ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: ร่องรอยที่ล่องลอย
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 8956
ที่อยู่: ท่าแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง ♥♪♫
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 19:14
► 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################
แผนลอบสังหารเคนเนดี ปริศนาบันลือโลก





ปัง ๆ ปั๊ง!!!!

เสียงกระสุนดังลั่นกลางเมืองดัลลลัส ที่ ดีลลีย์ พลาซ่า เที่ยงวันที่ 22 พฤศจิกายน ปี 1963
มันเป็นกระสุนเปลี่ยนประวัติศาสตร์ มันเป็นกระสุนพลิกโลก!

กระสุนได้วิ่งเข้าเจาะร่างของชายคนหนึ่งที่มีตำแหน่งเป็น ประธานาธิบดีผู้ที่สร้างคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงของอเมริกาทั้ง สงครามเย็น โครงการปล่อยจรวดขึ้นสู่ดวงจันทร์ การใช้นโยบายการต่อต้านแบ่งแยกสีผิว และการเมืองนอกประเทศอย่างคิวบา

เขาตายต่อหน้าภรรยาที่เขารัก และต่อหน้าชาวอเมริกันนับล้านคน
เขาคือ จอห์น เอฟ เคนเนดี

ภายในเวลาไม่นานตำรวจเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมผู้ลอบสังหาร ประธานธิบดีได้ทันควันท่ามกลางความสงสัยของหลาย ๆ ฝ่ายว่าเป็นการจัดฉาก
ผู้ต้องสงสัยนามเขาคือ ลี ฮาร์วีย์ ออสสวาล์
แต่ต่อมาไม่นาน เขาถูกฆ่า โดยชายคนหนึ่ง ท่ามกลางอารักขาของเจ้าหน้าที่แน่นหนาอย่างง่ายดายเหลือเชื่อ
และต่อมา ชายคนนั้น ก็ฆ่าตัวตายปริศนาในคุก

ทิ้งปริศนาที่ว่า ความจริงของคดีนี้คืออะไรกันแน่!

คดีลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้



ยังคงเป็นความลับดำมืดอยู่แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบ 40 ปีแล้วก็ตาม หลักฐานที่ได้จากฟิล์มภาพยนตร์ และรูปถ่ายในวันเกิดเหตุแสดงให้เห็นถึงชายลึกลับ 2 คนที่อยู่ใกล้กับเคนเนดี้ มากที่สุดในวินาทีที่เขาถูกยิง แต่กลับดูเหมือนว่าชายทั้ง 2 จะไม่มีตัวตน

วันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ได้เดินทางไปยังเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส

ตามกำหนดการเดินสายหาเสียงในรัฐต่างๆ ทางใต้ เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 ของเขา

เวลา 11:40 น. ประชาชนชาวดัลลัสต่างต้อนรับการเดินทางมาของเคนเนดี้และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอย่างอบอุ่น ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส จอห์น คอนเนลลีย์ และภรรยา


John Bowden Connally, Jr.
นั่งในรถลิมูซีน คันเดียวกับท่านประธานาธิบดีเพื่อเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง เมื่อขบวนรถได้เคลื่อนมาถึงเดลีย์พลาซา





ณ เวลา 12:30 น. ก็เลี้ยวขวาจากถนนเมน เข้าถนนฮิวส์ตัน เพื่อที่เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเอล์ม



ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัส (Texas School Book Depository)



ทันทีที่รถคันที่เคนเนดี้นั่งแล่นผ่านป้ายบอกชื่อถนนทางด่วนสเตมมอนส์ ที่อยู่ข้างหน้า



ภรรยาของผู้ว่าจอห์นก็ได้ยินเสียงปืน เธอจึงเหลี่ยวหลังไปมองเคนเนดี้ที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถ เธอเห็นท่านประธานาธิบดีเอามือกุมที่คอ วินาทีถัดมาผู้ว่าฯ จอห์นก็รู้สึกปวดที่ด้านหลังเขารู้ทันทีว่าเขาถูกยิง http://www.btinternet.com/~dr_paul_lee/JFK.htm

ไม่กี่วินาทีต่อมาผู้ว่าจอห์น ก็ได้ยินเสียงปืนนัดที่ 3 ภรรยาของท่านประธานาธิบดียังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคิดว่าเป็นเสียงประทัดหรือดอกไม้ไฟที่ประชาชนจุดต้อนรับขบวน แต่เมื่อเธอหันหน้ามามองสามีเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก็ต้องตกใจที่เห็นท่านประธานาธิบดีถูกยิงเข้าที่ศรีษะมันเป็นกระสุนนัดสุดท้ายที่สังหารเคนเนดี้





http://www.assassinationresearch.com/v2n2/zfilm/zframe313.html

เมื่อประชาชนที่คอยเฝ้าต้อนรับรถขบวนอยู่ 2 ข้างทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างก็แตกตื่นพากันนอนราบลงกับพื้นหรือไม่ก็วิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้น เพื่อหลบลูกกระสุนที่อาจเกิดการยิงขึ้นมาอีก



ยกเว้นคน 2 คน!



http://www.dallasnews.com/cgi-bin/bi/dallas/photography/photography.cgi?step=View%20Slideshow&show=420&thisImage=6583
http://www.dallasnews.com/s/dws/spe/2005/jfk


ปริศนาคนถือร่ม

จากการวิเคราะห์ฟิล์มภาพยนตร์ขนาด 8 มม. ที่ถ่ายโดย อับราฮัม แชพรูเตอร์

และภาพถ่ายจากกล้องของผู้อื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ ประกอบกับคำให้การของพยานขณะที่ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ถูกลอบสังหารนั้นแสดงให้เห็นสิ่งผิดปรกติที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีนั้นมากมาย ภาพถ่ายจากพยานที่ยืนอยู่ริมถนน ตรงกันข้ามกับป้ายบอกชื่อถนนทางด่วนเสตมมอนส์ จับภาพชาย 2 คนนั่งอยู่ริมถนนบริเวณป้ายนั้น





ซึ่งเป็นคนที่อยู่ใกล้กับประธานาธิบดีมากที่สุด ชายทั้ง 2 ดูเหมือนเป็นเพียงประชาชนธรรมดาๆ ที่มาต้อนรับประธานาธิบดีในดวงใจของพวกเขาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่นั้น แต่เมื่อรถของประธานาธิบดีแล่นมาถึงหนึ่งในนั้นก็ลุกขึ้นยืนกางร่ม



ที่มันน่าแปลกก็เพราะว่าวันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใส ไม่มีเค้าว่าจะมีฝนหรือแดดก็ไม่จัด ที่สำคัญคือ ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่กางร่มในที่เกิดเหตุ เขากางร่มออกเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็หุบมันลง ในขณะที่ชายคนที่นั่งข้างๆ เขาลุกขึ้นยืนโบกมือ และวินาทีเดียวกันนั้นเองเสียงปืนก็ดังขึ้น!

สิ้นเสียงปืนความโกลาหลก็บังเกิดขึ้น ฝูงชนแตกตื่นไปคนละทิศละทาง ยกเว้นชาย 2 คนนี้ที่ทรุดตัวนั่งลงที่เดิม หนึ่งในนั้นหยิบวัตถุบางอย่างที่มีเสาอากาศออกมา เขาจ่อมันที่ปากเหมือนกับว่าเขากำลังพูด วิทยุรับ-ส่ง จากนั้นชายทั้ง 2 ก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ชายที่ถือร่มเดินไปทางอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนส่วนอีกคนเดินไปทางถนนลอดใต้ทางด่วน



"ชายผิวคล้ำ" (Dark complected Man) หยิบวัตถุบางอย่างที่มีเสาอากาศมาจ่อที่ปากหลังจากที่เคนเนดี้ถูกยิง

หลังจากที่เคนเนดี้ถูกยิง เขาก็ลุกขึ้นยืนเอาวิทยุเหน็บหลังแล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


สัญญานมรณะ





เป็นไปได้ไหมว่า ชายทั้ง 2 คนกำลังส่งสัญญานให้กับมือปืนที่ซุ่มรออยู่ เพื่อบอกให้เริ่มปฏิบัติการได้ที่ต้องให้สัญญานก็เพราะมือปืนไม่ได้มีแค่คนเดียวอย่างที่เอฟบีไอ ได้ทำสรุปสำนวนการสืบสวนเป็นที่แน่นอนว่าเมื่อเสียงปืนดังขึ้น ความโกลาหลย่อมเกิดขึ้น หน่วยรักษาความปลอดภัยและ "เหยื่อ" จะต้องรู้ตัว

ดังนั้นเพื่อให้ปฏิบัติการสัมฤทธิ์ผล ปืนอย่างน้อย 3 กระบอกจะต้องถูกยิงในเวลาเดียวกันจากมุมต่างๆหลังจากนั้นชายทั้ง 2 จะหยุดดูผลงาน แจ้งข่าวและหนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่า สัญญาน "ร่ม" อาจเป็นสัญลักษณ์สื่อความหมายถึงปฏิบัติการส่งกองกำลังสนับสนุนทางอากาศย้อนกลับไปเดือนเมษายน ค.ศ. 1961 เมื่อ ซีไอเอ ได้ส่งกำลังทหารเข้าไปยังคิวบาเพื่อเข้าต่อต้านกองทหารฝ่ายปฏิวัติของ ฟิเดล คาสโตร เรียกว่า ปฏิบัติการบุกอ่าวสุกร (Bay of Pigs Invasion) ซีไอเอ ได้ให้สัญญากับกองทัพของเขาว่าจะมีการส่งกำลังสนับสนุนทางอากาศเข้าไปช่วยหลังจากที่พวกเขาถึงอ่าวสุกรแล้ว แต่เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากประธานาธิบดีเคนเนดี้ ปฏิเสธคำขอของซีไอเอ ที่จะส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยกองทัพของซีไอเอราว 1,300 คน ที่ล่วงหน้าไปยังที่นั่นแล้ว ปฏิบัติการครั้งนั้นจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า การกางร่มออกของชายลึกลับอาจสื่อความหมายถึง กองกำลังสนับสนุนทางอากาศที่พวก ซีไอเอ รอคอย

ร่มเป็นอาวุธลับ



โรเบิร์ท คัทเลอร์ นักวิจัยที่มีชื่อเสียงได้ตั้งข้อสังเกตุว่า "ร่ม" อาจเป็นปืนยิงลูกดอก ซึ่งทฤษฏีนี้ได้รับการยืนยันว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากในปี ค.ศ. 1975 นักวิจัยทางด้านอาวุธของ ซีไอเอ ผู้หนึ่งได้ให้การต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนว่าในปี ค.ศ. 1963 ซีไอเอ ได้สั่งผลิตอาวุธลับปืนยิงลูกดอกที่เป็นรูปร่มจำนวน 50 กระบอกลูกดอกจะถูกยิงอย่างเงียบๆ ออกมาจากก้านร่มขณะที่ผู้ถือกางร่มออก



โรเบิร์ท ยังได้ให้ความเห็นอีกว่า รอยบาดแผลที่คอของประธานาธิบดีเคนเนดี้ นั้นอาจเป็นบาดแผลที่เกิดจากกระสุนลูกดอก แต่มันถูก "ตกแต่ง" เสียใหม่ระหว่างที่มีการชันสูตรศพ



และเจ้าลูกดอกอาบยาพิษนี่เองที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านประธานาธิบดีไม่แสดงอาการตอบสนองและนั่งเป็น "เป้านิ่ง" ขณะที่เสียงปืนดัง

ข้อสังเกตุทั้งหลายที่กล่าวมานี้ยังไม่มีหลักฐานแน่นหนาพอที่จะยืนยันได้ว่าถูกต้อง ดูเหมือนทฤษฏีกางร่มเป็นสัญญานนั้นจะฟังดูเป็นไปได้มาก แต่คำตอบที่ดีที่สุดก็คือ การนำเอาตัวชายลึกลับทั้ง 2 คนมาสอบสวนปากคำ แต่ว่าจะหาตัวพวกเขาได้ที่ไหน?


ไม่มีตัวตน!

เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่ชายทั้ง 2 คนไม่มีตัวตนอย่างเป็นทางการทั้งเอฟบีไอและคณะกรรมาธิการวอร์เรน
(Warren Commission เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อสอบสวนคดีลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้) ไม่เคยพูดถึงชายลึกลับทั้ง 2 คนในการสืบสวนสอบสวน

แต่ต่อมาเมื่อได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการรัฐสภา เพื่อให้มาดูแลการสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญนี้ พวกเขาได้สั่งให้หาตัวชายลึกลับทั้ง 2 คนมาสอบสวน อีกทั้งยังได้ติดประกาศรูปชายทั้ง 2 ให้ประชาชนช่วยชี้เบาะแสหากว่าเคยเห็นหรือรู้จักพวกเขา

หลังจากที่ติดประกาศตามหาตัวได้ไม่นาน จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์จากผู้ไม่ประสงค์จะออกนามแจ้งมายัง เพนน์ โจนส์หนึ่งในคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่าชายลึกลับที่ถือร่มนั้นเป็นพนักงานขายประกันในดัลลัสชื่อ หลุยส์ สตีเวน วิทท์ (Louie Steven Witt) เพนน์ จึงรีบประสานงานกับแหล่งข่าวของเขาในดัลลัสทันที




พยาน "เตี๊ยม"

ในที่สุด เพนน์ ก็พบชายถือร่ม หลุยส์ ยอมรับว่าวันที่ประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร เขาอยู่ในที่เกิดเหตุ เพนน์ มีความรู้สึกว่า หลุยส์ ได้รับการ "เตี๊ยม" มาเป็นอย่างดีในการให้ปากคำ อันที่จริงเขายังไม่ได้ถูกตั้งข้อหา ซึ่งเขามีสิทธิที่จะปฏิเสธการตอบคำถามแต่เขาก็ไม่ได้ทำ เขาตั้งข้อแม้แค่เพียงว่าเขาจะตอบคำถามจากการไต่สวนของคณะกรรมาธิการรัฐสภาเท่านั้น

คำถามทุกคำถามที่ เพนน์ ถาม หลุยส์ ได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว ดูลงตัวสมบูรณ์แบบไปในด้านบวก (พยานบริสุทธิ์) เขาบอกว่าที่เขากางร่มออกขณะที่รถขบวนของประธานาธิบดีเคนเนดี้ แล่นผ่านก็เพราะว่ามีคนบอกเขาว่าเคนเนดี้จะโกรธมากถ้าเขาเห็นคนกางร่มโดยไม่มีเหตุผลต่อหน้าเขา

หลุยส์ บอกแต่เพียงว่าเขาต้องการยั่วให้ท่านประธานาธิบดีโกรธเท่านั้น แต่เขาไม่ยอมบอกว่าทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้น เขายังให้การต่ออีกว่าตอนนั้นเขานั่งอยู่บนสนามหญ้าริมถนน เมื่อรถขบวนของประธานาธิบดี แล่นมาถึงเขาก็ลุกขึ้นยืนและกางร่มออก ขณะที่กางร่มนั้นเขาก็เดินมาที่ริมถนนซึ่งเป็นวินาทีเดียวกับที่เคนเนดี้ถูกยิง

กรรมการสอบสวนท่านหนึ่งได้ตั้งข้อคิดว่าบิดาของประธานาธิบดีเคนเนดี้ เคยรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำอังกฤษ


Joseph P. Kennedy

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ร่มเป็นสัญลักษณ์แทนนายกรัฐมนตรีเนวิลล์ เชมเบอร์เลน (ซึ่งมีนิสัยชอบถือร่มเป็นประจำ)


Neville Chamberlain

และนโยบายทางการเมืองของเขาที่โน้มเอียงไปทางลัทธินาซี โดยที่นโยบายของเขาได้รับการสนับสนุนโดยบิดาของเคนเนดี้


คำให้การขัดแย้ง

เนื่องจาก หลุยส์ อยู่ใกล้กับท่านประธานาธิบดีมากที่สุดในขณะที่ท่านถูกลอบสังหาร ดังนั้นเขาอาจจะเห็นอะไรบางอย่างที่พอจะเป็นเบาะแสให้คณะกรรมาธิการรัฐสภาใช้ในการสืบสวนคดีได้ แต่คำตอบที่ได้จากเขานั้นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด!

เมื่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาถาม หลุยส์ ว่าเขาเห็นอะไรบ้างระหว่างที่เคนเนดี้ถูกยิง หลุยส์ กลับตอบว่าเขาไม่เห็นอะไรเลย เขาบอกว่าเขานั่งอยู่บนสนามหญ้าใกล้ถนน และเมื่อรถขบวนแล่นมาถึงเขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อกางร่มในเวลาเดียวกันนั้นเอง
เขาก็เดินตรงไปที่ถนน ซึ่งเป็นวินาทีที่เขาเข้าใจว่า "คนอื่นๆ" ได้เห็นท่านประธานาธิบดีถูกยิง แต่เขามองไม่เห็นอะไรเลย เนื่องจากเจ้าสิ่งนี้(ร่ม)มันบังเขาอยู่ ช่วงวินาทีนั้นทัศนวิสัยถูกบังโดยร่มที่กำลังกางออก
แต่คำให้การของ หลุยส์ ขัดแย้งกับหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายและภาพยนตร์ เนื่องจากภาพที่เห็นจากในนั้น "คนถือร่ม" นั้นยืนอยู่ ในขณะเดียวกันก็ชูร่มขึ้นเหนือศรีษะในท่าเตรียมพร้อม เมื่อรถของท่านประธานาธิบดีแล่นผ่านจุดที่เขายืนอยู่ เขาก็กางร่มออกทันที กรรมการสอบสวนหลายท่านลงความเห็นว่าคำให้การของหลุยส์เป็นเท็จและไม่เชื่อว่าเขาเป็นชายถือร่มตัวจริง (Umbrella Man)




ชายลึกลับยังคงลึกลับ

เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้ถามถึงชายอีกคนที่ยืนโบกมืออยู่ข้างๆเขา หลุยส์ ก็ตอบว่าเขาไม่รู้จักชายคนนั้น แต่เมื่อคณะกรรมการยืนยันว่ามีพยานหลายคนเห็น หลุยส์ พูดคุยกับชายคนนั้น เขาบอกว่าเขาจำได้แต่เพียงว่ามี "ไอ้มืด" (Nigro Man) คนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้กับเขาเอาแต่บ่นพึมพำว่า "พวกนั้นยิงพวกเขาแล้วเพื่อนเอ๋ย" ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรคืบหน้าจากการสอบสวน หลุยส์ สตีเวน วิทท์ เขาอาจเป็นเพียงคนที่ถูก "เมค" ขึ้นมา เพื่อให้คณะกรรมาธิการรัฐสภา ได้ไต่สวนตามที่ปรากฏในหลักฐานภาพถ่ายเท่านั้น ส่วนชายที่ยืนโบกมือข้างๆ เขาซึ่งถูกเรียกว่า "ชายผิวคล้ำ" (Dark complected Man) ที่มีพยานบางคนระบุว่าเห็นเขาหยิบวัตถุบางอย่างที่มีเสาอากาศมาจ่อที่ปากหลังจากที่เคนเนดี้ถูกยิงนั้นตามตัวเขาไม่พบจนบัดนี้

ทั้งชายถือร่มและชายผิวคล้ำยังคงเป็นบุคคลลึกลับที่ชวนสงสัยว่าพวกเขาเป็นใครและทำไมพวกเขาจึงมีอากัปกิริยาแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ?

ปริศนาคดีลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ชายถือร่มและชายผิวคล้ำ สรุปสำนวนสอบสวนของเอฟบีไอ ยังมีเรื่องอื่นที่ขัดแย้งกับความจริง แม้ว่าภายหลังจะมีการจับกุม ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นคนลั่นกระสุนประวัติศาสตร์ แต่เขาเป็นฆาตกรตัวจริงแน่หรือ?
http://www.ratical.org/ratville/JFK/GoD.html






การจับกุม

ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก จอห์น เอฟ เคนเนดี เสียชีวิต ตำรวจเริ่มสืบสวนหาตัวต้นเหตุการณ์ช็อกโลกทันใด

จากการสืบพยานพบว่ามีคนพบเห็นควันปืนจาก หน้าต่างชั้น 6 หน้าต่างบานขวาสุด ที่โรงเรียนเท็กซัส ตรงข้ามตึกดีลลีย์ พลาซ่า และเมื่อตรวจดูพบอาวุธสังหารที่ทิ้งในที่เกิดเหตุ ที่ทิ้งไว้ในห้องเก็บหนังสือ เป็นปืนไรเฟิลแบบเล็งยิงระยะไกล

ต่อมาอีก 1 ชั่วโมง ตำรวจได้จับชายคนหนึ่งซ่อนตัวในโรงภาพยนต์
ทราบชื่อภายหลังว่า คือนาย ลี ฮาร์วีย์ ออสวาลด์
จับตัวผู้ต้องสงสัยได้รวดเร็วเหลือเชื่อ!


ใครคือ ลี ฮาร์วีย์ ออสวาลด์??



ออสวาลด์ เขาเกิดในอเมริกา October 18, 1939

เคยเป็นนาวินโยธิน หลังจากปลดระวางเขาเดินทางไปรัสเซีย ซึ่งในสมัยนั้นรัสเซียยังเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ ว่ากันว่าเขาไปที่นั้นเพื่อเป็นสายลับ หรือทำงานราชการลับบางอย่าง ต่อมาเขาก็แต่งงานกับสาวชาวรัสเซีย มารนา และมีลูกกับเธอคนหนึ่ง ภายหลังเขากับเธอและลูกย้ายมาอยู่อเมริกา โดยทำเรื่องขอลี้ภัยกับภรรยา

ภรรยาเขามักอ้างว่า เขาเป็นคนพวกหัวรุนแรง เป็นชายวิกลจริต ชอบพูดถึงการเป็นศัตรูกับเคนเนดีเป็นประจำแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะก่อเหตุช็อค โลกถึงเพียงนี้

หลังจากการจับกุม ออสวาลด์สารภาพว่าสาเหตุที่ฆ่าเคนเนดีเพราะเขาเป็นศัตรูกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ ในโซเวียต และกลุ่มของพลเอก ฟิเดล คาสโตร ซึ่งตนเองยอมไม่ได้ในฐานะชาวอ เมริกันที่ฝักไฝ่สัทธิคอมมิวนิสต์

สารภาพง่ายดายเหลือเชื่อ!


หลักฐาน



หลักฐานในการจับกุมลี ฮาร์วีย์ ออสวาลต์ คืออาวุธสังหารที่ทิ้งในที่เกิดเหตุ ที่ทิ้งไว้ในห้องเก็บหนังสือของโรงเรียนเท็กซัส พร้อมกับภาพถ่ายสำคัญ รูปออสวาลด์ ยืนถือปืนไรเฟิล และเอกสารเผยแพร่คอมมิวนิสต์ในมือ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าหลักฐานอันน้อยนิดนี้กลับเพียงพอให้คณะลูกขุนเชื่อว่า ออสวาลต์ ผิดจริงกับการลอบสังหาร จอห์น เอฟ เคนเนดี



หลักฐานแค่นี้น่ะเอาผิด !


ปิดปากผู้ต้องสงสัย!!??



November 24, 1963

ไม่กี่วันหลังจากการจับกุม ออสวาลด์ ก็เกิดเหตุการณ์ช็อกโลกตามมาอีกครั้ง

วันนั้น ตำรวจได้นำออสวาลด์ ออกมาแถลงข่าวต่อหนังสือพิมพ์ ท่ามกลางการคุ้มกันอันแน่นหนาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 70 คน ที่หน้าสถานีตำรวจดัลลัส ในขณะที่เดินทางไปสาล จู่ก็มีชายอ้วนคนหนึ่งจ่อเป็นไปยังออสวาลด์

ปัง!

ออสวาลด์ ครางเจ็บปวด ส่วนเจ้าหน้าที่คุมกัน งง ไม่ช่วยบังกระสุนให้แก่เขาแต่อย่างไร ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าเขาคือบุคคลสำคัญต่อคดีนี้

ออสวาลด์เสียชีวิตในวันนั้นเอง

ชายคนนั้นชื่อ แจ๊ก รูบีย์ อาชีพเจ้าของกิจการคลับแห่งหนึ่ง เขาอ้างว่าที่เขายิง ออสวาลด์ เนื่องจากต้องการกำจัดคนฆ่าประธานาธิบดีที่ตนรัก และเพื่อปกป้องเกียรติของเคนเนดี

ฟังดูเป็นเป็นเรื่องเหลวไหลของชายผู้มีสติ เพราะเขาไม่น่ากล้าเสี่ยงขึ้นไปยิงออสวาลด์ท่ามกลางตำรวจคุ้มกันแน่นหนาขนาด นี้ และเมื่อคดีนี้กำลังรวบรวมสำนวน แจ๊ก รูบี ก็ชิงฆ่าตัวตายในคุกอีก

การตัดตอนเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว!


นาย Jack Ruby ผู้ยิง นาย Lee Harvey Oswald ตายก่อนไขปริศานา

น่าเสียดาย..!! เพราะยังไม่มีการสอบสวน นาย Lee Harvey Oswald มือปืนรายนี้เลย ซึ่งหลายคนเชื่อว่า เขาจะเป็นกุญแจดอกสำคัญ ไขความดำมืดของคดีให้คลี่คลายออกมาได้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังในการสังหารผู้นำครั้งนั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสอบสวน นาย Jack Ruby ได้ให้การเพียงสั้นๆ ง่ายว่า
“เขามีความรักประธานธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ เมื่อเห็นหน้ามือปืน จึงเกิดความแค้น คุมสติไม่อยู่ จึงยิงเสียชีวิต โดยที่ไม่มีใครมาอยู่เบื้องหลังในการยิงแต่อย่างใด”


นาย Jack Ruby


อัยการ

จู่ ๆ ก็มีคนหนึ่งไม่เชื่อในหลักฐานที่ว่านาย ลี ฮาร์วีย์ ออสวาลต์ คือแพะรับบาปทั้งหมด เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อสู้กับอำนาจรัฐเพราะเขาเชื่อว่าคดีนี้มีอำนาจและ อิทธิพลแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง

อัยการ จิม แกร์ริสัน เป็นคนผู้นั้นที่พยายามสืบค้นและแฉเรื่องราวที่เหลือเชื่อและปริศนานี้ ทั้งการสืบค้นจากแหล่งข่าวต่าง ๆ การดูฟิล์มภาพยนต์อย่างถี่ถ้วน



จากการสืบค้นแผนลอบสังหารในครั้งนี้ จิม แกร์ริสัน ก็ได้พบตัวละครเพิ่มขึ้นในคดีนี้คือ

1. เคลย์ แอล ชอร์ นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในนิว ออร์ลีน และประธานหอการค้าแห่งนิว ออร์ลีน เขาเป็นคนว่าจ้างให้ทนายความให้กับออสวาลด์ หลังถูกจับ
2. เด วิด เฟอร์รี หัวหน้าหน่วยบินของกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นอาจารย์ของออสวาลด์เมื่อครั้งเป็นทหารอยู่
3. วิ ลเลียม กาย บานิสเตอร์ อดีต FBI จัดหาข่าวและหานก ต่อทำงานให้กับ FBI ซึ่งว่ากันว่าติดต่อกับออสวาลด์ สมัยอยู่โซเวียต

บุคคลที่ จิย แกร์ริสัน กล่าวอ้างทั้งหมด เชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นกับคดีลอบสังหารนี้และพวกเขาอาจรู้ว่าใครอยู่เบื้อง หลังเหตุการณ์ช็อคโลกในครั้งนี้


จัดฉาก

นอกจากนั้น อัยการ จิม แกร์ริสัน ได้อ้างหลักฐานว่าคดีนี้ไม่ชอบมาพากลที่ได้จากการสืบสวน แต่ล่ะอย่างล้วนน่าสนใจทั้งสิ้น อาทิ

มีความเป็นไปได้ว่าที่จุดสังหาร พลาซ่า กลางเมืองดัลลัสในเวลาเที้ยงวันมีมือปืนมากกว่า 1 คน ขึ้นไป เนื่องจากกระสุนที่เข้าเจาะร่างของประธานธิบดีนั้นมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน หลักฐานคือกล้องถ่ายยนต์ของ อับราฮัม ซาปรูเดอร์ ที่ เผยภาพสังหารประวัติศาสตร์ตอนกระสุนเจาะร่างประธานาธิบดี เห็นได้ชัดเลยว่ามีกระสุนยิงมาจากทิศทางคนละทิศกันและมีพยานพบว่ามีควันจางๆ ตรงจุด กราสซี นอลล์ เนินดินตรงกันข้างจุดที่ลี ฮาร์วีย์ ออสวาลด์ ดักซุ่มยิง

คำให้การของลี ฮาร์วีย์ ออสวาลด์ หลังถูกจับกุม เขาบอกว่า เขาได้สังหารเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหลังฆ่าเคนนาดีชื่อ เจ ดี ทิปพิต แต่กลับมีพยานรู้เห็นว่าตำรวจนั้นถูกยิงโดยชายลึกลับที่ตามหลัง ออสวาลด์ แล้วหายลับไป ปล่อยให้ ออสวาลด์ ยืนงงสักพักก่อนที่จะหนีไปอีกคน

พยานอีกคนหนึ่งเขาเป็นพนักงานรถไฟบอกว่า ตรงจุดกราสซี นอลล์ประมาณครึ่งวันก่อนมีกลุ่มคนแปลกหน้า แต่งกายต่างกันเดินเตร็ดเตร่อยู่ตรงแถวๆนั้น และวินาทีสังหารเขาก็เห็นแสงไฟจากตรงนั้นแต่ต่อมาเขากลับไม่ถูกบันทึกคำให้ การหรือเบิกตัวเป็ยพยานในคดีนี้แต่อย่างใด และต่อมาไม่นานนักพยานปากนี้ก็เกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตอย่าง ปริศนา



หลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถืออีกอย่างก้คือ การระบุกระสุนซึ่งสรุปไปมีแค่ 3 นัดเท่านั้น ที่ตอนแรกว่างเดียวกันคือชั้น 6 อาคารโรงเรียนเท็ก ซัส แต่ความจริงแล้วเมื่อปฏิบัติจริง ๆ แล้วทำได้ยากมากเพราะมีต้นไม้บังอยู่บางตำแหน่งที่รถผ่านมา เป็นไปไม่ได้เลยว่าในช่วงไม่กี่วินาทีสังหารเคนนาดีนั้น ออสวาลด์ จะสามารถสับไกแล้วยิงทั้งสิ้น 3 นัด แล้วกระสุนเข้าเป้าทุกนัดราวจับวางได้เช่น

มีพยานอีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มนักโทษในเรือนจำของเมืองดัลลัส ที่อยู่เยื่อนกับโรงเรียนเท็กซัส บอกว่าเขาเห็นคนหนึ่งหรือสองคนอยู่ตรงหน้าต่างชั้นล่างของอาคารเดียวกัน และมีควันปืนที่ลอยคลุ้มตรงนั้นในช่วงที่ เคนนาดี ถูกยิงนั้นเอง

ไม่มีการจด วอร์เรน คอมมิชชัน และการชันสูตรพลิกศพ เคนเนดี ทำลวกเกินไป

ฯลฯ


ตัดตอนอีกครั้ง!!!

หลังจาก จิม แกร์ริสัน กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อสั่งฟ้องผู้ต้องสงสัยทั้งสามก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ขึ้น

เคลย์ ชอร์ ถูกจับ ตามมาด้วยการฆ่าตัวตายปริศนาของ กาย บานิสเตอร์ และ เดวิด เฟอร์รี ถึงแม้เขาทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้แต่ก็น่าสงสัย ว่ามันต้องเป็นการฆ่าปิดปาก

เมื่อจิมนำหลักฐานมาส่งเพื่อลบล้างหลักฐาน จอมปลอมของคดีเคนนาดี แต่ศาลก็ตัดสินคดีเช่นเดิม

เคลย์ ชอว์ พ้นผิด

เมื่อจิมไปแก้สำนวนใหม่ ก็โชคร้ายอีกที่หน่วยงานของรัฐพร้อมใจกันไม่ยอมรับการทำงานของเขา คอยใช้อำนาจขัดขวางงานจนทนายจินต้องอับหนทางในที่สุด จนต้องยุติการสืบสวน

การฆ่าตัดต่อเสร็จสิ้นสมบูรณ์อีก ครั้ง!


ใครกันที่อยู่เบื้องหลัง

ถึงแม้ อัยการ จิม แกร์ริสัน จะล้มเลิกการสืบสวนคดีนี้ แต่ก็ทำให้คนทั่วโลกมาสนใจคดีนี้อีกครั้งและต่างเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลังในคดีนี้

คนที่อยู่เบื้องหลังจะต้องมีอิทธิพลอำนาจ ระดับสูง สามารถบิดเบื้อนสาธารณชนได้ และกล้าวางแผนประธานาธิบดีที่ใคร ๆ ต่างรักใคร่อย่างอำมหิต

นี้คือการสันนิษฐานกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง คดีนี้

1. CIA หน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกา
2. กลุ่มมาฟีย ผู้เสียผลประโยชน์จาการขึ้นนั่งตำแหน่งประธานาธิบดีของ เคนเนดี
3. กลุ่มสายเหยี่ยว หรือหน่วยงานทางทหารที่ขัดแย้งต่อนโยบายที่มีต่อค่อยคอมมิวนิสต์ของ เคนนาดี
4. กลุ่มปฏิปักษ์กับรัฐบาล ของ คาสโตร แห่งคิวบา ที่เรียกกลุ่มนี้ว่า อัลฟา 66 เนื่องจากผลประโยชน์ร่วม บางอย่างกับหน่วยงานที่ทรงอิทธิพลของอเมริกา
5. กลุ่มนักธุรกิจนายทุนในธุรกิจระดับใหญ่ซึ่งมองว่า เคนนาดี ใช้นโยบายที่เป็นปฏิบัติต่อระบบทุนนิยม
6. กลุ่มนักธุรกิจนายทุนนักค้าอาวุธสงครามที่ต้องการห้เกิดสงคราม เพื่อขายอาวุธแต่เคนนาดีกลับขัดขวาง
7. ทุก ๆ กลุ่มร่วงลงขันวางแผนร่วมกันในครั้งนี้ทั้งหมด

ส่งท้าย

จนถึงปัจจุบันคดีนี้ก็ไม่ได้รับการไข ปริศนา เนื่องจากเป็นความจริงที่ประชาชนไม่ควรรู้ เพราะถ้าหากรู้ไปแล้วอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงเป็นลูกโซ่ ส่งที่ทำตอนนี้ได้คือ ขุดคุ้ยและรับรู้กันแบบ "เล่า มาเล่าไป รู้แล้วเหยียบไว้"



เปิดปมใหม่ JFK อาจถูก CIA ฆ่า เพราะสนใจ UFO




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล


นักเขียนมะกันอ้าง เจเอฟเค อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจถูกซีไอเอลอบสังหาร เพราะขอดูแฟ้มลับยูเอฟโอ

ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ.1963 ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องสูญเสียผู้นำคนสำคัญอย่าง "จอห์น เอฟ เคนเนดี" หรือที่คนทั่วโลกเรียกกันว่า "JFK" หลังจากเขาถูกยิงเสียชีวิตขณะนงขบวนรถประธานาธิบดี ซึ่งจากการสืบสวนของรัฐบาลพบว่า ผู้ลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี คือ ฮาร์วีย์ ออสวอล แต่ทว่า ฮาร์วีย์ ออสวอล กลับถูกฆาตกรรมก่อนขึ้นศาล ดังนั้นประเด็นว่าใครคือฆาตกรก็ยังคงเป็นปริศนาที่ค้างคาใจชาวโลกมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า ฮาร์วีย์ ออสวอล จะลงมือเพียงคนเดียว

และล่าสุด ก็ได้มีนายวิลเลี่ยม เลสเตอร์ นักเขียนชาวสหรัฐอเมริกา ผู้ที่กำลังรวบรวมข้อมูลออกหนังสือชื่อว่า "A Celebration of Freedom : JFK and the New Frontier" ออกมาอ้างว่า มูลเหตุของการลอบสังหารอดีตผู้นำมาจากการที่อดีตผู้นำสนใจเรื่องยูเอฟโอเป็นอย่างมากนั่นเอง โดยเขาค้นพบข้อมูลว่า 10 วันก่อนที่ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ จะถูกลอบสังหาร ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงผู้อำนวยการสำนักงานซีไอเอ (Central Intelligence Agency : CIA) เพื่อขอข้อมูลเอกสารลับเกี่ยวกับการปรากฏของยูเอฟโอในวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ.1963

นอกจากนี้ วิลเลี่ยม เลสเตอร์ ยังอ้างอีกว่า ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ยังได้เขียนจดหมายฉบับที่สองส่งถึงนาซ่า โดยระบุว่า ต้องการจะร่วมมือเรื่องกิจกรรมนอกพิภพกับสหภาพโซเวียต เพราะเขากังวัลว่า การที่ยูเอฟโอจำนวนหนึ่งปรากฏในน่านฟ้าสหภาพโซเวียตด้วย อาจทำให้สหภาพโซเวียตเข้าใจผิดว่าสหรัฐอเมริกากำลังคุกคามโซเวียต

ด้านผู้เชี่ยวชาญอีกรายระบุว่า ข้อสันนิษฐานของนายวิลเลี่ยม เลสเตอร์เป็นไปได้ เพราะในบันทึกลับฉบับหนึ่งซึ่งนายทิโมธี่ เอส คูเปอร์ ผู้ที่สนใจเรื่องราวของยูเอฟโอเป็นอย่างมาก เคยได้รับมาจากซีไอเอ ได้บันทึกไว้ว่า อดีตประธานาธิบดีผู้นี้เคยติดต่อกับผู้อำนวยการซีไอเอจริง โดยใช้ชื่อรหัสลับว่า "Lancer" เพื่อสอบถามข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกิจกรรมของซีไอเอ แต่ทางผู้อำนวยการซีไอเอไม่ได้ให้ไป นั่นจึงเป็นที่มาของการคาดการณ์กันว่า ข้อมูลที่อดีตประธานาธิบดีเคยสอบถามอาจเป็นข้อมูลสำคัญมาก และอาจเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อเท็จจริงของการค้นพบยูเอฟโอ ทำให้ซีไอเอต้องสังหารเขา


cr. Postjung / oknation / gigadeen / kapook / chaibadancrime

รวบรวมและเรียบเรียงใหม่โดย หมูดำ


แถมภาพจาก http://www.soccersuck.com/boards/topic/942943
John F. Kennedy Jr. ยืนเคารพศพของบิดาต่อหน้ากองเกียรติยศ




คดีจบเพียงเท่านี้ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย คุโรบูตะ เมื่อ Fri Nov 22, 2013 19:58, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Sep 2009
ตอบ: 4382
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 19:18
ถูกแบนแล้ว
[RE: 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK]
คดียังไม่จบหรอกครับคนที่จับได้ก็แพะทั้งนั้น
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: ร่องรอยที่ล่องลอย
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 8956
ที่อยู่: ท่าแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง ♥♪♫
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 19:23
[RE: 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK]
เวียร์ มิน พิมพ์ว่า:
คดียังไม่จบหรอกครับคนที่จับได้ก็แพะทั้งนั้น  


ใช่ครับ ดูแล้วยังไงก็แพะ

แต่คดีก็ถูกบังคับให้จบลงไปละ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 297
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 19:27
[RE: 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK]
เห็นสไนเปอร์แล้วนึกถึงคดีเสธแดงที่โดนสไนเปอร์ส่อง
เพื่อนผมที่บ้านทำธุรกิจขายปืน พ่อมันบอกว่า พวกนี้ไม่ต้องอะไรมาก
เหล้าขวดเดียวเขาก็เอาแล้ว น่าจะเป็นทหารรับจ้าง
เพราะเสธแกเป็นทหารนอกแถว ป๋าเขาไม่ชอบมานานแล้ว ป๋านี่หมายถึงคนที่คุณก็รู้ว่าใครนะ
แก้ไขล่าสุดโดย Smith Westerns เมื่อ Fri Nov 22, 2013 19:27, ทั้งหมด 1 ครั้ง
5
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2759
ที่อยู่: บ้านอุ่นไอรัก
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 19:41
ถูกแบนแล้ว
[RE: 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
แม่นโคตร โป้งเดียวดับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: เนี่ยถ้าคุณติดคุกอะ แล้วภาษาคุกคุณไม่รู้อะ แล้วถ้า
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Feb 2011
ตอบ: 9920
ที่อยู่: FOOTBALLSUCKPLAB
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 19:45
[RE: 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
Smith Westerns พิมพ์ว่า:
เห็นสไนเปอร์แล้วนึกถึงคดีเสธแดงที่โดนสไนเปอร์ส่อง
เพื่อนผมที่บ้านทำธุรกิจขายปืน พ่อมันบอกว่า พวกนี้ไม่ต้องอะไรมาก
เหล้าขวดเดียวเขาก็เอาแล้ว น่าจะเป็นทหารรับจ้าง
เพราะเสธแกเป็นทหารนอกแถว ป๋าเขาไม่ชอบมานานแล้ว ป๋านี่หมายถึงคนที่คุณก็รู้ว่าใครนะ
 


ทหารในแถวเค้าก้เรียกกันว่า

เด็ก(เลีย)ป๋า ใช่ไหมครัช
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
เรื่องแบบนี้ถ้าเป็นที่ลาสเวกัสผมนึกภาพไม่ออกจริงๆ
힘든 나를 지켜 바라봐 줄 한 사람, 너인 것 같은 기분 드는 걸

ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 02 Jul 2009
ตอบ: 7627
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 19:48
[RE: 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
ใครบงการก็ยังไม่รู้ต่อไป
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: แผลที่มีอยู่ ไม่เจ็บแล้ว แต่มันยัง จำได้
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Aug 2007
ตอบ: 4898
ที่อยู่: ใต้หลังคาแอนฟิว
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 20:21
[RE: ► 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
ต้องแอบไปดู สมุดลับ ประธานาธิบดี ครับผมว่าได้รู้หมดแน่นอน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Oct 2009
ตอบ: 6640
ที่อยู่: BKK
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 20:33
[RE: ► 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
ขอบคุณคับ อ่านเพลินดี สงสารเมียแกจริงๆวินาทีนั้นคงติดตาไปนาน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 8006
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 20:39
[RE: ► 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
กว่าจะอ่านจบ

ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะรู้ความจริงมากขึ้นไปอีก
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Sep 2009
ตอบ: 20594
ที่อยู่: Anfield Road. & Miyoung Heart & Korean Idol Republic
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 20:42
ถูกแบนแล้ว
[RE: ► 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
ขึ้นแนะนำเถอะคับ ต้องอ่านนานเลย..รายละเอียดเยอะมาก โหวตคับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Sep 2013
ตอบ: 2090
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 20:43
ถูกแบนแล้ว
[RE: ► 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
ทำไมบางที่ก็บอก คนขับรถเป็นคนยิงอะ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: ร่องรอยที่ล่องลอย
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 8956
ที่อยู่: ท่าแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง ♥♪♫
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 20:51
[RE: ► 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
นักฟุตบอลอาชีพ พิมพ์ว่า:
ทำไมบางที่ก็บอก คนขับรถเป็นคนยิงอะ  


หลากหลายกระแสครับ ไม่มีใครรู้

นอกจากคนในเหตุการณ์โดยเฉพาะเมีย JFK

ถ้าคนขับรถหันมายิงจริงๆ เมียน่าจะเห็นนะ

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: ร่องรอยที่ล่องลอย
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 8956
ที่อยู่: ท่าแซะ แซะมง ตะลุ่มตุ้มมง ♥♪♫
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 20:54
[RE: ► 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
GREEN_SMOKER พิมพ์ว่า:
ขึ้นแนะนำเถอะคับ ต้องอ่านนานเลย..รายละเอียดเยอะมาก โหวตคับ  


โหวตให้ตายก็ไม่ขึ้นครับ ปุ่มเสียหรือระบบเสียก็ไม่รู้นะ

กระทู้ที่ผมตั้งส่วนใหญ่ไม่ได้ขึ้น เพราะตั้งระหว่างสัปดาห์

ไม่ใช่ช่วงหลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์

ยากที่จะขึ้นไปหน้าแรก แต่ผมก็ขอบคุณครับที่โหวตให้นะ

ลองแปะบุคมาร์กไว้ละกันครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Sep 2009
ตอบ: 20594
ที่อยู่: Anfield Road. & Miyoung Heart & Korean Idol Republic
โพสเมื่อ: Fri Nov 22, 2013 21:12
ถูกแบนแล้ว
[RE: ► 50 ปีคดีลอบสังหาร JFK #################]
คุโรบูตะ พิมพ์ว่า:
GREEN_SMOKER พิมพ์ว่า:
ขึ้นแนะนำเถอะคับ ต้องอ่านนานเลย..รายละเอียดเยอะมาก โหวตคับ  


โหวตให้ตายก็ไม่ขึ้นครับ ปุ่มเสียหรือระบบเสียก็ไม่รู้นะ

กระทู้ที่ผมตั้งส่วนใหญ่ไม่ได้ขึ้น เพราะตั้งระหว่างสัปดาห์

ไม่ใช่ช่วงหลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์

ยากที่จะขึ้นไปหน้าแรก แต่ผมก็ขอบคุณครับที่โหวตให้นะ

ลองแปะบุคมาร์กไว้ละกันครับ
 


ผมยังไม่ได้โหวตเลยคับ แผล่บหมด.. แต่บุ๊กไว้ละ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel