ผมเพิ่งแต่งงานได้ครบสัปดาห์ครับ

เราจัดงานกันเล็กๆ เลือกสถานที่ที่ใกล้บ้านทั้งสองฝ่ายที่สุด
ไม่จัดโรงแรม ไม่จัดใจกลางเมือง ไม่มีอะไรแฟนตาซีมาก



จัดเฉพาะงานกลางวัน เช้าเลี้ยงพระ สายหมั้น เที่ยงแต่ง
ไม่มีแสงสีเสียงเปิดตัว ไม่มีตัดเค้ก ไม่มีน้ำแข็งแกะสลัก
บ่ายก็ขับรถ Eco Car ที่ผมใช้ประจำกลับบ้าน เข้าหอ เป็นอันเสร็จพิธีการ

แพ็คเก็จถ่ายรูปก็ถูกๆ ถ่ายเสร็จได้ไฟล์รูปแค่ 15 รูป
(ตอนนี้ยังปวดหัว ว่ารูปใหญ่ที่ได้ จะเอาไปเก็บไว้ไหน)

แหวนหมั้น ก็เลือกด้วยกัน ใช้โปรโมชั่น 1 แถม 1
ซื้อจากแบรนด์ไทย Counter ตามห้างทั่วไป

การ์ดแต่งงาน ไปทำที่มาบุญครองถูกๆ เลือกแบบที่เค้ามีไว้ให้
แม้ตัวการ์ตูนบนการ์ดจะไม่เหมือนเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่ก็น่ารัก ง่าย สวย ประหยัด

ของรับไหว้ เราให้เป็นข้าวสาร 150 สายพันธ์ 1 กก.
ให้ญาติผู้ใหญ่เอาไปหุงผสมกับข้าวหอมกิน
บนฉลากมีอธิบายสรรพคุณ ด้านสุขภาพ และการได้ช่วยชาวนาไทย



ของชำร่วย เราไปทำบุญของที่ระลึกจากวัดวัดหนึ่ง
เป็นพัดที่ม้วนๆ ใส่กระเป๋าได้ มีข้อความดีๆ บนพัด
หลวงพ่อยังบอกว่า เพิ่งจะเคยเห็นคู่แต่งงาน มาซื้อของวัดไปเป็นของชำร่วย

สรุปเราหมดเงินไปประมาณหนึ่ง ซึ่งไม่มากมาย
และได้รับเงินช่วยงานแต่งมาประมาณหนึ่ง ซึ่งเยอะมาก เมื่อเทียบกับเงินที่เราใช้จัดงาน

เราเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยเงินที่เป็น “บวก” เกือบเท่าตัวของเงินที่เราใช้จัดงาน

ได้จัดสรรเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญ เป็นมงคงชีวิตคู่
เงินส่วนที่เหลือ ก็ใช้สร้างครอบครัวกันต่อไป

เราลาหยุดงานกันแค่ 1 วัน
รุ่งขึ้นก็ไปทำงานต่างๆ ตามปกติ ไม่มีฮันนีมูนเลิศหรูอะไร
ที่รับปากกันไว้ ก็คงเป็นการไปเที่ยวเล็กๆ ในวันหยุดซักช่วง

ชีวิตกลับสู่ความเป็น “ปกติ” เร็วมาก

แต่งงานแล้ว ก็พร้อมมากขึ้น มีเงินมากขึ้น
รู้สึกถึงความ “พอเพียง” ได้แจ่มชัดมากขึ้น ^-^

มองรอบตัว กลับเจอเหตุการณ์ประหลาดๆ เช่น

ค่าเช่าชุดของบางคู่ แพงกว่าแหวนหมั้นผมกับแฟน
บางคู่เลือกที่จะตัดเอา ซึ่งแพงมาก

ค่าแต่งหน้าของบางคู่ สามารถเปิดโต๊ะจีนระดับที่ผมใช้ได้ 10 โต๊ะ!

บางคู่เห็นรายได้ ก็ไม่น่าจะมากมายอะไร
แต่กลับจัดงานอลังการ เช้า กลางวัน เย็น After Party!

บางคู่ถึงกับต้องกู้เงินมาจัดงานแต่ง หรือกู้เงินมาเป็นสินสอด

เหตุผลที่ได้ยินบ่อยๆ ก็คือ

แต่งงานแค่ครั้งเดียว “ขอครั้งหนึ่งในชีวิต”
จะมาจากฝ่ายเจ้าสาว ฝ่ายเจ้าบ่าว หรือทั้งสองฝ่ายก็ตาม

ชวนให้ผมคิดว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต” อาจ “ทำลายทั้งชีวิต” ก็ได้

ได้งานหรูเลิศ “ถูกใจ” สักครั้งหนึ่ง

แต่ต้องตามใช้หนี้ หรือต้องมาเริ่มเก็บเงินสร้างตัวกันใหม่ ไปอีกหลายเดือน หลายปี
และอนาคตข้างหน้า ก็ยังจะมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกมากมาย
ที่ประดังเข้ามา ซ้ำเติมชีวิตคู่อีก… โดยเฉพาะเรื่องลูก

แทนที่จะได้เริ่มต้นอย่างมีความพร้อม
กลับต้องมาเสียเวลา เสียพลังงาน ตามแก้ปัญหาที่ไม่ควรจะต้องเกิด

รู้หรือไม่ ? ว่าเงิน 3 แสน ที่ใช้ไปในการจัดงานแต่ง
ในอีก 30 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นเวลาที่คู่ชีวิตคู่นี้จะเกษียณอายุ
จะเติบโตเป็นถึง 5 ล้านบาท หากลงทุนได้ 10% ต่อปี
และ 9 ล้านบาท หากลงทุนได้ 12% ต่อปี



หรือหากไม่มองไกลถึงเกษียณ เงิน 3 แสนนี้ ในอีก 20 ปีข้างหน้า
ก็จะโตเป็นกว่า 2 ล้านบาท สามารถใช้เป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้เรียนดีๆ
โดยไม่ต้องเก็บเงินเพิ่มซักแดงเดียว!

บางคนอาจจะบอกว่า อยากจัดแบบพอเพียง มันก็อยากอยู่หรอก
แต่คนรอบข้างไม่ยอม หรือ ห่วงสายตาชาวบ้าน
ใครๆ เค้าก็จัดกันแบบใหญ่ๆ กันทั้งนั้น

คำถามก็คือ

เวลาเราทุกข์ เค้ามาทุกข์กับเรารึเปล่า ?
เวลาเราขัดสน เค้าช่วยเราจ่ายอะไรมั๊ย ?

หลายๆ อย่างเราก็มัวแต่คิดถึงคนอื่นมากไป
อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้
ต้องให้ถูกใจคนนั้นคนนี้…

คนที่บางทีก็แค่มางานเราวันเดียว
จะบ่นอะไรบ้าง แว๊บๆ เค้าก็กลับไปยุ่งกับปัญหาในชีวิตเค้าต่อแล้ว
ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตเราเลย

ส่วนคนที่รักเราจริง แม้งานเราจะเน่าแค่ไหน
เค้าก็ยังรักเราอยู่ดีแหละครับ

credit P'A sakda !!

บางคนแต่งงานแล้วกำไรก็มีนะ รู้ยัง

ธรรมะยามเช้า

เออ ๆ มีพี่คนนึงใกล้แต่งละ กำลังถ่ายพรีเวดดิ้ง

บ้านบอกให้แต่งง่าย ๆ ที่บ้าน เมียบอกไม่ต้องแต่งที่โรงแรม

พี่แกตังค์เยอะไงเก็บเงินมาทั้งชีวิต ผมแม่งโคตรสงสารเลย

แล้วเมียไม่ฟังที่บ้านฝ่ายชายเลย ต้องมาเสียอะไรไม่เป็นเรื่อง

เจ้าสาวก็ยังเด็กไงไม่เข้าใจ นี่แหละมันเรื่องมากจะเอาสวย ๆ

บอกไงก็ไม่ฟัง โดนเลย ถ้าเอาหรู ๆ อย่างต่ำก็ 4 แสนอะ

อีกอย่างเจ้าสาวไม่ช่วยสักบาท

สำหรับผมครั้งนึงทำให้เค้าได้นะ โดยไม่ต้องเป็นหนี้มากมายก็ได้ รอเก็บเงินให้พร้อมก่อนค่อยแต่ง ไม่จำเป็นต้องก่อหนี้ทั้งหมด ไม่ต้องเลิศหรูเอาแค่สมเหตุสมผลตามจำนวนเงิน แต่มีให้ครบตามที่เค้าควรจะได้จากการแต่งงานครั้งนึงในชีวิตเค้า เพื่อนผมเองก็ทำงานออกมาได้ดีมาก โดยเมื่อหักลบแล้วเสียเงินไปแค่สองแสน ลงทุนลงแรงเองมากหน่อย ไม่จำกัดหลายๆอย่างจนเกินไป แล้วสุดท้ายงานมันก็ออกมาดี วันนั้นเจ้าสาวดูมีความสุขมากเหลือเกิน เธอเหมือนนางเอกในนิทานรายล้อมด้วยคนที่มาร่วมแสดงความยินดี ในบรรยากาศที่สวยงามดั่งที่เธอฝันไว้ ตั้งแต่วันนั้นผมบอกตัวเองเลย เพื่อที่จะได้เห็นภาพนั้นในวันแต่งของตัวเองบ้าง ผมจะเลิกมานั่งคิดเล็กคิดน้อย แล้วตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินเพื่อทำให้งานที่สำคัญที่สุดสำหรับเค้างานนึงมันออกมาดีที่สุด ส่วนเรื่องอนาคตนั้นถ้ายังไม่ตายก็หาเงินใหม่ได้

เงินสินสอดยังไม่มีเลย

นึกว่ามาจากพันติบ

ครั้งนึงในชีวิตก็คิดแบบนั้นครับ เรียบง่ายของทั้งสองครอบครัว เช่าชุด แต่งหน้าเอง ง่ายๆ ได้ชุดสวยๆด้วย

ที่คุยกันก็จะจัดเฉพาะช่วงเช้าครั้งเดียวเลย จะได้ไม่เหนื่อยทั้งสองฝ่าย

เก็บเงินไว้ทำทุนดีกว่าครับ จัดอลังการไปก็เท่านั้น

เอ่อ..... ลงทุนอะไรวะได้ 10% ต่อปี มีทีเด็ดมาบอกกันมั่งนะ

ผมแต่งแล้วกำไรครับ

ผมจัดเรียบๆ แบบงานวัด เน้นให้เพื่อนๆ ได้สนุก มารวมกันเหมือนรวมรุ่นเลย

แหวนแต่งงาน 300 บาท เป็นแหวนเงิน

ง่ายๆ ครับงานแต่ง ครั้งหนึ่งในชีวิตก็จริง แต่ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรเลย เหมือนที่คุณอายุ ได้ 20 แค่ครั้งเดียวในชีวิตนั่นแหละ

ความสำคัญของชีวิตคู่ มันอยู่ที่ก่อนและหลังงานแต่งต่างหาก

สงสัยปล่อยเงินกู้นอกระบบแน่เลย

ผมกลับเห็นต่างนะ

เพราะผมก็กำลังจะแต่งงานภายในปีนี้เหมือนกัน

เอาจริงๆ ผมก็ไม่อะไรมาก จัดเล็กๆริมทะเลอะไรก็ว่าไป

แต่ผมอยากให้แฟนผมมีความสุขที่สุด ในแบบที่ผมพอจะทำได้

งานไม่ได้ใหญ่โตอะไร แค่ 30 โต๊ะ จัดโรงแรม รายละเอียดจิปาถะ พวกพรีเวดดิ้งอะไร ก็ให้แฟนเลือก

อย่างที่บอก ผมน่ะไม่ได้อะไรหรอก แต่มุมมองของผู้หญิงมันเป็นวันที่เค้าวาดฝัน คาดหวังให้เป็นแบบนั้น แบบนี้ ให้มันออกมาดี

จากที่คำนวณแล้ว รวมค่าซองแบบขั้นต่ำ ก็น่าจะขาดทุนไม่เกินแสน ผมว่ามันคุ้มนะ สร้างอะไรดีๆให้เป็นที่จดจำ มันคงไม่ทำลายทั้งชีวิตหรอก การเป็นหนี้มันไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น อย่างทุกวันนี้ผมก็ผ่อนบ้านผ่อนรถ อยู่ปกติ ก็มีชีวิตที่มีความสุข อยากทำอะไรได้ทำ อยากกินอะไรได้กิน

ผมว่าอาจจะเว่อร์ไปหน่อย กับคำว่าครั้งนึงในชีวิต อาจทำลายทั้งชีวิต

อ่านๆมา มีความเห็นแบ่งเปน 2 ทาง
1) แต่งแบบเรียบง่าย เอาให้ชีวิตหลังจากนั้นไม่ต้องดิ้นรนใช้หนี้
2) เอาที่ชอบ เอาที่มีความสุข ครั้งหนึ่งในชีวิต ขอให้เจ้าสาวมีความสุข

สำหรับผมมองว่า ควรเลือกจุดตรงกลางระหว่าง 2 อันนี้ครับ ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าต้องเลือกอันไหนไว้ ตัดอันไหนทิ้ง
เจ้าบ่าว-เจ้าสาวต้องหาจุดร่วมกันแล้วเอาไปคุยกะพ่อแม่ ถ้าเจ้าบ่าวต้องเหนื่อยหากู้เงินมาจัดงาน จัดแสงสี
คิดว่าคนที่เปนเจ้าสาวที่รักกันจริง จะมีความสุขมั้ยล่ะครับ

ป.ล.ผมพึ่งแต่งงานมาได้ 1 เดือน ตอนนั้นก็ช่วยๆกันหมด ทั้งบ้านผมและบ้านเมีย อาจไม่เพอเฟค แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ดีมากครับ

มาร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวมือใหม่
ต่อไปนี้ คงไม่ต้องจับมือเฉยๆอีกต่อไปแล้วสินะ

ลงกองทุนหุ้นไทยครับ เฉลี่ยอยู่ที่12% ต่อปี อันนี้สถิติตั้งแต่ตลาดหุ้นไทยก่อตั้งมานะ

ตอนนี้ผมก็เริ่มลงกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย10เปอร์ต่อปีแล้ว ลงให้ได้ปีละ72000 หรือเดือนละ6000 ได้ปันผลมา10% ก้เอากลับไปซื้อทบไปเรื่อยๆ 10ปีจะได้ล้านห้า



ปล. ถ้าศึกษาเรื่องเล่นหุ้น มีโอกาสได้18%ต่อปี