ที่มาข่าว : The momentum



ล่าสุดในวันเสาร์ที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมันได้ออกประกาศเตือนชาวยิวให้ระวังอันตรายที่อาจจะเกิดจากการสวมหมวก kippah ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมยิว เมื่ออาจจะต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมของกลุ่มต่อต้านยิว


ด้าน Claudia Vanoni ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายลัทธิต่อต้านชาวยิวในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี กล่าวถึงปัญหาที่ยังคงฝังรากลึกในสังคมเยอรมันว่า “การต่อต้านยิวอยู่ที่นี่มาโดยตลอดไม่เคยหายไปไหน แต่ครั้งล่าสุดนี้มันกลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ดังมากขึ้น ก้าวร้าวมากขึ้น และฉาวโฉ่ชัดเจน”



คือจริงๆก็แนะนำให้ไปอ่านข่าวเต็มครับ

แต่ที่ผมอยากจะบอกคือ แม้แต่ในประเทศที่เราถือว่าเจริญแล้วอย่างเยอรมัน

ก็ยังมีเรื่องเหล่านี้แฝงอยู่เสมอ ทำให้ผมกลับมานึกถึงบ้านเราเรื่องเหตุข่มขืนนั่นแหละครับ

อ่านไม่ผิดครับ เรื่องข่มขืนนั่นแหละ

ทุกๆทีที่อ่านข่าว คนส่วนใหญ่ใน SSอย่างเราๆก็จะเตือนเสมอ ให้ระวังพื้นที่เสี่ยงภัย อัตราย หรือแม้กระทั่งระมัดระวังในการแต่งตัว

แต่มันก็จะมีเฟมินิส นักสิทธิสตรีออกมากันให้พรึ่บ พร้อมกับประโยคเท่ห์ๆ ว่า

"อย่าสอนให้เราแต่งตัว แต่ให้ไปสอนผู้ชายให้ไม่รังแกผู้หญิง" อะไรแนวๆนี้

หรือว่า "มันเป็นเสรีภาพในการแต่งกาย ฉันจะแต่งยังไงก็ได้ ไม่มีสิทธิ์มาข่มขืน"

เอออออ... คือมันก็ถูกไง ถูกนั่นแหละ แต่ว่ามันเป็นหลักการของนักปรัชญา อุดมคติ ซึ่งในทางปฏิบัติ คนเรามันไม่ได้มีเลเวลเดียวกันไง มันไม่ได้เข้าใจในหลักการพื้นฐานของเสรีภาพ หรือสิทธิของผู้อื่น ผมนี้เวลามันเหงียน หาที่ลงไม่ได้ มันก็ต้องเลือกเหยื่อที่กระตุ้นมันอยู่แล้ว

อ่านข่าวนี้เลยรู้สึกว่า อยากให้ดูประเทศอย่างเยอรมันเลย ที่ยังออกมาเตือนถึงการป้องกันภัย หรือการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุ โดยเริ่มจากตัวเองก่อนเลย

ไม่ต้องไปอ้างสิทธิ์อะไรหรอก เรื่องพวกนี้สุดท้ายเวลาเกิดเหตุการขึ้นมา มันไม่ได้คุ้มกันเลย


ขอบ่นๆ ระบายๆแค่นี้แล้วกันครับ

แต่เหมือนเค้าจะบอกว่า ในเหยื่อที่โดนข่มขืน มักจะไม่ใช่คนที่แต่งยั่วยวน แต่เป็นลักษณะแต่งชุดธรรมดา

เลยมองว่าการแต่งกายอาจจะไม่ใช่ปัจจัยในการทำให้คนข่มขืนคนนั้น แต่ถ้ากระตุ้นให้ออกไปข่มขืน ไม่แน่ใจ เพราะสื่อหรือsocial mediaตอนนี้ เข้าถึงง่ายอยู่ ผมว่าก้ควรดูแลที่สื่อมั้ย กระแสมันมายังไง คนก้แต่งแบบนั้นนะ

มันเคยมีนิทรรศการ​เหยื่อที่โดนส่วนมากคือแต่งตัวมิดชิดนะครับ

ใช่ครับ

แต่ผมมองว่าไอ้คนแต่งยั่วๆอ่ะ มันอาจจะไม่หวยออกที่คนยั่วอะครับ

ไอ้คนที่ก่อเหตุข่มขืน มันอาจจะเจอยั่วๆมาแล้ว คน สองคน แล้วจังหวะมันได้ คนซวยคือคนที่ 3 ที่ผ่านมา โดยไม่ต้องมี factor เรื่องการแต่งตัวเลยครับ

ผมถึงมองว่า ยังไงการแต่งการก็กระตุ้นจริงๆ เพียงแต่เคราะห์กรรมจะไปลงคนไหนเท่านั้นเอง

เรื่องข่มขืน เค้ามีการศึกษามาแล้วนี่ว่าส่วนใหญ่เกิดจากคนใกล้ชิดในครอบครัว แบบพ่อเลี้ยง ลุงป้าน้าอา เพื่อนบ้าน อะไรพวกนี้

แล้วตรรกะท่านก็พังมาก เค้าผิดที่แต่งตัว หวยเลยไปลงที่คนอื่น? แล้วผช.เลวไม่โทษมันบ้างเหรอ

คนเค้าจะแต่งตัวยังไงก็ตัวเค้าอะ ประเด็นที่ควรชูคือคนละเมิดคนอื่นมันเลว ไม่ใช่คนแต่งตัวผิดเลยโดน

เอาจริงๆ(จากข้อมูล)ผมเห็นด้วยกับพวกเฟมินิสระดับนึงนะที่บอกว่าผช.ควรควบคุมตัวเอง

แต่!!! เรื่องแบบนี้ผมว่ากันไว้ดีกว่าแก้นะ เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงๆไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย

ผมไม่ได้เบลมเหยื่อและรู้สึกว่าการเบลมเหยื่อมันไม่ถูกต้องด้วย

แต่อะไรที่รู้สึกว่ามันอาจจะลดเปอร์เซนต์การเกิดการข่มขืนขึ้นได้และไม่เหลือบ่ากว่าแรง ส่วนตัวผมคิดว่าควรทำนะ

ไม่ใช่แค่การแต่งตัวนะ การเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการเสี่ยงหรือสถานที่เสี่ยงด้วยเช่นกัน

อ่านไม่แตก ทำไมต้องว่ากันด้วย

ลองไปอ่านดีๆครับ เม้นท์ข้างล่างท่านยังเข้าใจเลย

ลองอ่านใหม่ดีๆนะครับ ถ้าไม่เข้าใจบอกผมนะ เดี๋ยวสรุปให้ใหม่

อีกประการหนึ่ง ขอดู "ผลการศึกษา" ที่ท่านอ้างด้วยครับ ที่ว่ามาจากคนรอบตัว สัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ มันเป็นการ"ล่วงละเมิด" หรือ "ข่มขืน" เอาให้ดีๆ พูดลอยๆไม่เอานะ

ผมไม่ชอบพวกยอมหักไม่ยอมงอเลย

ถ้าลูกหรือคนที่ผมสามารถสั่งได้มีความคิดแบบนั้น ผมจะต้องสั่งสอนจนกว่าจะเปลี่ยนความคิด

เพราะทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอดมาจนถึงวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีการปรับตัวได้ทั้งนั้น

เห็นด้วยตรงที่ว่าคำพูดแนวๆ ถ้าคนมันจะดี ยังไงก็ไม่มีวันทำ ไม่มีประโยชน์จริงๆครับ

ถ้าได้เห็นสังคมที่เกิดขึ้นจริงๆในชีวิตทุกๆวัน

ยังไงก็จะเห็นเลยว่า สิ่งเร้าต่างๆมันเป็นตัวเพิ่มเปอเซ็นต์การก่อเหตุอาชญากรรมอย่างมหาศาล

ในระดับที่ไม่มีทางป้องกันได้เลย เราควรมุ่งจุดสนใจไปยัง

การจำกัดการเกิดโอกาสให้เกิดขึ้นน้อยสุด ถูกต้องแล้ว

มนุษย์เราทุกคน ผมกล้าพูดเลย มันไม่มีใครขาวสุด หรือ ดำสุด ทั้งนั้น

มันก็เทาอ่อนๆเข้มๆกันทุกคน แต่สิ่งเร้าจะเป็นตัวผลัก ให้มันออกขาวหรือดำ ในที่สุดเนี่ยแหละ

ผมเห็นด้วยครับ คนเราระดับความคิด ระดับสัญชาติญาณแตกต่างกัน หากช่วยกันทั้งสองด้าน (คนหื่นควบคุมตัวเองได้ หาทางระบายออกอย่างสันติ) ส่วนคนอื่นก็ช่วยกันแต่งให้ลดน้อยลง ก็น่าจะทำให้ดีขึ้นได้นะ

ที่ท่านเตือนให้ระวังอะ เข้าใจ มันเหมือนคนใส่สร้อยทองไปเดินในดงโจร
แต่ท่านบอกว่า คนแต่งตัว -> ผช.เกิดอารมณ์ -> ไปลงกะคนอื่น คนแต่งตัวผิด? อันนี้ตรรกะไม่พังเหรอ?

แล้วเอาจริงๆ คนที่เค้าแต่งตัวเค้ารู้มั้ยว่ามันดึงความสนใจ ก็รู้กันอยู่แล้ว แต่บางอย่างอาจจะเป็นแฟชั่น เป็นเทรนด์ อะไรก็ว่าไป แต่หลังเกิดเรื่องอะ มันควรจะเบลมเหยื่อหรือคนร้ายมั้ย คือมันเป็นการ เค้าเรียกอะไรนะ เปลี่ยนความคิดคนในสังคมผ่านการ blaming อย่างนึงนะ

ผลการศึกษามีเป็นล้าน ทั่วโลกเค้าทำเปเปอร์แนวนี้ให้พรึ่บ

ตัวอย่างไปอ่านเองเด้อ

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15520939
https://journals.sagepub.com/doi/10.1111/j.1471-6402.1988.tb00924.x
https://www.jstor.org/stable/4141763?seq=1#page_scan_tab_contents

ผมว่ามันคนละเรื่องกัน
ไอ้เรื่องเกิดอารมณ์
กับกลุ่มคนที่ขัดแย้งกัน

horseshoe theory?

อันนี้เห็นด้วย จบสบายๆ ว่าไม่ได้ห้าม แต่เตือนแล้วนะ

ผมก็เห็นด้วยกับที่บอกไม่ควรโทษคนแต่งโป๊นะ และผมก็เชื่อว่าคนที่บอกว่าอย่าแต่งโป๊เค้าไม่ได้ห้ามเพราะคิดว่าเป็นความผิดของคนแต่งโป๊หรอก ก็เข้าใจว่ามันเป็นสิทธิ อยากแต่งอะไรก็เป็นสิทธิของคุณ ไม่มีใครมีสิทธิไปข่มขืน

แต่ไอคนข่มขืนมันไม่สนหรอกว่ามันมีสิทธิ์มั้ย เหมือนเราพยามใช้เหตุผลกับคนที่ไม่สนเหตุผลอะ

บ้างก็จะบอกว่า คนใส่มืดชิดยังโดนเลยก็มี ผมก็เห็นด้วย ว่ามันไม่ใช่การป้องกันที่สมบูรณ์แบบ แต่อย่างน้อยมันก็ลดความเสี่ยง เห็นคนไม่สูบบุหรี่แต่เป็นมะเร็งปอด แล้วยกมาบอกว่า เห็นมั้ยคนไม่สูบมันยังเป็นเลย กุสูบดีกว่า

เคยอ่านรายงานอยู่ว่า เสื้อผ้าไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกับเหตุจูงใจในการข่มขืน
(ถึงแม้ว่าบางรายงานจะขาดข้อมูลเชิงสถิติ ยกตัวอย่างเช่น เอากรณีที่เหยื่อใส่เสื้อผ้ามิดชิด แต่โดนข่มขืน มาให้เห็นว่าเสื้อผ้าไม่เกี่ยว แต่ก็ไม่ได้เอาเคสที่แต่งโป๊มาเทียบ ซึ่งมันก็มีจุดบอดตรงที่ ถ้าคนทำรายงานนี้ มีธงในใจอยู่แล้วว่า เสื้อผ้าไม่เกี่ยว คนทำรายงานก็จะหยิบแค่เหยื่อที่ใส่เสื้อผ้ามิดชิดมาแสดง เพื่อให้คนเชื่อตามธงตนเอง)

แต่คนในสังคมก็มีหลายๆคนที่เชื่อว่าเกี่ยวอยู่ดี ไม่ต้องดูไกลที่ไหน ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรานี่แหละ ที่ไปโทษฝรั่งในคดีข่มขืน บอกว่าอย่าแต่งโป๊สิ

แสดงว่าความคิดนี้มันก็ยังมีอยู่ แล้วถ้าเกิดว่า คนลงมือก่อเหตุเค้ามีความคิดนี้ คุณคิดหรอว่าชุดมันจะไม่มีผล แต่ก็ย้อนกลับไปตอนต้น การที่ผมคิดว่าชุดมีผล มันไม่เท่ากับผมบอกว่าเป็นความผิดของเหยื่อ

แต่เอาละมันก็มีคนคิดจริงๆแหละว่าเป็นความผิดของคนแต่งโป๊ ประมาณว่าก็แต่งเองทำไม อะไรแบบนั้น ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่เห็นด้วย มันไม่ใช่ความผิดของคนแต่ง แต่ถ้าผมมีลูกสาว ผมก็ไม่อยากให้แต่งอยู่ดี ไม่ใช่เพราะคิดว่าลูกสาวผิด แต่เพราะมันช่วยลดความเสี่ยง