หนังสือ How to ส่วนใหญ่ในไทยก็เอาของฝรั่งมาแปล ไม่ก็เอาองค์ความรู้ของเค้ามาย่อยหรือมาย่อให้คนไทยอ่านได้เข้าใจมากขึ้นทั้งนั้นแหละครับ ส่วนที่แปลมาให้อ่านมันก็ขึ้นอยู่ที่ฝีมือคนแปลด้วยแหละ ถ้าแปลดีก็อ่านลื่น

หนังสือที่ดีมันเป็นหนังสือที่เราอ่านแล้วทำให้เราอยู่กับมันได้แหละครับ ไม่ใช่อ่านๆ แล้วก็วางหรืออ่านแล้วรู้สึกเบื่อ ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับรสนิยม และ Life Style ของแต่ละคน อย่างบางคนไม่ชอบหนังสือที่สำนวน หรือพรรณาโวหารเยอะ บางคนก็อาจจะไม่ชอบหนังสือที่เขียนห้วนๆ สรุปๆ อะไรมาให้อ่าน

อย่างผมเมื่อก่อนเคยอ่านนิยายแปลเรื่องเชอร์ล็อกโฮมส์ อ่านแล้วขัดใจมากกกกกก ผมรู้สึกว่าผมอ่านไม่รู้เรื่องและแปลได้ไม่น่าอ่านเลย ผมเลยกัดฟันซื้อฉบับภาษาอังกฤษที่เรียบเรียงใหม่แล้วสำหรับเด็กมาอ่าน แรกๆ ก็อ่านไปเปิดดิกท์ไปซักพักรู้ว่าต้องอ่านยังไง ทีนี้ก็ยาวเลย สรุปอ่านแล้วติดมากอ่านรวดเดียวจบเลย มันเลยทำให้ติดอ่านภาษาอังกฤษมาตั้งแต่นั้น ที่พูดถึงเรื่องนี้เพราะจะบอกว่าขนาดหนังสือเรื่องเดียวกัน คนเขียนคนเดียวกัน แต่ภาษาต่างกัน การแปลและเรียบเรียงต่างกัน อรรถรสที่ได้มันก็ไม่เหมือนกันกันน่ะครับ

เห็นด้วยกับท่านมาก แล้วราคาแพงด้วยนะ คนทำออกมาแนวนี้โคตรเยอะ

มันก็แล้วแต่หนังสือมั้งครับ พวกหนังสือที่อ่านง่ายๆเล่มไม่หนามันก็มีเยอะแยะอยู่

ฝรั่งเป็นพวกละเอียด detail เยอะ
คนไทยเอาง่ายเข้าว่า
จึงเป็นอย่างที่ท่านเห็นนั่นแหละครับ

หนังสือที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ อ่านง่ายๆ ของคนไทย มันเป็น Second Hand Idea ย่อยมาแล้ว
มันมาจากสิ่งที่เขา"อ่าน"มา หรือทดลองทำได้ไม่กี่ปี แล้วสรุปขึ้นมาใหม่ เป็นหนังสือ

ต่างจาก Pocket Book ตปท เค้าต้องการเขียนให้มันเป็นตำรา เป็น Timeless Book
เนื้อหาในหนังสือมันเป็นสิ่งที่เขากรองมาจากประสบการณ์ชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา 10 ปีบ้าง 20-30-40 ปีบ้าง

อย่าง Intelligent Investor มันเป็นตำราจริงๆ มันมีหลายประเด็นให้อธิบาย
ว่าทำไมทฤษฎีเขาถึงถูก ทำไมมันเป็นแบบนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทาง


แค่ระยะเวลาที่สะสมประสบการณ์ หรืองานวิจัย หรือไอเดีย ก็ต่างแล้ว
คุณภาพจะไม่ต่างกันได้อย่างไร

เห็นด้วยม้ากเลย แต่พิมพ์ไปกลัวจะแรง 555

อันนึงที่เปิดโลกผมเลยคือ world war z ภาษาไทยอ่ะ
แปลได้ชั่วร้ายมาก ไม่น่าเชื่อว่าผ่าน proof มาได้ไงฟะ

ต้องไปอ่านต้นฉบับอังกฤษ อ่านช้ากว่าแต่สนุกกว่ามาก

แนะนำให้ทนอ่านๆไปก่อนครับ แล้วเราจะเริ่มชินกับคำศัพท์เพราะมันจะโผล่มาเรื่อยๆ จากประสบกาณ์ที่อ่านนิยายแนวอีปิกแฟนตาซีมา 2-3 ซีรีย์ละ

แต่นิยายบางเรื่อง ผมก็ข้ามฉากบรรยายสถานที่นะ เช่นของ A song of ice and fire (game of thrones) ผมก็จะชอบข้ามฉากบรรยาย แล้วค่อยไปเปิด google ดูรูปสถานที่ที่กล่าวถึงเอา