[RE: จับเสมียนทนาย ชักปืนตร.ศาล ยิงสู้พล.ต.ต.ในศาลจันทบุรี ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา]
Archawin5 พิมพ์ว่า:
งั้นก็แสดงว่ากฎหมายตราวิถีปฎิบัติเอาไว้ให้วิ่งหนีตายจากคมกระสุนในทุกๆสถานการณ์
คือวิธีที่ดีที่สุดสินะ จะได้จำไว้ขึ้นใจ เกิดเป็นปชช.ในประเทศนี้มีให้เลือก 2 choices เวลาเกิดเหตุกราดยิง
นั่นคือ Escape Or Die ไม่วิ่งหนีก็ยอมตายตรงนั้นไปเลย ถึงจะไม่ละเมิดกฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งแห่งดินแดนภราดรภาพแห่งนี้
ปล.Key Word Of The Day=Run Forrest Run!
มันก็เป็นการตั้งข้อหาตามหลักสากลนะครับ ส่วนมีเหตุยกเว้นความผิด ยกเว้นโทษ หรือรับโทษน้อยลงมันแล้วแต่กรณีว่ากันไป
ยกตัวอย่าง คดีลุงวิศวะใกล้ๆ เลย ตอนแรกที่มีคนด่ากระจายว่าตั้งข้อหาฆ่าคนโดยเจตนาได้ยังไงวะ สุดท้ายแกไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย
แกเป็นก่อเหตุวิวาท ชวนทะเลาะด้วย ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้ว ถ้าแบบวิวาทกันก่อน อ้างจำเป็น ป้องกัน บันดานโทสะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
คือ ตำรวจเขาก็ทำหน้าที่สืบสวนและสอบสวน ว่าควรสั่งฟ้องไม่สั่งฟ้อง แล้วส่งความเห็นไปให้พนักงานอัยการ อัยการก็มีสิทธิสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง
ถ้าอัยการสั่งไม่ฟ้อง ก็ยังมีขั้นตอนอีก กรณีความผิดเกิดในอำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจ หรือกรณีอื่นๆ ว่าแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการหรือไม่ ถ้าแย้งก็ส่ง อสส ชี้ขาด
นี้คือขั้นตอนคราวๆนะท่าน ส่วนสิทธิผู้ต้องหามีเยอะแยะเลยยิ่งโทษประหารชีวิต ศาลต้องตั้งทนายให้เสมอ ไม่ให้การเป็นปรปักษ์แก่ตนก็ไม่ผิดกฎหมาย
ส่วนกรณีนี้ เขาก็น่าจะสู้แน่ๆและ ว่าป้องกัน แล้วมันต้องพิจารณาอีกว่าป้องกันเกินกว่าเหตุ หรือเกินกว่ากรณีจำเป็นเพื่อป้องกันหรือไม่
เพราะกระสุน 6 นัด ยิงตอบโต้ลักษณะยังไง คือยิงตอบโต้ไม่ทันคิด พฤติการณ์ต่างๆ หรือกรณี ผู้ก่อเหตุล้มลงแล้วต่อสู้ไม่ได้แล้ว แล้วยังไปยิงซ้ำอีกกรณีนี้มันจะไปเกินกว่าเหตุ
ส่วน ต้องหนีก่อนกระทำความผิด มันมีในเรื่องของจำเป็น ไม่ใช่ป้องกัน และไม่ได้กระทำต่อผู้ก่อภัย
มันต้องดูเป็นคดีๆไป คดีนี้ผมก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องของพนักงานสวบสวนรวมรวมพยานหลักฐาน เราไม่เห็นหลักฐานเราจะไปกล่าวล่าวงไม่ได้หรอก
คือที่ต้องตั้งคำถามสุด คือ พนักงานรักษาความปลอดภัย ปล่อยพกปืนเข้าไปได้อย่างไร