พอดีเมื่อเช้ามีการลงข่าวเฮสกีย์ กล่าวเทียบระหว่าง ฟานไดจ์ กับ คาราเกอร์ หลายคอมเมนท์ดูแคลนคาราเกอร์เหลือเกิน เลยมีอารมฌ์อยากออกมาปกป้อง เพราะสำหรับผมคาร่าหลังจากมาเล่นกองหลังตัวกลางคือกองหลังที่ไว้ใจได้ที่สุด นับจากคาร่าแขวนสตั๊ดแล้วยังไม่มีกองหลังคนไหนที่อุ่นใจ จนกระทั่งการมาของกองหลังที่แพงที่สุดในโลกอย่างฟานไดจ์ บทความอาจยาวหน่อย ขออภัยท่านที่โควต้า 8 บรรทัดหมดแล้วด้วยครับ
เมื่อนึกถึง เจมี่ คาราเกอร์ คุณอาจนึกถึง....
จอมทำเข้าประตูตัวเอง.....
เมื่อไรที่มีรูปของเจมี่ คาราเกอร์ ผุดขึ้นมาในโลกโซเชี่ยลส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่สถานที่ของแฟนบอลหงส์แดงเราก็จะได้ยินคอมเมนท์ประมาณนี้
นี่ไงกองหลังจอมถล่มประตู(ตัวเอง)
เจมี่ คาราเกอร์ ตำนานหงส์ 508นัดยิงได้12ประตู ยิงประตูคู่แข่ง 5 ประตู ยิงประตูตัวเอง 7 ประตู 555
เป็นกองหลังตัวอันตราย.......ต่อทีมตัวเอง
ถ้าจะเทียบชั้นได้ต้อง OG เยอะกว่านี้ก่อนครับ 555555
เหล่านี้เป็นความเห็นที่ผมไม่ได้เขียนเองเลยครับไปก็อปมาจากคอมเมนท์จริงๆทั้งนั้น
แต่แน่นอนที่สุดว่าแค่คำเยาะเย้ยถากถางคงไม่สามารถทำลายผู้ชายที่มีจิตใจแข็งแกร่งดุจหินผาคาราเกอร์ คนนี้ได้
เพราะหลายๆคนอาจจะไม่ทราบว่า ถ้าจะมีคนๆหนึ่งที่เป็นนักเตะที่ “ชนะ” มากที่สุดในลิเวอร์พูล ได้รับชัยชนะ มากกว่านักเตะ “ระดับโลก” อย่าง หลุยซัวเรซ เฟอร์นันโดตอเรส เจอราด คูติญโญ่ ฮูเปีย อลอนโซ่ มาสเคราโน่
ตัวตลกผู้นี้คือนักเตะในยุคพรีเมียร์ลีคที่ได้รับชัยชนะ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูล!!!
จากชัยชนะ264นัดจาก การลงสนาม737นัดเกือบจะมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเป็นรองเพียงแค่เอียนคาลาแฮนตำนานของสโมสรที่เป็นนักเตะอังกฤษคนเดียวที่ได้แชมป์มาแล้วเกือบทุกถ้วยแม้แต่แชมป์โลก...
_____________________________________________
เจมี่เริ่มต้นกับสโมสรลิเวอร์พูลตั้งแต่เค้าอายุ 9 ขวบ
เค้าโตมาตั้งแต่ระดับเยาวชนของสโมสร เช่นเดียวกับ “ดาวจรัสแสง” คนอื่นๆอย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ สตีเว่นเจอร์ราดและไมเคิ่ลโอเว่น
เด็กหนุ่มเจมี่มีโอกาสลงสนามนัดแรกโดยเปลี่ยนตัวมาแทน แบ็คขวาที่น่าเสียดายที่สุดคนหนึ่งอย่างร็อบโจนส์
ทุกอย่างดูน่าจะดีเพราะคาราเกอร์สามารถยิงประตู(คนอื่น)ได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามในเกมกับแอสตั้นวิลล่าเลยทีเดียว
แม้จะเริ่มต้นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับแต่ด้วยหลายๆเหตุผลทำให้คาราเกอร์มักจะถูกโยกไปหลายๆตำแหน่งคือพี่แกเล่นมาแล้วทุกตำแหน่งในแผงหลังไม่ว่าจะเป็นแบ็คขวา เซนเตอร์ แม้กระทั้งแบ็คซ้ายขึ้นอยู่กับว่าตำแหน่งไหนขาดแคลนผู้เล่น
ทางหนึ่งอาจจะด้วยความทุ่มเทและทัศนคติที่ยอดเยี่ยมทำให้เอาชนะใจผู้จัดการทีมแทบจะทุกคนที่ได้ร่วมงาน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้การพัฒนาความ”ชัดเจน”ของฟอร์มการเล่นของเค้าไม่พัฒนาไปเท่าที่ควร
คุณจะเป็นกองหลังที่ดีที่สุดได้อย่างไรถ้าคุณถนัดเท้าขวาแต่ถูกโยกไปเล่นแบ็คซ้ายเกือบทั้งฤดูกาล
แม้จะเริ่มต้นในยุคหนุ่มสำอางสไปซ์บอย แต่ภาพลักษณ์ของคาราเกอร์ห่างจากคำว่าสำอางไปมาก เป็นเพียงกองหลังที่ถูกจำว่าเล่นทื่อๆ โฉงฉ่าง เอาแต่เตะทิ้ง สไตล์ห่างไกลคำว่าสวยงามไปมาก
คาราเกอร์ไม่เคยได้รับความเมตตาจากเหล่าแฟนบอลและสื่อมวลชน รวมถึงผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเกือบจะทุกคนเลย จำได้ว่าแม้แต่คนพากย์ชาวไทยยังพากย์ประมาณว่า เอาอีกแล้วครับ คาราเกอร์ โฉ่งฉ่างจริงๆครับให้ได้ยินบ่อยๆ
ภาพจำแรกที่แฟนบอลทุกคนยังจำถึงปัจจุบันก็คือการซัดประตูตัวเองถึง2ประตูในศึกแดงเดือด แน่นอนว่าคงหาคนลบสถิตินี้ได้ยากมาก
นอกจากนี้เค้ายังผ่านเหตุการณ์ร้ายๆต่างๆอีกมากมายทั้งบาดเจ็บจนอดไปบอลโลก โยนเหรียญ “คืน”ให้แฟนบอลจนเรื่องถึงตำรวจ ขาหักจนต้องพักยาว
อย่างไรก็ตามสถิติเดียวที่คาราเกอร์ไม่เคยแสดงให้แฟนฟุตบอลลิเวอร์พูลเห็นแม้แต่ครั้งเดียวเลยนั้นคือการยอมแพ้
แม้จะมีกองหลังฝีเท้าดีคนอื่นๆผ่านเค้ามาในทีมเพื่อแทนที่เค้าไม่ว่าจะเป็น สเตฟาน อองโชซ์ มาคุสบับเบิ้ล สตีฟฟินแน่น แวนการ์ดเฮกเก้ม จอห์น อาร์เน่รีเซ่ พูดง่ายๆว่าทุกตำแหน่งในกองหลังจะเป็นคู่แข่งของ “นักเตะสารพัดประโยชน์”อย่างคาราเกอร์หมดเลย
หากแต่ทุกรายชื่อที่ผ่านเข้ามาก็ผ่านไปหากแต่ชื่อของคาราเกอร์ยังคงอยู่ในรายชื่อของผู้จัดการทีมทุกคนเสมอๆ
จนมาถึงชายผู้จะพลิกชีวิตของคาราเกอร์จากนักเตะจับฉ่ายให้กลายเป็นเซนเตอร์ฮาฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร
ราฟาเอล เบนิเตซ.....
ราฟามอบบทบาทเซนเตอร์ฮาฟคู่กับซามี่ ฮูเปีย ให้เค้า นี่เป็นการจับคู่เซนเตอร์ฮาฟครั้งหนึ่งที่ดีที่สุดของสโมสรเลยทีเดียว
ในขณะที่ฮูเปีย แข็งแกร่ง สง่างาม เยือกเย็น ดุจภูเขาน้ำแข็ง
คาราเกอร์กลับต่างออกไป กล้าหาญ ทุ่มเท กัดไม่ปล่อยเหมือนหมาบ้า!!!
วีรกรรมอันเป็นตำนานที่แฟนหงส์ทุกคนคงไม่ลืมคือการฝืนเล่นแม้จะเจ็บแทบตายจากอาการตะคริวกินขาให้นัดชิงแชมป์ยุโรปที่อิสตันบูล
ชัยชนะราวปาฏิหาริย์ทำให้เจมี่ได้รับรางวัลส่วนตัวประเภทเดียวที่เจ้าตัวเคยได้รับนั่นคือรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรซึ่งเจ้าตัวได้ไปถึง3ครั้งในปี1999, 2005, 2007
เรียกได้ว่านอกจากแฟนบอลลิเวอร์พูลแล้ว คาราเกอร์แทบไม่เคยได้เครดิตจากที่ไหนๆอีกเลย
ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนยกเว้นเมื่อทำผิดพลาด
ไม่เคยมีการยื่นข้อเสนอจากทีมอื่นๆ
ไม่ว่าจะทุ่มเทแค่ไหนก็มักต้องหลีกทางให้คนอื่นๆ เรียกว่าโชคร้ายไม่น้อยที่เผอิญในยุคสมัยของ คาร่า ดันมาอยู่ใต้เงาแห่งความยอดเยี่ยมคนอื่นๆไม่ว่าจะเป็น ริโอ เฟอร์ดินาน จอห์นเทอรี่ โซลแคมเบล ย้อนไปถึงยุค โทนี่อดัมส์เลยก็ว่าได้ แม้กระทั้งทุกคนที่ว่ามาแล้วเจ็บหมดก็ยังถูกให้เป็นตัวสำรองจนเจ้าตัวประกาศเลิกเล่นทีมชาติ
คาร่ายังคงทุ่มเทให้กับสโมสรจนทำสถิติลงสนามมากกว่าเจ็ดร้อยนัดในยุคพรีเมียร์ลีกมีเพียงไรอั้นกิ๊กคนเดียวที่ลงเล่นมากกว่าเค้า
คาราเกอร์ตัดสินใจแขวนสตัทในปี 2012-2013 ในยุคแบรนดอน ร็อดเจอร์ จบตำนานมิสเตอร์ ลิเวอร์พูล ผู้ชายที่ให้ชีวิตกับสโมสรเพียงแห่งเดียวลงอย่างเป็นที่จดจำ
_______________________________________________
คาราเกอร์มักจะตอบเพื่อนร่วมทีมเสมอๆเวลาโดนล้อเรื่องยิงเข้าประตูตัวเองหกถึงเจ็ดลูกแบบแปลเป็นไทยให้ได้อารมณ์ว่า
เออถึงกูจะยิงเข้าประตูตัวเองไป7ลูก แต่กูก็สกัดบอลไปเกือบๆ350 ลูกนะโว้ย
แน่นอนครับน่าเห็นใจว่านี่เป็นสถิติที่ไม่ค่อยมีใครจดจำ
และจริงๆแล้วคาราเกอร์ไม่ได้สกัดบอลได้แค่350ลูก จริงๆแล้วเค้าสกัดบอลได้มากกว่านั้นนับเฉพาะแค่สถิติในพรีเมียร์ลีคก็ปาเข้าไป 437 ครั้งเข้าไปแล้วซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง
ถึงใครจะว่าเค้าเป็นกองหลังที่ทำได้แค่เคลียร์บอลทิ้ง แต่เค้าเคลียร์บอลทิ้งไปได้ถึง 1,591 มีเพียงไม่กี่คนที่ “เตะทิ้ง”มากกว่าเค้า แน่นอนว่ากองหลังบางคนไม่เลือกเตะทิ้งเพราะมันดูไม่สวยงามมักจะถูกยกย่องมากกว่าคนที่เลือกทางเลือกที่ปลอดภัย น่าเห็นใจที่คนที่เลือกทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดให้กับทีมกลับถูกมองอย่างดูแคลน
นอกจากนี้เจมี่ยังบล็อกลูกยิงไปถึง131ครั้งไม่มีคนรู้ โหม่งเคลียร์บอล 688 ครั้งสถิตดีระดับต้นๆของพรีเมียร์ลีคไม่มีใครสนใจ เก็บคลีนชีทไปได้ถึง195ครั้งแต่ไม่มีคนจดจำ
ที่สำคัญถ้าจะว่าถึงความผิดพลาดกองหลังที่คนขนานนามว่าจอมเฟอะฟะผู้นี้มีสถิติบันทึกไว้ในพรีเมียร์ลีคว่าเคยก่อความผิดพลาดจนทำไปสู่การเสียประตูเพียงแค่1ครั้งเท่านั้นเองตลอดชีวิตการค้าแข้งในพรีเมียร์ลีคของเขา ข้อนี้หลายคนไม่มองด้วยซ้ำ
ดังนั้นทุกๆครั้งที่คุณจะล้อเจมี่คาราเกอร์เรื่องการทำประตูตัวเองจงจำไว้เสมอว่า....
คุณไม่มีทางจะยิงประตูตัวเองได้มากเท่ากับเจมี่คาราเกอร์หรอกนะ ถ้าคุณไม่ทุ่มเทและมีความกล้าหาญเพียงพอที่จะพุ่งเข้าหาลูกฟุตบอลมากกว่าคนอื่นๆ
มีเพียงคนที่พยายามมากกว่าคนอื่นเท่านั้นถึงจะผิดพลาดมากกว่าคนอื่น
ในฐานะนักฟุตบอลนี่อาจเป็นสถิติที่น่าขบขัน แต่ในฐานะมนุษย์แล้วนี่คือสถิติที่น่าภูมิใจ
คนในวงการกล่าวถึงคาราเกอร์
เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน เคยกล่าวถึงคาราเกอร์ว่า เค้าอาจไม่ใช่กองหลังที่มีพรสวรรค์ที่สุด หรือ รวดเร็วที่สุด แต่ความทุ่มเทแล้วความตั้งใจของเค้าส่งผลถึงคนรอบข้างเสมอนั่นทำให้เขาคือผู้ชนะ
สตีเว่นเจอราด เคยตอบคำถามว่าเพื่อนร่วมทีมคนไหนทำงานหนักที่สุดในการฝึกซ้อม เค้าตอบเลยว่าคนหนึ่งที่เค้านึกถึงทันทีเลยคือเจมี่คาราเกอร์ ทุกๆวันเค้าจะฝึกฝนในแนวทางที่เค้าเล่น เหงื่อเค้าจะไหลยังกับทะเลเสมอๆและจะผลักดันตัวเองไปสู่ระดับMaximumตลอดเวลา
ดิดิเยร์ ดร็อกบาเคยพูดถึงคาร่าว่า “ผมเจอกับเค้าหลายเกมและมันมักจะเป็นสงครามเสมอๆ ทุกครั้งที่ผมคิดว่าผมชนะการดวลกับเขาแล้ว แต่เขายังจะกลับมาดวลกับผมอีก อย่างขาวสะอาดด้วยนะ นั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เค้าเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่
เธียร์รี่ อองรี ''ความทรงจำที่ผมมีต่อเขาคือคนที่จงรักภักดีและทุ่มเท คุณจะจดจำเขาในฐานะนักเตะลิเวอร์พูลตลอดไป เพราะมันเป็นทีมเดียวเท่านั้นที่เขาเล่นให้ ผมมีการต่อสู้ที่เหลือเชื่อกับเขา ผมแพ้บ้างชนะบ้าง แต่เขายุติธรรมและหนักเสมอ เขาเป็นนักสู้ สำหรับผม เขาคือ 1 ใน 5 สุดยอดกองหลัง ถ้าคุณพูดถึงความยาวนานที่เขาเล่นให้กับลิเวอร์พูล และนักเตะแบบที่เขาเป็น เขาจะอยู่ในประวัติศาสตร์ในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีก''
มาถึงตรงนี้ความรู้สึกที่คุณมีต่อ เจมี่ ลี ดันแคน คาราเกอร์ ของ อาจเปลี่ยนไปก็ได้
Spoil
เครดิต ดัดแปลงบทความจากเพจ เฮียเล็ก