[RE: รุ่นพี่น้องเอิร์ธ ที่ถูกขังจุดไฟเผา ยันแค่แกล้งหยอกล้อ]
ทาสรักสาวตัวเล็ก พิมพ์ว่า:
MyLiver พิมพ์ว่า:
"แกล้งปิดประตูใส่กุญแจขังไว้ในช่องเก็บของอาคารเรือนนอน แล้วฉีดยาฆ่าแมลงเข้าไปจนไม่มีอากาศหายใจ จากนั้นได้จุดไฟแช็ก จนทำให้เกิดประกายไฟลุกท่วมภายในช่องเก็บของดังกล่าว ก่อนจะเผาไหม้ร่างกายของน้องเอิร์ธจนได้รับบาดเจ็บสาหัส"
ถ้าทำแบบนี้แล้วตีความว่าเป็นการหยอกล้อนี่ควรจับไปฆ่าทิ้งเป็นอย่างน้อยครับ โตมาแบบไหนถึงมีความคิดที่จะทำแบบนี้ได้ และถ้าโตต่อไปจะทำอะไรที่สาหัสกว่านี้อีก? ลำพังแค่ยาฆ่าแมลงก็รุนแรงเกินไปแล้วนี่ตั้งใจจุดไฟเผาเค้าเจตนาคือกะเอาตายไม่ตายไม่รู้แต่แค่คิดทำอะไรแบบนี้ควักลูกตาทิ้งสองข้างยังไม่พอเลยครับ
ถ้าใครคิดว่าผมรุนแรงไปผมถามนะ - ถ้าคุณส่งลูกคุณไปเรียนหนังสือ ลูกคุณไม่เคยมีปัญหากับใครแล้ววันดีคืนดีเจอแบบนี้คุณยังคิดว่าการฆ่าทิ้งหรือควักลูกตาเด็ก...พวกนั้นทิ้งยังรุนแรงไปมั้ยครับ? ผมว่ายังเบาไปด้วยซ้ำ
แล้วนี่ตอนจบอะไร มากราบขอโทษ นั่งไหว้มันช่วยให้คนที่บาดเจ็บดีขึ้นได้หรือไง? ได้แต่พร่ำบอกไม่เจตนาไม่นั่นไม่นี่ก็แค่ให้ตัวเองพ้นผิด ใช้สติคิดก่อนทำคือมันไม่ควรแต่แรกแล้ว
ขยะมันก็โตมาแบบขยะและปลายทางมันก็คือขยะนี่แหละครับ และขยะควรโดนเผาทิ้ง
ขอพูดในฐานะคนทำงานด้านนี้อยู่ช่วงนึงนะครับ คนทำงานมีคนคิดแบบท่านเยอะ ผมก็คิดแบบท่านนะ แต่คนที่รับแนวคิดอีกแบบ +องค์กรอิสระที่เกี่ยวกับเด็กหรือนักสิทธิมนุษย์ชน +คนร่างกฏหมาย ก็มองอีกด้าน
ขอเล่าคร่าวๆ
ในคดีที่เด็กหรือเยาวชนตกเป็น ผู้กระทำความผิด มันมีแนวคิดแบบนี้
ศาลเยาวชนและครอบครัวมีมาตรการและเจตนารมณ์ในการมุ่งที่จะแก้ไขปัญหา ฟื้นฟู ให้เด็กหรือเยาวชนกลับตัวเป็นคนดี มากกว่าการลงโทษ เนื่องจากความผิดส่วน ใหญ่ เด็กกระทำทำไปด้วยความหลงผิด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความยับยั้งชั่งใจ ขาดการไตร่ตรองผลเสียหายที่จะตามมา
ส่วนใหญ่เกิดจากการชักชวนจากบุคคลอื่น หรือจากสภาพแวดล้อมที่บีบ บังคับ เช่นจากสภาพครอบครัว การศึกษา ฐานะ ความเป็นอยู่ และปัจจัยอื่นๆ อันเป็นสาเหตุให้เด็กต้องการทำความผิดขึ้น
ฝั่งแนวคิดด้านสิทธิเด็ก+สิทธิมนุษย์ชน เลยมองว่าเพื่อให้เด็กหรือเยาวชนมีโอกาสได้ปรับปรุง หรือแก้ไขตนเอง และสำนึกในการกระทำผิดที่ตนได้กระทำขึ้น เลยมีหลักการแบบที่บางทีผมก็มองว่า มันอาจจะไม่ค่อยช่วยให้เด็กสำนึกได้เท่าไร เช่น
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 104 ได้กำหนดให้ศาลอาจมีดุลพินิจใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนแทนการลงโทษในทาง อาญาได้ โดยศาลอาจ
เปลี่ยนโทษจำคุก เป็นการส่งตัวจำเลยไปกักและอบรม หรือฝึกและอบรม ยังสถานพินิจฯ ตามกำหนดระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ เพื่อขัดเกลา อบรม นิสัย ฟื้นฟูแก้ไข ให้เด็กฯนั้นมีความประพฤติในทางที่ดีต่อไป หรือหากความผิดนั้นเป็นความผิด เพียงเล็กน้อยและเป็นการกระทำผิดครั้งแรก ก็อาจให้มีการคุมประพฤติเด็กไว้ โดยให้บิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ควบคุมดูแลเด็ก สอดส่องดูแลเด็ก แล้วมารายงานตัวต่อศาลเป็นระยะๆ แทนการส่งตัวไปยังสถานพินิจฯก็ได้
ผมมองว่าแทนที่จะรักษาสิทธิเด็ก (ซึ่งผมมองว่ามาจากครอบครัว+สภาพแวดล้อม) ที่ส่วนมากกลับไปก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยไปอยู่ในสังคมเดิมๆ เรียกมาอบรม ขัดเกลา ฟื้นฟู ส่งตัวเป็นระยะ ตอนมาอยุ่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ก็ทำตัวดี สุดท้ายก็มีการกระทำความผิดซ้ำและรุนแรงขึ้นทุกครั้งที่ออกจากสถานพินิจหรือเรือนจำ
ส่วนตัวผมมีแนวคิดงี้นะ แต่คนคิดแบบนี้ที่ไทยยังไม่ยอมรับกัน
1.คนที่ความผิดทุกคนต้องจับคุยกับนักจิตวิทยา ถ้าผลการประเมินคือมีบุคลิกภาพ สมอง จิตใจมีปัญหาต้องได้รับการบำบัดทานยา จนกว่าจะหาย
2.ถ้าคนกระทำความผิดเพราะสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดู ต้องแยกเด็กออกมาที่สถานรับเลี้ยง
3.อบรมแนวคิดที่ถูกต้อง อย่างน้อยก็หลักการดำรงชีวิตในสังคม คร่าวๆ
เคยคุยกับคณะที่เรียนด้วยกัน หลายคนยังไม่เห็ความสำคัญของจิตแพทย์และการบำบัดทางจิต
ที่พูดมานี่ที่อเมริกากับทางยุโรปใช้อยู่นะครับ ที่ไทยนี่ใช้น้อยมาก
ถือว่าระบายให้ฟังครับ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ศาลเด็กละครับ แต่อยู่ในระบบงานยุติธรรมเป็นมดงานตัวน้อยๆตัวนึงเหมือนเดิม
ขอบคุณที่แชร์มุมมองในฐานะคนทำงานด้านนี้โดยตรงมาให้ ส่วนตัวคิดว่าแนวคิดเหล่านี้ใช้ได้กับเด็กในยุคโบราณชาติซัก 50 ปีที่แล้วได้ครับในยุคที่ทุกอย่างอยู่ในกรอบมาก ๆ แต่ในยุคที่เด็กมีพัฒนาการเป็นเด็กเปรตเยอะมากแนวคิดนี้ใช้ไม่ได้แน่นอนและกลายเป็นช่องด้วยครับ
- เด็กสมัยนี้รู้ว่าจะใช้ช่องกฏหมายพวกนี้่ยังไงให้ตัวเองรอดแม้จะเจตนาทำผิด
- เด็กพวกนี้รู้ว่าสังคมไทยมีบริบท "เมตตาเพื่อดูดี" ก็แสดงละเครเสแสร้งเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น (เหมือนที่มานั่งกราบไหว้ขอโทษเนี่ย ผมเป็นพ่อเด็กผมไม่รับไหว้นะและจะหาโอกาสจัดหนักนอกรอบด้วยครับ)
- ถ้าท้ายสุดไม่ได้ยังไงก็เปิดการ์ด "กูเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่อง" ขึ้นมา เวลาผมเจอเด็กที่ทำผิดแบบเห็น ๆ ว่าเจตนาทำแล้วผู้ใหญ่ชอบพูดแนวว่า "ปล่อยเด็กมันไปเถอะ" เนี่ยผมจะรู้สึกขุ่นเคืองมากเพราะภายใต้ใบหน้าที่ดูใสซื่อมันคือการยิ้มเยาะในใจของเด็กพวกนี้
แนวคิดที่คุณเสนอมาตอนท้ายถูกต้องครับและเป็นไปได้ที่จะทำจริง
"ผู้ชายทุกคนอยากได้ภรรยาที่ดีพร้อมแต่น้อยคนที่ทำตัวให้ดีพอที่จะได้จริง ๆ" - นิรนาม
"ความยิ่งใหญ่ของเราไม่ได้เกิดจากการไม่เคยล้มเลยหากแต่เกิดจากการลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม" ขงจื๊อ
"อยู่ห่างจากคนคิดลบไว้ เพราะสำหรับเค้าทุกทางแก้ล้วนมีแต่ปัญหา" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์