ข้อดี ข้อเสีย ต่างกันแบบไหน

บ้าน/คอนโด ดอกเบี้ยแพงครับ ถ้ามีเงินซื้อสดจบถูกกว่าเยอะมาก
แต่หากต้องหมุนเงินทำธุรกิจ ขอดอกพิเศษ 3 ปีแรก แล้วค่อยๆโป๊ะก็ได้

ถ้าถามว่าดอกแพงแค่ไหน ถ้าซื้อบ้าน 4 ล้านผ่อน 30 ปี โดนดอกรวมทั้งโครงการอาจจะจ่ายรวมถึง 7-8 ล้านได้เลยครับ
ดังนั้นถ้าเงินเยอะๆเย็นๆ ก็ซื้อสดถูกกว่า แล้วแต่การบริหารเงินของท่านว่าจะ เผื่อไว้ลงทุนหรือเปล่า

ซื้อสดของเสื่อมเลย ใช้ประโยชน์ไม่ได้เต็มที่ตามเงินที่เสียไป เสียโอกาสเอาเงินไปทำอย่างอื่น

ซื้อผ่อนแพงกว่า

ถ้ามีเงินพอซื้อสดก็ซื้อสด

ยกเว้นว่าจะมีช่องทางการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเยอะกว่าดอกเบี้ยบ้าน

ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านรวมๆแล้วแพงกว่าเงินต้นอีกนะครับ สูงมากยิ่งผ่อนนานๆยิ่งสูง

เงินผ่อน เสียดอกเบี้ย

เงินสด ไม่เสียดอกเบี้ย


ท่านมีเงินสด ท่านก็ซื้อสดไปซิครับ จะเอาดอกเบี้ยไปให้แบงค์ทำไมล่ะ

ท่านที่คิดว่าดอกแพง หรือท่วมต้นนั้น ลองคิดดีๆ นะครับ เข้า excel ดูก็ได้ครับ ดอกเบี้ยบ้านมันลดต้นลดดอก ถ้าจ่ายตามกำหนด ไม่รีไฟแนซ์เลย ไม่โปะเลย และดอกเบี้ยไม่ขึ้นเลยตลอดสัญญา จะจ่ายจริงๆ ประมาณ 22-23 ปี และดอกราวๆ 70% ของยอดเต็มครับ ซึ่งถือว่าไม่แพงมากนะกับเวลา 20 กว่าปี และถ้ามีการโปะหรือรีไฟแนนซ์ก็จะสั้นลงอีก (ถ้าดอกขึ้นก็จะนานกว่าเดิม) ถ้าท่านไม่ได้มีการลงทุนที่ได้กำไรเกินปีละ 5% และมีเงินสดพอ แนะนำให้จ่ายสดครับ แต่ถ้ามีทางทำกำไรมากกว่านั้น หรือการซื้อสดทำลายสภาพคล่อง ก็กู้เอา และโปะบ่อยๆ ครับ

มันต้องดูว่าท่านกู้เท่าไร

ดอกเบี้ยเท่าไร (เดี๋ยวนี้โปรฯเฉลี่ยสามปีอยู่ที่ 3%-4% ต่อปี หมดแล้วก็หารีไฟแนนซ์ได้)

อันนี้เป็นประเด็นแรก

ต่อมา ท่านมีช่องทางการลงทุนมั้ย ที่จะเอาเงินหลักล้าน(หรือหลายล้าน)ไปลงทุนแล้วได้กำไรกลับมา มากกว่า 5%-7% ต่อปี ขึ้นไป

อีกเรื่องหนึ่ง ดอกเบี้ยบ้านสามารถลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาทต่อปี ด้วยนะ

หรือ ถ้าท่านไม่อยากเสียดอกเบี้ยมากๆ และก็ไม่รู้จะเอาเงินไปลงทุนอะไร จริงๆถ้าท่านจะซื้อแบบผ่อน ก็เลือกผ่อนยาวที่สุดแล้วโปะต้นทุกเดือน เช่น ธนาคารกำหนดว่าต้องจ่ายขั้นต่ำ 10000 บาทต่อเดือน (สมมติว่าเป็นเงินต้น6000 ดอก4000) ท่านก็จ่าย 20000 บาทต่อเดือน เท่ากับว่า ท่านจ่ายต้นเดือนละ 16000 บาท ดอก 4000 บาท

มันก็จะหมดเร็วขึ้น เสียดอกเบี้ยน้อยลง เดี๋ยวนี้มีตารางเอกเซล ใส่ดอกเบี้ย ใส่เงินต้น ใส่เงินที่จ่าย คำนวนให้เสร็จสรรพครับ เงินต้นลดเดือนละเท่าไร ดอกเบี้ยเดือนละเท่าไร ฯลฯ

ตามข้างบนเลยครับ
สด vs ผ่อน มันก็เท่ากับ เงินเย็น vs ธุระกิจ
คำนวนดีๆ การผ่อนมีประโยชน์ครับ

ดอกเบี้ยบ้านโปรมันจะประมาณ 3% ไม่มีเงินกู้ที่ไหนถูกกว่านี้แล้วครับ

แต่ถ้าเงินเหลือๆ ก็อย่าไปเสียดอกเลยครับ คำนวนไปคำนวนมา แทบจะสองเท่าของราคาบ้าน

อย่าคิดถึงแต่ดอกเบี้ยครับ ส่วนตัวผมถ้ามีรายได้ที่ผ่อนไหวกับบ้านที่เราอยากได้ ให้ซื้อเลย เพราะถ้ารอเงินจนครบ ก็อาจจะไม่ได้บ้านที่ชอบ หรือทำเลที่ชอบ แล้วระหว่างที่เราผ่อน มูลค่าที่ดิน หรือมูลค่าบ้านมันก็ขึ้นครับ ถ้าทำเลดีๆ กำไรมากกว่าเสียดอกอีกนะ

ฝากกราฟให้ดูครับ กรณีดอกเบี้ย 5% ไม่รีไฟแนนซ์เลย เงินต้น 1 ล้าน ผ่อนเดือนละ 7500 (ธนาคารผมให้ผ่อนยอดประมาณนี้ตอนกู้) จะจบที่ไม่ถึง 1.5 ล้าน และใช้เวลาประมาณ 16 ปีกว่าๆ เองครับ



ลองไปกดๆ เล่นดูก็ได้ จะได้ประมาณถูกว่าจะเสียดอกเท่าไร และจะคุ้มไหมถ้าเอาไปทำอย่างอื่นครับ

http://www.thaiinterest.com/home-loan/calculator.aspx

ถ้ามีเงินก้อน ผมเอาลงทุนดีกว่าซื้อบ้าน/คอนโด

ตอนนี้ดอกเบี้ยบ้าน/คอนโดไม่ได้แพงเหมือนแต่ก่อน 2.85-3% 3 ปีแรก รีไฟแนนซ์​เรื่อย ๆ ยังไงก็คุ้ม

แต่มันแล้วแต่คนมั้งครับ

ซื้อสดไม่เสียดอก ซื้อผ่อนเสียดอกครับ ข้อแตกต่างข้อเดียวของสดกับผ่อนเลย

ถ้ามีเงิน 6 ล้าน ซื้อบ้าน 3 ล้านผมกู้ครับ

ส่วนตัวถ้าผมซื้อบ้านหลังละ 3ล้าน ผมต้องมีเงินในบัญชีมากกว่า 10ล้านอ่ะถึงกล้าซื้อสด

เพราะกูธนาคารเสียดอกเบี้ยจริง แต่มันสามารถเอาเงินไปทำอย่างอื่นในระหว่างระยะเวลา 10-20 ปีได้ อย่างเช่น ผ่อนบ้าน ไป3ปี มีช่องทางทำธุระกิจ ใช้เงินลงทุน5ล้าน แต่ท่านเอาเงินไปซื้อบ้าน3ล้านแล้วหล่ะ เงินไม่พอทำไง สุดท้ายก็ต้องเอาบ้านไปจำนองอยู่ดี (อันนี้สมมุตรง่ายๆนะครับไม่ได้คิดปัจจัยรายรับหรืออะไรต่างๆ) ประมาณนี้ครับ

ถ้าพร้อมก็จัดสดๆไปเลยครับ
ฟีลลิ่งมันรู้สึกดีกว่าจริงๆ