่างไกลกับตงฟางปุ๊ป้ายมาก)

นอกจากนี้ จุดเด่นของคัมภีร์ทานตะวัน เน้นที่พลังปราณและความรวดเร็ว ซึ่งเก้ากระบี่เดียวดายไม่มี ความเร็วของเก้ากระบี่อยู่ที่การออกใช้กระบี่ทำลายกระบวนท่าศัตรู จึงมีทั้งบีบให้ศัตรูลงมือก่อน (คือ โจมตีก่อน) หรือให้ศัตรู้โจมตีก่อนแต่โจมตีกลับไปที่จุดอ่อนของกระบวนท่าที่เห็น (โจมตีทีหลังแต่ถึงก่อน (ถึงจุดสำคัญก่อน) ชิงเป็นฝ่ายรุกที่แท้จริง) แต่ในเมื่อไม่เห็นกระบวนท่า เพราะตงฟางปุ๊ป้ายไม่มีกระบวนท่า (แค่ทิ่มเข็มมา เป็นต้น) ก็ไม่อาจทำลายกระบวนท่าได้ หลักการความเร็วของเก้ากระบี่เดียวดายก็จักไร้ผลทันที และถึงจะสามารถบีบให้ศัตรูตั้งรับแต่ความรุนแรงของการทิ่ม(การออกใช้อาวุธอะไรๆ ของตงฟางฯ)และความเร็วของการทิ่ม(การออกใช้อาวุธอะไรๆ ของตงฟางฯ) ทำให้กระบี่เก้าเดียวดายสิ้นผล คือ โจมตีไม่ถูก และโจมตีไม่เข้า จึงรอวันแพ้ (ถึงให้เวลาเหล่งฮู้ชง ๒๐ ปี ก็ไม่แน่จะชนะ เพราะหลักการของเก้ากระบี่มันสุดที่ ทำลายกระบวนท่า ถึงเหล่งฮู้ชงจะใช้กระบี่โดยไร้กระบวนท่าถึงที่สุด (คือ ใช้ท่าสามัญให้มีอานุภาพ รวบรัดอย่างไร) ก็ยังแค่เท่ากับตงฟางปุ๊ป้ายในเชิงไร้กระบวนท่า แต่ขาดทุนที่เก้ากระบี่ ไม่มีวิชาลมปราณกร้าวแกร่งเท่าวิชาทานตะวัน และไม่เร็วเท่าวิชาทานตะวันอยู่ดี

สมกับที่บทประพันธ์ว่า ตงฟางปุ๊ป้าย มีฝีมือเป็นหนึ่งในแผ่นดิน จริง

แก้ไขล่าสุดโดย Hell_Yeah เมื่อ Fri Mar 06, 2020 23:29, ทั้งหมด 4 ครั้ง
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 22308
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:29
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
นอกเรื่อง สุดยอดของผม คือตงฟางปุ้ป้าย บูรพาไม่แพ้ บรรลุสุดยอดวิชาทานตะวัน จากกระบี่เย้ยยุทธจักร

ขอคัดลอกข้อความท่านมดคันไฟและท่านฟูจิวาระ

ตรรกะเรื่อง "วรยุทธ์ย่อมเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา" เป็นหลักกว้าง ๆ ทั่วไปแต่ไม่ได้หมายถึงในทุกกรณี โดยเฉพาะในกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งกิมย้งมีลีลาการเล่าเรื่องที่แตกต่างออกไปจากนิยายเรื่องอื่น

หากอ่านนิยายกิมย้งมาตั้งแต่เรื่องแรกจะเห็นว่าในจุดเริ่มต้นของการเขียนนิยายกิมย้งจะเล่าเรื่องโดยอิงกับแนวคิด พุทธ/ขงจื้อ เป็นหลักซึ่งส่งผลต่อการบรรยายความเก่งกาจของตัวละครที่ต้องมาจากการระยะเวลาการฝึกปรือสะสมประสบการณ์กำลังภายในต่าง ๆ นานา

ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้จะเห็นได้ชัดจนที่สุดในเรื่องมังกรหยกภาคหนึ่งซึ่งเป็นนิยายเรื่องที่สามของกิมย้ง แต่เมื่อกิมย้งเขียนนิยายไปเรื่อย ๆ ก็ค่อย ๆ แฝงกลิ่นอายแนวคิดของพุทธและเต๋าเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งเป็นนิยายเรื่องรองสุดท้ายของเขา (เรื่องสุดท้ายคืออุ้ยเสี่ยวป้อซึ่งไม่เน้นการบรรยายวิทยายุทธ์แล้ว) กิมย้งได้เขียนโดยอิงกับแนวคิด เต๋า/เซน เข้ามาแทนที่อย่างเต็มตัวซึ่งส่งผลต่อแนวทางการบรรยายและอธิบายวิทยายุทธ์ในเรื่องด้วย สอดคล้องไปกับการให้กระบี่เป็นแนวทางต่อสู้หลักของเหล่าตัวละครในเรื่อง

วิชาเก้ากระบี่เดียวดายไม่เน้นระยะเวลาการฝึกปรือแต่เน้นความเข้าใจแบบรู้แจ้ง เหล็งฮู้ชงความจริงมีระดับฝีมือแค่กลาง ๆ C ถึง C+ แต่เพียงแค่เข้าใจหลักการของเก้ากระบี่เดียวดายก็สามารถล้มฉั้งแป๊ะกวงที่มีฝีมือสูงกว่าตัวเองได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนและเอาชนะยอดฝีมือคนอื่น ๆ ในยุทธจักรที่มีประสบการณ์และพลังการฝึกปรือสูงกว่าตัวเองมากมายได้ นี่ถือเป็นการย้อนทวนการอธิบายวิทยายุทธ์แบบ พุทธ/ขงจื้อ ในแบบที่ผ่านมาของกิมย้งอย่างมีนัยสำคัญ

เช่นเดียวกับคัมภีร์ทานตะวันและเพลงกระบี่ปราบมารที่อาศัยเพียงแค่ความรวดเร็วในการสยบคู่ต่อสู้โดยไม่ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ลิ้มเพ้งจือเมื่อได้ฝึกเพลงกระบี่ปราบมารก็สามารถเอาชนะทั้งอื้อชังไห่และเฒ่าค่อมนอกกำแพงได้อย่างง่ายดายทั้ง ๆ ที่ระดับฝีมือที่แท้จริงของลิ้มเพ้งจือห่างจากสองคนนี้ราวฟ้ากับดิน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการย้อนทวนวิทยายุทธ์แบบ พุทธ/ขงจื้อ ที่ผ่านมาของกิมย้งเช่นกัน

(หากเป็นในนิยายเรื่องก่อนหน้านี้ที่อาศัยวิทยายุทธ์และพลังการฝึกปรือที่แท้จริงเข้าตัดสิน ทั้งเหล็งฮู้ชงและลิ้มเพ้งจือคงโดนตบเกรียนไปนานแล้ว)

จึงไม่น่าแปลกใจที่ในนิยายจะกำหนดให้ผู้ที่เอาชนะเพลงกระบี่ปราบมารของงักปุกคุ้งได้เป็นเหล็งฮู้ชงที่ใช้เก้ากระบี่เดียวดาย เพราะวิทยายุทธ์ทั้งสองชุดถูกสร้างขึ้นมาด้วยแนวคิด เต๋า/เซน ที่ย้อนทวนแนวทางวิทยายุทธ์ทั้งหมดในจักรวาลนิยายของกิมย้ง จึงมีเพียงเพลงกระบี่ทั้งสองนี้เท่านั้นที่สามารถสะกดข่มกันเองได้

กลับมาสู่คำถามของ จขกท "ตงฟางปุ๊ป้ายเก่งมากแค่ไหน" คำตอบของผมคือตงฟางปุ๊ป้าย (รวมถึงคัมภีร์ทานตะวัน เพลงกระบี่ปราบมาร และเก้ากระบี่เดียวดาย) อยู่เหนือกว่าตรรกะวรยุทธ์ย่อมเสื่อมถอยไปตามกาลเวลาครับ


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

"คัมภีร์ทานตะวัน" วิชาที่ชาวยุทธ์ร่ำลือกันว่าเป็นยอดเหนือวิทยายุทธ์อื่นใดอีกอัน และต่างแย่งชิงกันครอบครองเพื่อความเป็นใหญ่
คัมภีร์ทานตะวันเล่มนี้ แต่งโดยขันทีในวังหลวงเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อน และสามร้อยกว่าปีมานี้ไม่มีผู้ใดสามารถฝึกวิชาฝีมือในคัมภีร์สำเร็จ แล้วคัมภีร์ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งเมื่อร้อยกว่าปีก่อน คัมภีร์เล่มนี้ปรากฏว่าตกเป็นของวัดเส้าหลินในมณฑลฟุโจว เจ้าอาวาสวัดตอนนั้นคือ อั้งเฮียะไต้ซือ
ครั้งหนึ่งเมื่อร้อยกว่าปีก่อนมีศิษย์หัวซานสองคนคือ งักเซียว และ ฉั่วจื้อฮง ไปเป็นแขกที่วัดเส้าหลิน ไม่ทราบมีโอกาสอย่างไรได้ขโมยดูคัมภีร์ทานตะวัน
ทั้งสองแบ่งกันท่องคนละครึ่ง เมื่อกลับเข้าสำนักหัวซาน ทั้งสองพอท่องวิทยายุทธในคัมภีร์ออกมากลับไม่ปะติดปะต่อกัน คนทั้งสองต่างเข้าใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งท่องผิด ( ต่อมาภายหลัง ทั้งคู่กลับกลายเป็นคู่อริ สำนักหัวซานก็แบ่งเป็นฝ่ายลมปราณ และฝ่ายกระบี่ )


เรื่องที่ งักเซียว และ ฉั่วจื้อฮง แอบดูคัมภีร์ทานตะวัน อีกไม่นานถูกอั้งเฮียะไต้ซือรู้เข้า ท่านไต้ซือทราบว่าวิทยายุทธในคัมภีร์เล่มนี้ร้ายกาจลึกล้ำสุดคาดเดา ระหว่างฝึกปรือขอเพียงผิดเพี้ยนสักเล็กน้อย แม้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บ ดังนั้น ท่านไต้ซือจึงมอบหมายให้ โต่วง้วนไต้ซือซือ ผู้เป็นศิษย์เดินทางสู่หัวซาน เกลี้ยกล่อมงักเซียว และฉั่วจื้อฮง อย่าได้ฝึกวิทยายุทธในคัมภีร์ทานตะวันที่ทั้งสองได้ลักลอบท่องจำออกมา
ศิษย์หัวซานทั้งสองสำนึกผิด และฝึกไม่ได้สักที เลยขอคำชี้แนะ บังเอิญศิย์รักของท่านเจ้าอาวาส ฉลาดปราดเปรื่อง ว่าไปตามความเข้าใจ แนะวิธีโดยหลักการและเหตุผล สุดท้ายตัวเองเกิดความโลภเมื่อเห็นยอดวิชา เลยคัดลอกลงในจีวร และสึกจากการเป็นบรรพชิต ไปคุมสำนักประกันภัย ซึ่งคนผู้นี้คือ ทวดของหลินผิงจื่อ และใช้วิชาดัดแปลงในคัมภีร์ทานตะวันสร้างชื่อ กลายเป็นวิชา เพลงกระบี่ปราบมารเจ็ดสิบสองท่า
ซึ่งความจริง นี่ไม่อาจโทษใครได้ เมื่อพบเห็นวิทยายุทธอันลึกล้ำ ไหนเลยจะห้ามใจไม่ฝึกปรือได้
งักเซียว และ ฉั่วจื้อฮง แห่งสำนักหัวซาน เขียนคัมภีร์ทานตะวันไม่นาน ก็ถูกสิบผู้อาวุโสนิกายตะวันจันทราฆ่าทิ้ง คัมภีร์ทานตะวันฉบับนี้ ก็ถูกช่วงชิงไป ( จนกระทั่งคัมภีร์ฉบับนี้ตกทอดมาถึง ตงฟางปุ๊ป้าย ผู้ที่ตีความคัมภีร์ออกมาได้ลึกซึ้งและฝึกจนสำเร็จ )


ไม่นานให้หลัง อั้งเฮียะไต้ซือ ก่อนมรณะภาพ ได้เรียกตัวศิษย์ทั้งหมดเข้าพบ บอกต้นสายปลายเหตุของคัมภีร์ทานตะวัน ฉบับสมบูรณ์ เล่มนี้ จากนั้นโยนคัมภีร์เข้าเตาไฟทำลายทิ้ง โดยบอกว่าคัมภีร์เล่มนี้ลึกล้ำพิสดารสุดคาดเดา ซ้ำยังทำให้เกิดปัญหามากมาย เกิดการแย่งชิง เกิดการนองเลือด หากตกทอดถึงชนรุ่นหลังมิใช่วาสนาของยุทธภพ
คัมภีร์ทานตะวันนั้นข้อเด่นคือฝึกแล้วเพิ่มพลังภายในให้ อย่างมหาศาลแล้วทำให้ผู้ฝึกเคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่ง แต่ฝึกได้เฉพาะบุรุษเพศเท่านั้น และหากต้องการจะฝึกต้องทำการตอนตัวเองเสียก่อนด้วย นับเป็นราคาที่แพงเพื่อแลกกับความยิ่งใหญ่

ส่วน เก้ากระบี่เดียวดาย ผู้บัญญัติมีฉายา ต๊กโกวคิ้วป่าย (ชื่อท่านแปลว่า) แสวงหาความพ่ายแพ้ ถ้าจะให้ว่ากันตามจริง อาจะนับได้ว่า เอี้ยก้วย ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เป็นทายาทของเค้าเนื่องจากได้พบหลุมศพพร้อมกระบี่ครบชุด ตั้งแต่กระบี่คมกริบ กระบี่หนัก และกระบี่ไม้ และยังได้ฝึกฝนเพื่อเพิ่มกำลังภายในด้วยแนวทางเดียวกันจากการแนะนำของอินทรี อีกด้วย แต่เอี้ยก้วยไม่ได้ฝึกท่ากระบี่น่ะครับ(สว่นสำคัญซะด้วย) นั่นแปลว่ากระบวนท่าและเคล็ดวิชาทั้งหลายเอี้ยก้วยสะสมจากประสบการณ์แล้วคิด เองใหม่หมด ส่วนกำลังภายในเกือบทั้งหมดได้จากการรำกระบี่ในน้ำตก และในทะเล
เก้ากระบี่เดียวดาย ที่เล่งฮู้ชง ได้ท่านฟงชิงหยางแห่งสำนักฮั้วซัวเป็นผู้สอนวิชานี้ให้แก่เหล็งหูชงอีก ต่อหนึ่ง ตอนนั้นเหล็งหูชงมีกำลังภายในนิดหน่อย ฝึกไม่กี่ชั่วโมงก็เอาชนะดาบได้ หลังจากชนะเลยได้เรียนเก้ากระบี่เดียวดายทั้งชุด ก่อนฝึกจำได้ว่าฟงชิงหยางถาม จงใคร่ครวญให้ดี ฝึกแล้วอาจเสียใจภายหลัง การแสวงหาความพ่ายแพ้นั้นก็แย่เหมือนกัน ดูตัวอย่างจากต๊กโกวคิ้วป่ายได้

หลายคนเข้าใจผิดว่าเก้ากระบี่เดียวดายมี 9 กระบวนท่า จริงๆ แล้วเก้ากระบี่เดียวดายไม่ใช่ท่ากระบี่ แต่เป็นเคล็ดกระบี่ 9 เคล็ด
เคล็ดทำลายกระบี่
เคล็ดทำลายดาบ
เคล็ดทำลายทวนและกระบอง
เคล็ดทำลายโซ่และฉมวก
เคล็ดทำลายแส้
เคล็ดทำลายฝ่ามือ
เคล็ดทำลายเกาทัณฑ์ (อาวุธลับ)
เคล็ดทำลายลมปราณ
เคล็ดรวม

และวิชาเก้ากระบี่เดียวดายเป็นเคล็ดวิชา ไม่มีกระบวนท่าตายตัว ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้ว เคล็ดทั้งหมดมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาจุดอ่อนในจุดอ่อนนั่นเอง ความหมายของจุดอ่อนในจุดอ่อนก็คือ จุดอ่อนที่ไม่สามารถละเลยได้ ซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า ทุกกระบวนท่ามีจุดอ่อน จะมากน้อยขึ้นกับประสบการณ์ของผู้ใช้ เมื่อมองเห็นจุดอ่อนในจุดอ่อนเราก็สามารถจู่โจมจุดนั้น ผลก็คือคู่ต่อสู้ต้องป้องกันตัว ระหว่างป้องกันตัวก็จะมีจุดอ่อนเกิดขึ้นอีก เราก็โจมตีจุดอ่อนนี้อีก ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนชนะ สรุปง่ายๆ ทุกกระบวนท่าสามารถทำลายได้ และเก้ากระบี่เดียวดายเป็นเคล็ดวิชาทำลายแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ถ้าคู่ต่อสู้ใช้ 1 ท่าเก้ากระบี่เดียวดายก็มีเพียง 1 ท่า ถ้าคู่ต่อสู้ใช้ 100 ท่าเก้ากระบี่เดียวดายก็มี 100 ท่าเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเก้ากระบี่เดียวดายจะเป็นเคล็ดที่ไม่แพ้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะชนะเสมอไป เมื่อใช้เก้ากระบี่เดียวดายจะเกิดกระบวนท่า ซึ่งสามารถถูกทำลายได้เช่นเดียวกัน หรือจะพูดตรงๆ ก็คือ เก้ากระบี่เดียวดาย มีโอกาสเสมอ เมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่มีประสบการณ์สูงกว่า ขึ้นอยูับคนใช้ครับ ถ้าเทียบบุคคลที่ จขกท. ผมว่าก็ถือว่าเก่งเทียบเคียงที่ว่ามาได้เลยล่ะครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตงฟางปุ๊ป้ายเก่งประมาณไหน

ในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร สำหรับผมที่เป็นคนอ่าน ตงฟางปุ๊ป้าย คือ คนที่เก่งที่สุดในเรื่อง ฉากการต่อสู้แค่สี่หน้ากระดาษ จัดว่าตื่นเต้น หวาดเสียว ระทึกใจ และไม่มีทีท่าว่าพระเอกจะพลิกสถานการณ์ได้ยังไง และสาเหตุการตาย (หรือการแพ้ ที่ไม่เรียกว่า แพ้ในเชิงยุทธ์) เป็นเหมือน ดูเหมือน ให้ความรู้สึกเหมือน หาทางลงหรือช่วยพระเอกเล้งหู้ชงให้โลดแล่นดำเนินแกนหลักของเรื่องต่อไป

ในเรื่อง เราจะชื่นชมยอดวิชา กระบี่เก้าเดียวดาย ความพิศดารบนพื้นฐานการรู้แจ้งยอดวิชาที่มีหลักการรวบรัดแทงตลอดหลักวิชายุทธ์ทั้งปวง จนดูเหมือนว่า เป็นยอดวิชาที่ไร้เทียมทาน แต่ยิ่งกว่าแต่ คือ คัมภีร์ทานตะวันเอง ก็ให้ความรู้สึกอย่างนั้น ในขณะที่เล้งหู้ชงอยู่ในสภาพใกล้จะตาย แต่หลักวิชาเก้ากระบี่ทำให้เค้าผ่านอุปสรรค ผ่านยอดฝีมือ แต่ลิ้มเพ้งจือ ที่เก่งสู้พระเอกเมื่อได้ฝึกคัมภีร์ทานตะวันก็สามารถเอาชนะยอดฝีมือที่สูงล้ำที่ตามปกติ ถ้าฝึกฝนตามตรรกะทั่วไป อาจต้องใช้เวลาและโชค หรือปัญญามากกว่านี้ แต่กลับใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆ ตามเวลาในนวนิยาย สามารถล้มจอมยุทธ์แถวหน้าได้

ในมุมมองที่อ่านมา เล้งหู้ชงเป็นคนฉลาดมีไหวพริบมาก ในขณะที่ลิ้มเพ้งจือ แค่คนธรรมดาที่ไม่โดดเด่นอะไรเลย นอกจากหน้าตาที่หล่อและจิตใจดีโดยพิ้นฐาน (ถ้าบ้านไม่แตก) กระบี่เก้าเดียวดายอาจไม่เหมาะสมกับหลายคนแต่เหมาะกับเล้วหู้ชง แต่คัมภีร์ทานตะวันใครก็ได้ขอแค่ได้มาฝึก ต่อให้ฝึกแบบ ลักพักจำแบบไม่สมบูรณ์ ก็สามารถทะยานเข้าสู่ยอดยุทธ์แถวหน้าได้สบายอยู่แล้ว ความที่ในหลายตอน จะบรรยายว่าจะแจ่งแจ้งในหลักวิชากระบี่เก้าเดียวดายต้อง ๒๐ ปี แต่คัมภีร์ทานตะวันความร้ายกาจอยู่ที่ไม่มีบอกว่าต้องใช้เวลานานขนาดนั้น ยิ่งตามบทประพันธ์ถ้าคนที่ฝึกคัมภีร์ทานตะวันรู้จักพลิกแพลงนิดเดียวก็ยากที่เล้งหู้ชงจะชนะแล้ว

ผมจึงมองว่า คัมภีร์ทานตะวัน ประดุจวิธีการสู่อำนาจที่ไม่เน้นวิธีการ แต่ได้มาเร็ว ได้มาง่าย แต่มันแลกกับความเป็นคนดีตามปกติที่ควรจะเป็น
ในขณะที่วิชากระบี่เก้าเดียวดาย เป็นวิชาที่ต้องใช้ปัญญา และเวลาพอสมควร ไม่รีบร้อน เห็นทุกอย่างกระจ่างชัดก่อน เหมือนวิถีทางที่เข้าสู่อำนาจที่เป็นวิถีที่เที่ยงธรรม จึงมักเน้น ๒๐ ปีในหลายครั้ง (และในแกนของเรื่อง มันเป็นเรื่องแย่งชิงอำนาจทางการเมืองนั้นแหละ ซึ่งในความเป็นจริง หลายคนทำชั่วโดยรวยทางลัด มีอำนาจโดยทางลัด ใช้วิธีที่ผิดคลองธรรมจนถึงขั้นไร้ศีลธรรม จริยธรรม ผิดหลักฟ้าดิน (การตอนจากชาย กลายเป็นหญิง นั้นคือ การฝืนหลักโบราณ การฝืนหลักธรรมชาติ ที่ให้มาว่า ชายคือชาย หญิงคือหญิง ถ้าสามีไม่เป็นชาย แล้วภริยา และลูกจะเป็นอย่างไร ศิษยือาจารย์จะเป็นอย่างไร นั้นคือ แกนเรื่อง)

ถ้ากลับมาสู่ การถามว่า อะไรคือยอดวิชา กว่ากัน ระหว่าง คัมภีร์ทานตะวัน กับเก้ากระบี่เดียวดาย คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับคุณแล้วจะเลือกแนวทางอะไร แต่ถ้าถามตรงว่า อะไรนำมาซึ่งอำนาจ คือ คัมภีร์ทานตะวัน ครับ เล้งหู้ชงและฟงชิงหยาง ที่ใช้เก้ากระบี่เดียวดาย จึงเป็นคนที่เย้ยยุทธจักร เพราะเล้งหู้ชงไม่สนใจเรื่องอำนาจ ฟงชิงหยางก็เร้นกาย ไม่ข้องทางโลก แต่ให้พระเจ้าอาวาสสอนทุกคน ว่า ควรเผาคัมภีร์ทานตะวัน คือพระสอนว่า อย่าสอนวิธีชั่วให้คนชั่วได้อำนาจนั้นแหละ แต่คนที่ฝึกยุทธ์ มีใครไม่หวังอำนาจเงินทองบ้าง ดูจอมยุทธ์ตามประวัติศาสตร์ได้เลย

ชื่อของมันก็บ่งบอกแล้วว่า ยอดวิชา ทานตะวัน ไม่มีใครสามารถทานตะวันได้ แต่วิชานี้ว่าได้ วิชานี้จึงเหนือฟ้า(ตะวันอยู่บนฟ้า) แต่ความร้อนแรงมันจะเผาคนๆ ที่ทานมันแน่นอน แต่หลายคนก็กล้าจะทาน การร่วงลงของทุกคนในเรื่องที่ฝึกคัมภีร์ทานตะวัน เป็นการบอกว่า ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าตะวันได้หรอก แต่สำหรับหลายคน อย่างอาจจะถือว่า ถ้าได้เป็นตะวันแม้จะนิดหนึ่งก็ถือว่า ไม่เสียชาติเกิดก็ได้

ดังนั้น สุดยอดวิชาในเรื่อง คือ คัมภีร์ทานตะวัน ซึ่งมันสะท้อนความจริงในสังคมนี้ คนใหญ่คนโตหลายคนใช้วิชาแนวทางนี้จนมีอำนาจนั้นแหละ ส่วนคนที่เก้ากระบี่เดียวดาย ก็คือ เดียวดาย ซึ่งย่อมไม่อาจเป็นผู้มีอำนาจได้ (แต่ย่อมพบศานติในชีวิตที่ยั่งยืนครับ แต่โดดเดี่ยวนะ ทั้งในแง่ที่เก่งจนไม่มีใครสู้ ไม่มีคู่ต่อสู้ กับไม่ประสงค์จะสู้กับใคร เร้นกายแบบฟงชิงหยาง)

สำหรับความเก่งของ ตงฟางปุ๊ป้าย นั้นถึงขั้นที่กำลังเย็บผ้า (ไม่ได้เตรียมการเตรียมใจต่อสู้) ก็สามารถฆ่าคนได้ชิลล์ และเหมือนแค่เคลื่อนกาย ใช้คำว่าเคลื่อนกาย ไม่ใช่ว่าวิ่ง หรือเร่งความเร็วครับ แค่เคลื่อนกายก็ดุจภูตพราย (อธิบายว่า แค่เหมือนผีที่หายตัวได้นั้นแหละ) และปราศจากรังสีฆ่าฟัน คือ เห็นการฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดุจ เอาเข็มแทงทะลุผ้านั้นแหละ ง่ายอย่างนั้น จนไม่มีทางที่จะชนะได้ เอาแค่ตรงนี้ ในเรื่องอื่นในจักรวาลกิมย้ง มีใครน่ากลัวแบบนี้ มีสักกี่คนที่ชิลล์แบบนี้

ส่วนที่เค้าแพ้นั้น อย่างที่บอก ถ้านางเอกไม่ใช่คนที่รู้เกี่ยวกับตงฟางปุ๊ป้าย ไม่มีทางที่ตงฟางปุ๊ป้ายจะแพ้เลย
และความรู้สึกคือ ในฐานะคนอ่านคือยังรับไม่ได้ที่สาเหตุการแพ้คือเหตุนั้น ถึงแม้จะบรรยายให้ยอมรับอย่างไร ว่าเยี่ยมยุทธ์ แต่การลงแบบนี้ให้เล้งหู้ชงรอดชีวิต ลึกๆ คนอ่านยังรับไม่ได้ครับ เวอร์ชั่นหลินชิงเสีย จึงมีคนชอบกันมาก(ส่วนหนึ่ง คือ การแพ้ตามบทประพันธ์ของตงฟางปุ๊ป้าย หลายคน รับไม่ได้)

ยอดวิชาทานตะวัน มาจากหลักการฝึกลมปราณ ปัญหาของการฝึกลมปราณสำหรับผู้ชาย คือ การรั่วไหลของชี่ หรือลมปราณ การปัสสาวะหรือการเสียน้ำวิสุทธิ์จะทำให้ชี่สูญเสีย บุคคลที่ฝึกฝนลมปราณขั้นต้น หากต้องการก้าวหน้าจริงจัง ต้องงดการเคลื่อนน้ำวิสุทธ์ ๑๐๐ วัน จากนั้น หากจะเสีย ต้องใช้เวลา ๗ วันต่อครั้ง แต่ต้องดึงรั้งปราณแต่ปล่อยน้ำวิสุทธ์ หากฝึกฝนจริงจังต้องถึงขั้น ไม่เสียน้ำวิสุทธิ์เลย แต่การจะฝึกถึงขั้น มีน้อยคนจะทำได้ แถมการฝึกเพื่อไม่เสียน้ำวิสุทธ์เลย ยากมาก จึงมีการคิดวิธีการว่า ถ้าตอนตัวเองซะ ปัญหาลดลงไปได้มาก และเป็นเร็ว จากนั้น การเผาอบน้ำวิสุทธิ์ที่ตันเถียนจนเป็นน้ำทิพย์ ที่ไม่หายไปไหน ก็เต็มเร็ว

นี่คือหลักขั้นต้นของวิชาทานตะวัน คือ เหมือนทานตะวันเข้าท้องน้อย กระถางเผาอบยาทิพย์ อย่างดี อันนี้ คือ ลมปราณ

ถ้าเราอ่านเรื่องอื่นในจักรวาลกิมย้ง ไม่มีใครฝึกคัมภีร์ทานตะวัน จอมยุทธ์มีความรัก มีลมปราณตามการสะสมปกติ แต่วิชาอีกวิชาที่โกงด้านพลังลมปราณ คือ วิชามหาเวทย์ดูดดาว หรือต้นตำหรับ ลมปราณภูตอุดร ที่ดูดพลังปราณ แต่ว่า ถ้าดูดมาแต่รักษาไม่ได้ ปล่อยไหลไปได้ครับ แต่ในเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ต้วนอื้อ บอกว่าสะสมแล้วย่อยไม่ได้ คือ ดูดมาแต่เค้าใช้ปราณไม่เป็น โคจรไม่เป็น จึงเกิดปัญหา แต่ถ้าต้องการมีลูกหลานต้องปล่อยเป็น ถ้ากักลมปราณผิด มีสิทธิ์เป็นหมัน ได้อีก แต่ทานตะวันนัน จบเลยปํญหานี้

อีกพวก คือ นักพรต หรือนักบวช พวกนี้พลังปราณจะแรงมาก เพราะต้องฝึกถึงขั้น แปรน้ำวิสุทธิ์เป็นน้ำทิพย์ก่อนเลย แล้วก่อเกิดชี่ต่อ ดังนั้น จะเห็นว่า คนเก่งในจักรวาลกำลังภายใน คือ นักพรต เฮ้งเตงเฮียง ลามะธิเบต หลวงจีน จางซันฟงเอง(นักพรต)

แต่ปัญหา คือ การเพิ่มปราณมันมีหลายทางอยู่ โสม ดีงู ซึ่งบทประพันธ์ไม่ได้ใส่ให้ตงฟาง

เซียวฟง คือ บุคคลที่ไม่ต้องใส่อะไร นอกจาก dna พิเศษของตระกูลเค้า +ฝึกกับยอดปรมาจารย์ของเส้าหลิน ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยความเก่ง+เอกลักษณ์ของนักรบ จัดเป็นจอมยุทธ์เจ้านักรบ ต้วนอื้อ(กษัตริย์ ตระกูลนักรบ) ซีจุ๊ สองคนนั้น ไม่ต้องพูดถึง วาสนาด้านยุทธ์ส่งเสริมมากด้วย

ก้วยเจ็ง พื้นฐานเป็นคนที่อาศัยในกองทัพมองโกล แม้จะพยายามว่าเก่งเพราะเจ็ดประหลาด แต่พื้นฐานของการอยู่ในมองโกลยุคนั้น การฝึกฝนของชาย คือ นักรบ ต่อมาได้ เรียน ปราณจาก เต๋า

เอี้ยก้วย ช้วนจินก้า สำนักสุสานโบราณ ไม่นับวาสนาคัมภีร์ ตลอดจนดีงู การฝึกฝนแนวทางการฝึกของต๊กโก้วคิ้วป้าย (ไม่ได้ตำรา) แต่เอี้ยก้วยจัดว่าเป็นคนฉลาดสุดๆ ที่เชี่ยวชาญกระบี่ยิ่งกว่าเล้งหู้ชง พอเห็นแนวทางการฝึก ก็จับจุดการฝึกของ ต๊กโก้วได้ แต่เอี้ยก้วยได้ประสบการณ์ต่อสู้มากมายจากสุดยอดจอมยุทธ์ทั้ง อั้งชิกกง ฮาวเฮียงฮง จิวแปะทง ฯลฯ

แถมคนพวกนี้ เป็นการฝึกตามมาตรฐานลมปราณปกติครับ แต่ที่ลมปราณเว่อวัง เพราะออพชั่นอย่างเตียงหยก บ้าง ดีงูบ้าง เลือดงูที่จะมาปรุงยาบ้าง ฯลฯ ตามมาตรฐานปกติ เอี้ยก้วย คือ ลมปราณแกร่งกล้าเร็วสุด ไม่นับต้วนอื้อ กับซีจุ ที่โกงสุดๆ (เซียวฟง อายุมีการฝึกฝนอยู่ครับ) แต่ที่พลังลมจากฝ่ามือ มาจากลมปราณบวกกระบวนท่าฝ่ามือพิชิตมังกร ซึ่งไม่ได้บอกว่ามาจากลมปราณอย่างเดียว เนื่องจากด่านสุดท้าย คือ การแปลงพลังชี่ออกมาเป็นแรงกายภาพ ต้องมีกระบวนท่าครับ (ทดลองต่อยลมดับเทียนครับ ต้องแรงบวกลักษณะการบิดหมัดและตัวด้วย) ชี่ จะถูกแปรเป็นพลังที่รุนแรงได้

สำหรับตงฟางปุ๊ป้าย ไม่มีออพชั่นครับ เดิมก็ฝึกตามมาตรฐาน+กับคัมภีร์ทานตะวันเลย ดังนั้น ไม่มีสกิลพระเอก ส่วนเล้งหู้ชงการได้สองยอดวิชา ดูดดาว กับเก้ากระบี่ มันคือ ได้ออพชั่น มาจากการฝึกตามปกติ(ที่หนุ่มน้อยสู้หนุ่มใหญ่ไม่ได้) แต่เล้งหู้ชง ก็ไม่ได้ใช้วิชาดูดดาวโดยตั้งใจ เพราะจะเป็นตัวโกงไป เหมือนต้วนอื้อที่ไม่ตั้งใจ ดังนั้น พอได้ลมปราณกล้าแกร่งมาในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ไช่ กล้าแกร่งสุดๆ

ตงฟางปุ๊ป้าย จะว่าโกง คือ เน้นสะสมกำลังลมปราณได้เร็ว แต่ถามว่าเร็วกว่าเอี้ยก้วยไหม เร็วกว่า เพราะเอี้ยก้วยนอนเตียงหยกบังคับเดินลมปราณตลอด ชีพจรปราณแกร่ง แต่ปริมาณอาจรั่วไหลได้อยู่ แต่ตงฟางฝึกมาก็วัยหนุ่มใหญ่ ลมปราณมีระดับใกล้จอมยุทธ์ ต่อมาได้เทพวิชาทานตะวัน คำตอบ คือ ขนาดลิ้มเพ้งจือ ยังเบียดมาได้กับจอมยุทธ์แถวต้นๆ ดังนั้น ตงฟางปีป้าย คือ มีแต่สะสมปราณ ตามตำราถ้าสะสมถึง ๑๐ ปี ฝึกแบบเคลื่อนน้ำวิสุทธิ์แต่ชี่หรือปราณไม่เคลื่อน ๑๐ ปี สามารถใช้ดรรนีจี้ไฟที่เทียนดับได้เป็นวา แต่ถามว่าลมปราณขนาดดับไฟได้ มันพอจะสร้างบาดแผลไหม ไม่ครับ ลมของฝ่ามือพิชิตมังกรมันใช้คำว่า คุกคาม ไม่ใช้ทำให้ร่างกายเสียหาย เหมือนลมพายุน้อยพัดเข้าหน้าเราก็กลัวว่าต้นไม้ กิ่งไม้จะหัก แต่ลมฝ่ามือไม่ถึงขั้นทำให้ไม้ กิ่งไม้หักนะครับ

ตงฟางปุ๊ป้าย ไม่ต้องมีออพชั่นเสริมแบบสกิลพระเอก เพราะแค่นี้มันก็โกงแล้ว เอาเข็มลับกระบี่ ไม่ใช่กระบี่ธรรมดา แต่มาจากจอมยุทธ์ระดับพระเอก อย่าลืมว่า จะพูดว่าพระเอกป่วย แต่วิชากระบี่ที่พระเอกฝึกมา+เคล็ดเก้ากระบี่เดียวดาย+ลมปราณที่ดูดมาโดยไม่ตั้งใจ มันมีออพชั่นในตัวแล้ว กระบี่นี่ที่ฟัน ฟาด แทง ด้วยลมปราณระดับนั้น มันไม่ใช่แรงและเหลี่ยมที่ดูแคลน แต่ตงฟางปุ๊ป้ายใช้แค่ เข็มเล่มเดียว จะว่าใช้มือ นิ้วก็ได้ แต่ที่ไม่ใช่เพราะเห็นเยิ่นหว่อสิง มาด้วยไงครับ ต้องแก้ทางคนฝึกมหาเวทย์ดูดดาวด้วยครับ ในเมื่อ แปรชี่เป็นแรงแล้ว มันดุดแรงไม่ได้ เพราะมหาเวทย์ดูดดาว ความจริง ก็คือ แนวทางการดุดลมปราณ ไม่ใช่ดูดหรือสะท้อนแรงที่เปล่งมาจากชี่ได้นะครับ

ชี่ เราจะสัมผัสดุจลมเคลื่อนไหวภายใน มองด้วยตา หรือสัมผัสด้วยกายยังไม่อาจรู้ว่าปราณเคลื่อนครับ แต่เมื่อปราณหรือชี่เคลื่อน มันจะสามารถแปรเป็นแรงกายภาพ ออกมาได้ เราจะเห็นตรงนั้นครับ ในฝ่ามือพิชิตมังกร ปราณจะเคลื่อนไปมาหลายระลอก ยิ่งโคจรหลายรอบก่อนที่หมัดจริงจะถึงเป้าหมายพร้อมกับชี่โคจรมาที่จุดปล่อยแรง แรงจะทวีครับกี่เท่าก็ตามรอบการโคจร (อธิบายตามที่อาจพลังฝ่ามือพิชิตมังกรของเซียวฟง)

การใช่เข็มธรรมดาสู้กับกระบี่ อาวุธอื่น จึงเทพ ครับ ไม่ต้องเป็นเรื่องแรงลมปะทะหน้า ซึ่งมันอยู่ที่กระบวนท่าครับ ลมปราณจะแรงไม่ได้พิสูจน์ที่ลมฝ่ามือ ชี่จะแปรอะไร อยู่ที่การใช้ครับ หมัดระเบิดสิบเซ็นติเมตร คือ หมัดห่างจากเป้าหมายเพียง 10 cm แต่คนที่โดด คือ ตายได้ครับ เหมือนดรรชนีเจ็ดก้าว คือ เมื่อจี้นิ้วลงไปที่หัวใจ ไม่ต้องแรงครับ แค่จี้ คนนั้นจะเดินไปไม่เกินเจ็ดก้าวก็ตายล่ะ

หลายที่มักเอาแรงลมฝ่ามือมาคิด ความจริง มันอยู่ที่วิชาต่างหาก การที่ตงฟางสามารถใช้เข็มได้ แปลว่า เชี่ยวชาญใช้ชี่แล้วครับ ใช้ได้ดั่งใจเลย
ไม่มีที่ไหนบรรยายว่า ลมฝ่ามือหักกระบี่ หรือทำให้กระบี่หยุดได้นะครับ ยกเว้นในหนัง ละคร ที่สร้างเว่อมาก

ถ้าจะฝึกฝ่ามือปล่อยลม หรือดรรนีดับไฟแสงเทียน สบายอยู่แล้ว

เรื่องเอี้ยก้วยใช้แขนเสื้อต่างอาวุธ แล้วเก่งกว่าตงฟางปุ๊ป้ายไหม ลองเอาผ้ามาเป็นอาวุธ กับเอาเข็มเย็บผ้าเล้กมาเป็นอาวุธดูนะครับ ใครได้เปรียบ แขนเสื้อมันฟาดได้ แต่เข็มถ้าท่าเท้าไม่ดี ท่าร่างไม่เร็ว คุณลองคิดดูจะเอาเข็มสู้นักดาบกระบี่ยังไง ถ้าตอนนั้น ที่ใกล้มือ เป็นก้อนหิน หรือตะเกียบ คงตายกันหลายศพ แล้วที่ตงฟางไม่ใช่เสื้อผ้าที่เย็บ ก็เพราะเค้าคิดว่าไม่แพ้ไงครับ ยังไงก็ชนะ เดียวมาเย็บต่อก็แค่นั้น คือ นางมั่นใจมาก จนไม่รู้ว่า กล่องดวงใจอยู่ที่ไหนไง และไม่คิดว่า ผู้หญิงตัวเล็กจะใช้จุดอ่อนนั้นด้วย

จริง ๆ ในความคิดผม ตงฟางปุ๊ป้ายอาจสู้ได้ทุกคน ทั้งเซียวฟง ทั้งเฮ้งเตงเฮี่ยง ฯลฯ แต่บทว่า นางไม่มีความทะเยอทะยานแล้ว ไม่มีรังสีฆ่าฟัน ไม่ใช่นักรบ แต่เป็นตงฟางปุ๊ป้ายที่รักผู้ชายคนหนึ่งและไม่สนใจเรื่องอื่นอีก (บทว่า เมื่อบรรลุวิชาทานตะวันแล้ว ก็เหมือนปล่อยวางเรื่องทั้งหมด มุ่งแต่งานบ้านงานเรือนกับผู้ชายที่นางรัก) มันก็น่าเสียดาย ในการตาย แถมยอดวิชานี้ ก็โลดแล่นในเรื่องนี้ ไม่ไปสัปประยุทธิ์กับใครเลย ส่วนพวกที่เหลือ ก็ไม่ทันสำเร็จดีนัก

แต่อารมณ์ว่า ตงฟางปุ๊ป้าย บรรลุถึงขั้นไร้กระบี่ แล้ว หยิบจับอะไรเป็นอาวุธได้หมด (แต่ต้องใช้เข็ม เพราะแก้ทางมหาเวทย์ดูดดาว)

ตรงนี้ มันเท่ากับระดับของเอี้ยก้วยแล้วครับ อาจจะเหนือตรงต้องถือว่าไร้กระบวนท่าครับ แต่ความวิปริต คือ ดันใช้วิชาเหมือนผู้หญิงเอาเข็มไล่ทิ่มคนอื่น (มันเป็นท่าเรียบง่าย แต่แรง เร็ว ดุจภูตพรายแค่นั้น) มันดูน่ากลัวจริงๆ ดูไม่เป็นจอมยุทธ์ที่มีท่าเท้า ท่าหมัด ท่ากระบี่ (แม้บรรลุขั้นไร้กระบี่ แต่มีกระบวนท่า) แถมใช้ท่าแค่เนี้ย ทุกคนก็จะตายล่ะ มันจึงเสียดายครับว่า ภาพความวิปริต(ในสายตาสมัยที่มีนวนิยายมาใหม่) เป็นภาพของตงฟางที่มาดร้อปความเทพของแก่ไปเลย ซึ่งจริงๆ ในบทประพันธ์ก็บอกอยู่แล้ว ว่า เล้งหู้ชง ไม่มีอะไรที่ต้องโกหกเอาใจอะไรกับตงฟางปุ๊ป้ายแล้ว ยังยอมรับว่า ด้านยุทธ์ของนาง(นาย) ที่หนึ่งในแผ่นดิน นั้นหมายถึง เล้งหู้ชง ไม่ได้คิดว่า ฟงชิงหยาง ปรมาจารย์แห่งกระบี่ เก่งกว่าตงฟางปุ๊ป้ายเลย

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาดูตงฟางปุ๊ป้าย Vs ปรมาจารย์กระบี่ ฟงซินหยาง

ถ้าเอาตามท้องเรื่อง คนในยุคนั้นเอง ยกว่า ตงฟางปุ๊ป้าย เป็นที่หนึ่งในแผ่นดิน ถ้าตามบทที่ต่อสู้กัน การต่อสู้ของตงฟางปุ๊ป้ายที่จัดการฝ่ายพระเอกก็ ดุเดือดที่สุด

ข้อที่ว่า แพ้ นั้น ก็เพราะจุดอ่อนที่กำหนดว่าอยู่ที่ "ใจมีห่วง" ซึ่งในการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ระดับอดีตประมุขพรรค.. และเหล่งฮู้ชง ถ้าขาดสมาธินิดเดียว หรือปันสมาธินิดเดียว ก็พ่ายได้ (ตรงนี้ บทให้นางเอกสามารถจัดการคนรักของตงฟางปุ๊ป้ายง่ายดายมาก ประมาณจะฆ่าก็ฆ่าได้เลย จนตงฟางปุ๊ป้ายต้องทุ่มเทมารีบป้องกันชีวิตของคนรักแบบไม่ห่วงชีวิตตัวเอง อันนี้ บท จงใจ เพื่อกำหนดการตายของคนไร้เทียมทานคนนี้)

กับฟงชิงหยาง กับตงฟางปุ๊ป้าย ไม่เคยมีการไฟท์กัน แล้วจะวัดจากความเห็นของคนในยุทธภพ หรือคนที่เคยรู้วิชาของทั้งสองคนแบบเหล่งฮู้ชง ก็ไม่ได้ถนัด เพราะเหล่งฮู้ชง อาจประเมินว่าฟงชิงหยาง ไม่ลงมาชิงดีชิงเด่น หรือคิดว่าตัวเองก็รู้แนวพอสู้ฟงชิงหยางได้ แต่ตงฟางปุ๊ป้าย ตอนนั้น เห็นแต่ทางแพ้เท่านั้น ก็ไม่อาจรู้ได้

เหลือแค่วัดวิชาครับ

ฟงชิงหยาง มีเคล็ดเก้ากระบี่เดียวดาย หลักการพื้นฐานที่เก้ากระบี่ไปให้ถึง คือ ไร้กระบวนท่า หรือไม่มีกระบวนท่า คือ ใช้ท่าสามัญธรรมดา แต่ใช้ให้มีอานุภาพสูงสุด มุ่งทำลายกระบวนท่า ฝ่ายตรงข้าม

ตงฟางปุ้ป้าย มีเคล้ดวิชาทานตะวัน เน้นกันที่พลังปราณที่มากมายและรุนแรง บวกความรวดเร็วยิ่ง แต่เผอิญว่า ตงฟางปุ๊ป้าย ใช้เข็มเย็บผ้าหรือเข็มปักผ้า ถ้าไปเปรียบกับ หลักของต๊กโก้วคิ้วป้าย จะอยู่ในขั้นใช้ไม้กระบี่ ไปจนถึง หยิบจับอะไรใช้แทนกระบี่ได้ ซึ่งเป็นขั้นกว่าของกระบี่หนัก ซึ่งตั้งแต่ขั้นกระบี่หนัก ขึ้นไป เป็นขั้น ไร้กระบวนท่า หรือไม่มีกระบวนท่า ซึ่งถ้าข้ามไปอีกขั้น คือ ไร้กระบี่เหนือมีกระบี่

ตรงนี้ ตงฟางปุ๊ป้าย มีข้อวัดว่า อยู่ขั้น หยิบจับอะไรใช้แทนกระบี่ได้ ซึ่งเกินกว่า หลักของเก้ากระบี่เดียวดาย จะทำลายได้ เพราะไม่มีกระบวนท่าให้ทำลายแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ฟงชิงหยาง ที่บรรลุเก้ากระบี่เดียวดาย แต่จะถึงขั้นหยิบจับอะไรใช้แทนกระบี่แบบตงฟางปีป้ายหรือเปล่า

แต่เท่านี้ ถ้าเอาตามหลักวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย กับวิชาในคัมภีร์ทานตะวันที่ตงฟางปุ๊ป้ายออกใช้ถึงขั้นหยิบจับอะไรใช้แทนกระบี่ ข้อมูลตรงนี้ ยังแสดงว่า ตงฟางปุ๊ป้ายเหนือกว่าฟงชิงหยางอยู่ และเก้ากระบี่เดียวดายต่อให้ฝึก ๒๐ ปี ก็ไม่อาจชนะหรือทำลายวิชาระดับที่ตงฟางปุ๊ป้ายออกใช้ เนื่องจากเก้ากระบี่เดียวดาย สุดที่การทำลายกระบวนท่า แต่ตงฟางปุ๊ป้ายอยู่ในขั้นไม่มีกระบวนท่าแล้ว (อย่าเอาไปเปรียบกับที่งักปุ๊กคุ้ง ลิ้มเพ้งจือ ฝึกเลย ห่างไกลกับตงฟางปุ๊ป้ายมาก)

นอกจากนี้ จุดเด่นของคัมภีร์ทานตะวัน เน้นที่พลังปราณและความรวดเร็ว ซึ่งเก้ากระบี่เดียวดายไม่มี ความเร็วของเก้ากระบี่อยู่ที่การออกใช้กระบี่ทำลายกระบวนท่าศัตรู จึงมีทั้งบีบให้ศัตรูลงมือก่อน (คือ โจมตีก่อน) หรือให้ศัตรู้โจมตีก่อนแต่โจมตีกลับไปที่จุดอ่อนของกระบวนท่าที่เห็น (โจมตีทีหลังแต่ถึงก่อน (ถึงจุดสำคัญก่อน) ชิงเป็นฝ่ายรุกที่แท้จริง) แต่ในเมื่อไม่เห็นกระบวนท่า เพราะตงฟางปุ๊ป้ายไม่มีกระบวนท่า (แค่ทิ่มเข็มมา เป็นต้น) ก็ไม่อาจทำลายกระบวนท่าได้ หลักการความเร็วของเก้ากระบี่เดียวดายก็จักไร้ผลทันที และถึงจะสามารถบีบให้ศัตรูตั้งรับแต่ความรุนแรงของการทิ่ม(การออกใช้อาวุธอะไรๆ ของตงฟางฯ)และความเร็วของการทิ่ม(การออกใช้อาวุธอะไรๆ ของตงฟางฯ) ทำให้กระบี่เก้าเดียวดายสิ้นผล คือ โจมตีไม่ถูก และโจมตีไม่เข้า จึงรอวันแพ้ (ถึงให้เวลาเหล่งฮู้ชง ๒๐ ปี ก็ไม่แน่จะชนะ เพราะหลักการของเก้ากระบี่มันสุดที่ ทำลายกระบวนท่า ถึงเหล่งฮู้ชงจะใช้กระบี่โดยไร้กระบวนท่าถึงที่สุด (คือ ใช้ท่าสามัญให้มีอานุภาพ รวบรัดอย่างไร) ก็ยังแค่เท่ากับตงฟางปุ๊ป้ายในเชิงไร้กระบวนท่า แต่ขาดทุนที่เก้ากระบี่ ไม่มีวิชาลมปราณกร้าวแกร่งเท่าวิชาทานตะวัน และไม่เร็วเท่าวิชาทานตะวันอยู่ดี

สมกับที่บทประพันธ์ว่า ตงฟางปุ๊ป้าย มีฝีมือเป็นหนึ่งในแผ่นดิน จริง

แก้ไขล่าสุดโดย Hell_Yeah เมื่อ Fri Mar 06, 2020 23:29, ทั้งหมด 4 ครั้ง
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Dec 2013
ตอบ: 4072
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:34
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
ท่าไม่นับ 8เทพ สำหรับผมความเก่งเรียงตามนี้

1.กลางเทพเจ้า เฮ้งเตงเอี้ยง เพราะตบทั้ง 4 สุดยอดในยุคนั้นมาแล้ว

2.ราชครู หลังฝึกวิชาขั้น 10 เสร็จ(วิชาบ้าอะไรฝึก 13 ขั้นใช้เวลาไปเกือบ 200 ปี)

3.เฒ่าทารก จิวแป๊ะทง

แก้ไขล่าสุดโดย เทพมังกรเก้าปรากฏ เมื่อ Fri Mar 06, 2020 21:34, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Nov 2006
ตอบ: 24209
ที่อยู่: ตามสำเนาทะเบียนบ้าน
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:36
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
พี่อินทรี

เคยอ่านแล้วสงสัย

ยังไงก็แร้งอ่ะ ทรงไม่ออกอินทรีเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: ꒰ঌ(˚ᆺ˚)໒꒱
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 10735
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:36
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]

1.หลวงจีนกวาดลาน

เดาว่าน่าจะเก่ง หรือ อาจจะแค่พลังป้องกันเยอะเฉยๆ แต่โดนเฉียวฟงซัดเต็มๆ ยังสบายดีอยู่ก็แสดงว่าไม่ธรรมดา

2.เฉียวฟง

โดนรุม โดนตามล่า แต่ไม่มีใครสู้ได้เลย

3.ต้วนอี้

สกิลโกงแต่เหมือนจะไม่ใช่นักสู้

อยากรู้จักว่า บ่อกี้ กับ ต้วนอี้ ถ้าตั้งใจฝึกทั้งคู่ ใครจะหัวดีกว่ากัน (ไม่เกี่ยงวิชา)


----------------------------------------


ถ้าในมังกรหยก 1-3 คิดว่าน่าจะ

1.เอี้ยก้วย

2.ราชครู

3.จิวแปะทง
แก้ไขล่าสุดโดย เวลาว่าง เมื่อ Fri Mar 06, 2020 21:39, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: ื❤️Niya❀janrybnk48❀❤️my january & Niya.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 14401
ที่อยู่: อยู่ในใจ Niya
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:36
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
เอาที่ชอบไม่เรียงลำดับฝีมือนะ

อึ้งเอี๊ยะซือ คนนี้ฉีกแนวดีด้านความคิดการใช้ชีวิตไม่ค่อยเหมือนคนอื่นๆในเรื่อง

หมินหมิน สาวมองโกลสายรุกเชื้อสายราชนิกุลชั้นสูงสุดท้ายยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผู้ชายภาคกลางเพียงคนเดียว

เตียบ่อกี้ ทองแท้ไม่กลัวไฟไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะขอเป็นคนดี ชีวิตยากลำบากตามสไตล์พระเอกมังกรหยก แต่ประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยรุ่นจนสาวๆในเรื่องรุมกรี๊ดแทบทุกคน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

เสาหลักเจ้าหญิง NIYA BNK48
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Forza MilanoLFC Support YNWA
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Apr 2014
ตอบ: 23898
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:37
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
ไม่นับถึงยุค 8 เทพใช่ปะ นับมังกรหยก 1-3 เนาะ ตัดตัวตำนานออกก่อนละกัน หลวงจีนหอไตร กับ ต๊กโกวคิ้วป้ายไม่นับละกัน ตัวยุค แปดเทพตัดออก ผมชอบตามนี้อะ
1.ก๊วยเจ๋ง - ช่วงพีคคิดว่าสู้ได้หมดอยู่นะไม่แพ้ใครในช่วงมังกรหยก 1-3 เก้าอิม 18 ฝ่ามือ +สองมือขัดแย้ง
2.พิษประจิม อาวเอี้ยงฮง - เก้าอิมย้อนกลับ เทพโคตรโหดขิง + มีวิชาพิษอีก ถ้าไม่ติดว่าธาตุไฟเข้าแทรก นี่น่ากลัวสุดละ แต่ถึงบ้าๆบอๆก็ไม่มีใครกดลุงแกลงอยู่ดี
3.เอี้ยก้วย ละกัน จริงๆถ้าพี่แกมีสองแขนนี่ให้ no.1 แบบสบายๆเลย วิชาเทพแบบเกือบสุดทางทั้งสายลมปราณ+สายกระบี่ มีพี่อินทรีเป็นสัตว์เลี้ยงพาหนะเทพทรูอีก
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Sep 2010
ตอบ: 1254
ที่อยู่: here
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:41
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
ถ้าเป็นจักรวาลมังกรหยก จะรวม 8 เทพอสูรมังกรฟ้า ด้วยไหมครับ
ซึ่งในยุค 8 เทพ มันเป็นยุคแรกๆก่อนถึงยุคมังกรหยก กิมย้ง เคยบอกว่าในนิยายยิ่งเวลาผ่านไปนานวิชาต่างๆยิ่งเสื่อมถอย(อ่านมาอีกที) ถ้าเอาเทพจริงๆก็ต้องเอามาจากยุคนี้ Top 3 คงไม่พ้น หลวงจีนกวาดลาน ซีจุ๊ ต้วนอี้

แต่ถ้าเอาเฉพาะมังกรหยก 1-2
ผมให้ จิวแป๊ะทง เบอร์ 1 รายนี้ชอบเล่นไม่ค่อยเอาจริง แต่แค่นี้ก็ไม่มีใครสู้ได้แล้ว
เบอร์ 2 เอี้ยก้วย อายุน้อยแต่พัฒนาเร็ว วิชาหลากหลาย ฉลาด ดวงดีถ้าไม่มี เซียวเหล่งนึ่ง เข้ามากวนใจน่าจะเหนือกว่า กิมลุ้น ได้
เบอร์ 3 กิมลุ้น สำเร็จวิชาที่ไม่มีใครสำเร็จ ตอนท้ายเรื่องถ้าจำไม่ผิด พวกยอดผีมือในยุคนั้นรุมยังเอาไม่ลงเลย

อีกคนที่ชอบเป็นพิเศษก็ อึ้งเอี๊ยะซือ เก่งทุกด้านเลยดูไม่สุดสักด้าน แต่ถ้าสู้บนเกาะดอกท้อ คงติดปีกเหมือน แบทแมน ได้มีเวลาวางแผน
แก้ไขล่าสุดโดย cacalog04 เมื่อ Fri Mar 06, 2020 21:43, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: We're All Made Here
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 42019
ที่อยู่: อย่ารู้เลย..
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:45
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
Hell_Yeah พิมพ์ว่า:
นอกเรื่อง สุดยอดของผม คือตงฟางปุ้ป้าย บูรพาไม่แพ้ บรรลุสุดยอดวิชาทานตะวัน จากกระบี่เย้ยยุทธจักร  

เวอร์ชั่นนี้ลืมไปเลยภาพตงฟางสมัยก่อน สมัยก่อนนี่อย่างเกลียดพอมาเวอร์ชั่นนี้ผมนี่เห็นใจตงฟางขึ้นมาเลยเลย

Spoil
 
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: Francis C.Xavier
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 11216
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:49
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
ท่องยุทธจักร กว่าสามสิบปีพิชิตศัตรู สังหารอริราช วีรบุรุษห้าวหาญ ทั่วทั้งโลกหล้าไร้ผู้ต่อกร สิ้นผู้ทัดเทียม ได้แต่เร้นกายในหุบเขาลึก มีอินทรีเป็นเพื่อน โออนิจจาในชีวิตคิดแสวงหาคู่มือสักคนยังไม่พบพาน นับว่าเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างสุดคณา

...เข้าใจในโลก จึงละทิ้งกระบี่ มีอินทรีเป็นเพื่อน ปล่อยวางทุกสิ่ง สิ้นผู้ทัดเทียม

อันดับ 1 ของผมนะครับท่านนี้
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 22308
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:49
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
popoing พิมพ์ว่า:
Hell_Yeah พิมพ์ว่า:
นอกเรื่อง สุดยอดของผม คือตงฟางปุ้ป้าย บูรพาไม่แพ้ บรรลุสุดยอดวิชาทานตะวัน จากกระบี่เย้ยยุทธจักร  

เวอร์ชั่นนี้ลืมไปเลยภาพตงฟางสมัยก่อน สมัยก่อนนี่อย่างเกลียดพอมาเวอร์ชั่นนี้ผมนี่เห็นใจตงฟางขึ้นมาเลยเลย

Spoil
 
 


ผมว่าตงฟางเก่งมากครับ ลองอ่านที่ผมรวบรวมทัศนะแก้ไขไว้ข้างบนครับ

ส่วนตงฟางผมว่าเวอร์ชั่นหลินชิงเสีย คือตำนานจริงๆ เวอร์ชั่นใหม่ๆผมเฉยๆมาก
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2014
ตอบ: 3853
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:50
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
นับถึงจบเล่ม2นะ
จิวแป๊ะทง
ก๋วยเจ๋ง
เอี้ยก้วย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Oct 2010
ตอบ: 14814
ที่อยู่: ไม่มีที่ไหนนอนสบายเท่าบ้านเราอีกแล้ววววววววว
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:53
ถูกแบนแล้ว
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
ถ้าเอาแค่จักรวาลมังกรหยก1-3

เรื่องสกิลเตียบ่อกี้มาที่1เลย

แต่ถ้าสู้กันแบบจริงจังๆผมให้ก๊วยเจ๋ง

คนนี้ก็คือเฉียวฟงร่างดาวน์เกรดดีๆนี่เอง

ส่วนตัวผมให้ ก๊วยเจ๋ง เอี้ยก้วย เตียบ่อกี้
แก้ไขล่าสุดโดย ไอ้หน้าแมว!! เมื่อ Fri Mar 06, 2020 21:54, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Oct 2010
ตอบ: 12205
ที่อยู่: The Theatre of Dreams
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:59
[RE: ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง]
1.จิวแป๊ะทง
2.ก๊วยเจ๋ง,เอี้ยก้วย
3.เตียบ่อกี้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
He said : "One day you'll leave this world behind.
So live a life you will remember."
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Jan 2009
ตอบ: 3695
ที่อยู่: กาฬสินธุ์ดินดำน่ำซุ่ม
โพสเมื่อ: Fri Mar 06, 2020 21:59
[RE]ยอดฝีมือในจักรวาลมังกรหยก top3 ของแต่ละท่านมีใครบ้าง
อาวเอี้ยงฮง คนบ้าอะไรฝึกตามคำพูดมั่วยังเก่ง

เอี้ยก้วย ก็มันพระเอกอ่ะนะ

บ่อกี้ อันนี้อิจฉา สาวเยอะ 55
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


EMO ONLY
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel