>ใบตองแห้ง

อ.ครุศาสตร์ จุฬาฯ บอกว่าจะไม่มีการจัดสอบครูอีกจนปี 64 ซึ่งเด็กจบใหม่ 3 ปี 1 แสนคนจะต้องตกค้าง ไปแย่งกันสอบตอนนั้น ฟังข่าวแล้วโคตรสงสาร มันเป็นการผลิตคนโดยไม่มีการวางแผน มีหวังได้เห็นเด็กจบครูขี่แกร็บ ขายหมาล่า ถ้าขายของออนไลน์ได้ก็โชคดีไป แต่มีสักกี่คน ที่แก่งแย่งแข่งขันไหว

ครูต้องลดลง ใช่เลย เพราะเด็กลด เพราะต้องยุบโรงเรียนขนาดเล็ก ว่ากันตามความเป็นจริง ทุกวันนี้ อัตรากำลังครูก็ล้นเกินจำนวนเด็ก งบ ศธ.ส่วนใหญ่กลายเป็นเงินเดือนครู ถ้าหารกันตรงๆ เราอาจจะมีครู 1 คนต่อเด็กไม่ถึง 20 คน แต่มีปัญหาการเกลี่ยนคนทำให้ลงตัวยาก โรงเรียนเล็กต้องมี ผอ.1 คน ครู 6 ชั้น (บางทีก็ไม่ถึง) ขณะที่โรงเรียนใหญ่ เด็กห้องละ 50 คน ยัดเข้าไป การยุบโรงเรียนเล็กจึงจำเป็น

แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือปัญหาหัวโต ตัวลีบ ตำแหน่งผู้บริหารแม่-เยอะเกิน เมื่อเทียบกับอัตราครูผู้สอน ปฏิรูปการศึกษาปี 42 แบ่งกระทรวงศึกษาเป็น 5 แท่ง แต่ละแท่งก็เป็นซี 11 เหมือนเพิ่มปลัดกระทรวงมา 5 คน สพฐ.กระจายอำนาจให้เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งก็มีปัญหาแหละ กระจายอำนาจประเทศไทยแม่-กลายเป็นสถาปนาขุนนาง ยิ่งกระทรวงศึกษาที่เป็นแดนสนธยาวัฒนธรรมล้าหลัง พอยุค คสช.เข้ามา แม่-ก็มองว่าไม่มีประสิทธิภาพ ถอยหลังไปใช้ระบบบังคับบัญชารวมศูนย์แบบทหารดีกว่า คือในกระทรวงก็กลับมาขึ้นกับปลัด ในจังหวัดก็มีศึกษาธิการจังหวัด ขึ้นกับปลัด แต่ในจังหวัดขึ้นกับผู้ว่าฯ มีศึกษาธิการภาคอีกต่างหาก ขึ้นกับปลัด แต่ในโครงสร้าง กอ.รมน.ก็ขึ้นกับแม่ทัพภาค อำนาจตั้งย้ายบรรจุครูก็มาอยู่ที่ ศธจ. แต่เขตพื้นที่ยังอยู่ เป็นคนดูแลโรงเรียนแต่ไม่มีอำนาจย้ายครู จนเป็นดรามาทะเลาะกัน วันก่อนฟังเลขา สพฐ.พูดก็บอกว่ามีเหมือนกันที่เป็น ศธจ.แล้วกร่างใส่เพื่อน

ปัญหามันไม่ใช่แค่แย่งอำนาจกัน แต่มันเพิ่มตำแหน่งผู้บริหาร เพิ่มเงินเดือน เพิ่มข้าราชการประจำสำนักงาน ศธจ.ศธภ.ไม่ได้มีคนเดียว ต้องมีลูกน้อง มีสำนักงาน มีงบสร้างสำนักงาน ซื้อข้าวของเครื่องใช้ ซื้อรถตู้ เอามาจากไหนล่ะ ก็แย่งงบที่จะลงโรงเรียนไง อัตราข้าราชการก็แย่งมาจากอัตราครูที่จะลงโรงเรียน เช่นมีครูเกษียณ 2 หมื่น ก็แบ่งอัตราไปให้ ศธจ. 5 พัน เหลือลงโรงเรียน 1.5 หมื่น ปัจจุบันโรงเรียนก็เลยมี 2 นายคือเขตพื้นที่กับศึกษาธิการจังหวัด ที่แต่ละแห่งก็มีฝ่ายบริหารฝ่ายธุรการอะไรต่างๆทับซ้อนกันเปลืองงบ

ปัญหาของ ศธ.จริงๆ ก็คือโครงสร้างแบบนี้ ถ้าไม่สะสางโครงสร้าง ถมงบประมาณลงไปเท่าไหร่ คุณภาพการศึกษาก็ไม่ดีขึ้น (ทัศนะล้าหลังแบบให้เด็กท่องอาขยานยิ่งไม่ต้องพูดถึง) ซึ่งในยุคประยุทธ์ ยุครัฐมนตรีนกหวีด การรื้อโครงสร้างไม่มีทางเกิดขึ้น มีแต่หางบมาปะผุกันไปเรื่อยๆ กับพยายามวางหลักสูตรล้างสมองเด็กให้โตมาเป็นอภิรัชต์

ผมนี่หลังจากฝึกสอนไม่คิดสอบบรรจุเลย ทนความเหม็นเน่าในระบบราชการข้างในไม่ไหว

ทำไงได้ครับในเมื่อหัวกระทรวงไม่เคยที่จะมีครูหรือคนจบครูมาบริหารจริงๆซักที เขาจะไปเข้าใจบริบทของแต่ละโรงเรียน ความจำเป็น ความต้องการของครูได้ยังไง ผมอยากให้คนที่จะมาเป็น รมต ศธ ถ้าไม่เป็นครูก้ต้องไปฝึกสอนไปอยู่ รร ซักปีนึง เพราะขนาดคนจะเป็นครูยังต้องฝึกสอนเลย การสอบบรรจุนี่เหมือนวัดดวงแต่ละปีเลย วัดดวงตั้งแต่จะเปิดสอบมั้ย เปิดกี่อัตรา ถ้าขึ้นบัญชีได้จะเรียกมั้ย เรียกตอนไหน ถ้าเรียกแล้วจะได้เลือกโรงเรียนมั้ย ได้ไปอยู่ที่ไหน ทุกอย่างมันดูฝากไว้กับอะไรด็ไม่รู้เป็นตัวแปรที่เราควบคุมไม่ได้ ผมเองตอนเรียนจบที่กรุงเทพไม่เปิดเลยไปสอบเล่นที่นครปฐม และจนถึงวันนี้ยังรอวันย้ายกลับกรุงเทพอยู่เลย

ปล ไม่ได้พูดในมุมการเมืองนะครับ พูดในมุมผู้ตามและผู้รับนโยบายเฉยๆ

ผมนี่หลังจากฝึกสอนไม่คิดสอบบรรจุเลย ทนความเหม็นเน่าในระบบราชการข้างในไม่ไหว

อยากให้รับพอดีๆอ่ะ ในระดับที่จบมาแล้วตำแหน่งเพียงพอ เหมือนหมอ

ไม่ต้องสอบบรรจุแย่งกัน

เห็นเพื่อนสองคนมันอุตส่าห์เตรียมตัวอ่านสอบบรรจุกันแทบเป็นแทบตายสรุปไม่มีเปิดสอบซะงั้น ตอนนี้ก็นอนตีพุงอยู่บ้านเหมือนเดิม

ปัญหาคือการจัดการระบบอย่างที่ท่านว่าแหละครับ ช่วง2-3 ปีนี้ครูจะเกษียณเยอะมาก แต่ไม่มีมาตรการรองรับอะไรเลย มัวแต่วัวหายล้อมคอก แถมตอน คสช. มาก็ตั้งศธจ.มาซ้ำซ้อนกันอีก ประกันนู่น มาตรฐานนี่ ครูเลยดูแลเด็กไม่เต็มที่ แถมเด็กอ่านเขียนไม่ได้ สอบตกก็ต้องเข็นให้ผ่านเลย เดี๋ยวมาตรฐานโรงเรียนไม่ดี การศึกษาไทยก็เลยล้าหลังต่อไป

ทำไงได้ครับในเมื่อหัวกระทรวงไม่เคยที่จะมีครูหรือคนจบครูมาบริหารจริงๆซักที เขาจะไปเข้าใจบริบทของแต่ละโรงเรียน ความจำเป็น ความต้องการของครูได้ยังไง ผมอยากให้คนที่จะมาเป็น รมต ศธ ถ้าไม่เป็นครูก้ต้องไปฝึกสอนไปอยู่ รร ซักปีนึง เพราะขนาดคนจะเป็นครูยังต้องฝึกสอนเลย การสอบบรรจุนี่เหมือนวัดดวงแต่ละปีเลย วัดดวงตั้งแต่จะเปิดสอบมั้ย เปิดกี่อัตรา ถ้าขึ้นบัญชีได้จะเรียกมั้ย เรียกตอนไหน ถ้าเรียกแล้วจะได้เลือกโรงเรียนมั้ย ได้ไปอยู่ที่ไหน ทุกอย่างมันดูฝากไว้กับอะไรด็ไม่รู้เป็นตัวแปรที่เราควบคุมไม่ได้ ผมเองตอนเรียนจบที่กรุงเทพไม่เปิดเลยไปสอบเล่นที่นครปฐม และจนถึงวันนี้ยังรอวันย้ายกลับกรุงเทพอยู่เลย

ปล ไม่ได้พูดในมุมการเมืองนะครับ พูดในมุมผู้ตามและผู้รับนโยบายเฉยๆ

ครูเยอะ แต่ที่มีประสิทธิภาพอะ มีน้อย

ดีนะที่ผมบรรจุได้ก่อน
ปัญหามันเริ่มออกจากพรมมาสักพักระ เเต่พึ่งเริ่มเเก้
1.คนเรียนครูมากเกินไป มีเเต่ปริมาณ ไม่มีคุณภาพ แต่ก่อนวิชาเอกระ40-100คน
ปัจจุบันกำหนดโควต้าวิชาเอกระ30คน แต่คนเก่าๆที่ค้างไว้ก็เยอะอยู่ดี
2.จำนวนนักเรียนลดลง ครู1คน นักเรียน20คน
สมมุติ รร.บ้านยาวมาก นักเรียน400คน รร.นี้จะได้โควต้าครู 20 คน
3.ปัญหาขาดเเคลน เกิดจากครูสุดท้ายย้ายเข้าเมือง ย้ายหรือที่มีอยู่ก่อนวิชาเอกซ้ำกันอีก
เช่น รร.นี้ได้โควต้าครู 20 คน เเต่วิชาเอกการงาน 8 คน การกระจายไปเอกอื่นเลยน้อย
การงานก็ไปสอนคณิตไม่ได้ เป็นต้น
4.การล๊อคตำเเหน่งย้าย ไม่ยอมเปิดตำเเหน่งให้ทั้งๆที่ว่าง เพราะเก็บเงินย้าย

ทั้งหมดทั้งมวลผมไม่มีหลักฐานไรนะ เเค่สมมุติขึ้น

ถามนิดนึงครับ คนเรียนครูมาเเล้วไม่มีเปิดสอบ
เขาไปทำอะไรกันบ้างอะครับ

คุณภาพการศึกษาไม่ดีขึ้น ต้องถามว่าคณะศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ ได้เด็กที่มี potential เข้าไปเรียนไปศึกษาบ้างไหม

หรือว่าได้แต่เด็กชั้นหางกะทิไปเรียน เพราะว่าคะแนนไม่ติดคณะอื่น จนผลผลิตออกมาได้ระดับที่แหกปากดราม่าว่าคะแนน toeic 400 สูงเกินไปจนเป็นเรื่องเป็นราวในโครงการครูคืนถิ่น

ใบตองแห้งเขียนคอลัมน์หนังสือพิมพ์มาหลายสิบปี เพิ่งจะมาเมตตาแขวะปัญหากระทรวงศึกษาเหรอ จริงๆอยากด่ารัฐบาลมากกว่ามั้ง เรื่องกระทรวงแค่กิมมิค

ติวเตอร์ พนักงานออฟฟิศ ขับแกร้บ ขายลูกชิ้น ครูเอกชน จริง ๆ ก็ทำได้หลายอาชีพนั่นแหละครับ

ถึงว่าคัดค้านไม่ให้คนมีวุฒิอื่นมาสอบครู ถ้ารวมคนมีวุฒิอื่นมาสอบอีกนี่

ผมจบมาก็ไม่คิดจะสมัครเลย เพราะตอนนั้นเป็นครูอัตราจ้าง ผมคิดว่ามันไม่แน่นอนเลยไม่คิดที่จะเป็นเลย

คิดง่ายๆ คนเรียนเก่งจริงๆส่วนมาก ถ้าเค้าต้องเลือกคณะ เค้าจะเลือกคณะอะไร

เป็นอีกเรื่องที่ควรต้องแก้ด้วย

สมมติเด็กผู้ชายในประเทศส่วนมาก

ม.3 - ม.5 คนเก่งส่วนมาก สอบเตรียมทหาร นร.นายสิบเหล่าต่างๆ

จบ ม.6 คนเก่งส่วนมาก แพทย์ - ทันตะ - เภสัช / วิศวะ / สถาปนิก / บัญชี /

นิติ - รัฐศาสตร์

ผมวัดแต่ความรู้ ความสามารถนะ ไม่ได้วัดทัศนคติ เพราะมันเป็นอะไรที่วัดและจับต้องได้ยาก

ความเหม็นเน่าภายในเยอะ