ถามว่าไอที่เราพิมๆกันเนี่ย เคยเห็นสัญญาจ้างกันบ้างมั้ย ทั้งกองเชียร์สหภาพ ทั้งกองเชียร์ฝั่งนายทุน

ไม่นับพวกที่ไม่หาข้อมูลแล้วเม้นไปเรื่อยนะ

ผมว่าหลายคนเขาไม่ได้เลือกข้าง เขาวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริง สถานะโดยรวม ว่าใครผิดจริงตรงไหนบ้าง ใครน่าสงสารจุดไหนบ้าง

แต่ใจ จขม. เองนั่นแหละที่เลือกข้าง 100% พอคนเขาไม่ 100% แบบท่าน ท่านก็เลยคิดไปเองว่าเขาเลือกอีกฝั่ง

ผมแอบเหวอเหมือนกันที่ไม่ได้ความคิดแบบนี้แค่เรื่องการเมือง แต่ลามมาเรื่องอื่นๆด้วย

ก็เหมือนการเมืองอะครับ มีสองฝั่ง ไม่เป็นฝั่งนึงก็เป็นฝั่งนึง จริงๆ narrative นี้ก็ถกกันมานานละนะครับว่าในทางการเมืองมันไม่มีตรงกลาง ใครบอกเป็นกลางทางการเมืองอันนี้ตลกครับ (ข้อนี้คิดว่าเป็น fact ครับ) จึงไม่แปลกครับที่เรื่องนี้จะคล้ายการเมืองเพราะมันไม่มีตรงกลาง ท่านไม่อยู่ฝั่งลูกจ้างก็อยู่ฝั่งนายจ้างแค่นัินอะครับ เพราะโลกนี้มีแค่สองฝั่ง เอาง่ายๆบอร์ดประกันสังคมก็มีฝั่งนายจ้างกับลูกจ้าง ยกเว้นแค่ท่านจะเป็นราชการ แต่นั่นแหละ ราชการก็เป็นลูกจ้าง เพียงแต่เป็นลูกจ้างแผ่นดิน ทีนี้พอมันเป็นแบบนี้พอออกตัวว่าไม่อยู่ฝั่งไหนก็แปลกละ เพราะมันมีแค่ฝั่งตามที่ผมกล่าวมา หรือท่านจะบอกว่าท่านเป็นลูกจ้างที่เห็นด้วยกับนายจ้างเหรอครับ อันนี้แอบเหวอจริงๆครับ เพราะถ้าอ่านหัวมู้ผมดีๆจะเข้าใจครับ แต่ก็ไม่แปลกใจครับ อีกนานสังคมเราถึงตระหนักเรื่องสิทธิ พอๆกับเรื่องอื่นๆที่กว่าจะถกกันได้ก็ต้องผ่านการตกผลึกมาก่อน

แค่สงสัยนะครับว่า "ถ้า" และ "สมมุติ"

สมมุติว่า มีพนักงานทั้งหมด 1,500 คนละกัน และมีคนทำตามเงื่อนไข 10 ปีที่ว่าได้ 1,000 คน

ถ้า 1,000 คนที่ว่า ต้องได้ทอง 3 บาท (ตีว่าบาทละ 6 หมื่น) ตามที่ระบุไว้ในคู่มือ = 1,000 x 18,000 = ใช้เงินค่าทอง 18,000,000 บาท

แล้วยังมีโบนัสอีกคนละ 7 เดือน (สมมุติว่าตกลงได้ที่เท่านี้) โดยประมาณรายได้เฉลี่ยไว้ที่ 10,000บาท/คน ละกัน = 1500 x 70,000 = ใช้เงินค่าโบนัส 105,000,000 บาท

และขึ้นเงินเดือนอีกคนละ 4.5% ก็ต้องเตรียมวงเงินค่าจ้างในอนาคตเพิ่มไป xxxxx บาท (ขี้เกียจคำนวณล่ะ)


พอดูผลประกอบการที่บอกว่ากำไร 6,000 ล้าน เมื่อเทียบกับ 18+105 = 123 ล้าน ก็ถือว่าห่าง แต่ก็ต้องอย่าลืมเรื่องการเตรียมตัวลงทุนเพิ่มเติม บำรุงรักษา ส่วนแบ่งหุ้นส่วน เงินกู้หมุนเวียน ฯลฯ และที่สำคัญ ลงทุนก็ต้องอยากได้กำไรเป็นธรรมดา ยิ่งได้มากยิ่งดี คงมีคนจำนวนน้อยที่อยากได้กำไรน้อยๆ แหละเนอะ

ทีนี้ถ้าบริษัทได้คุยกันเองในกลุ่มผู้บริหาร+ผู้ถือหุ้น และมีกรอบเงินที่จะให้เป็นโบนัสแก่พนักงานอยู่แล้ว สัก 100 ล้าน แล้วเค้าตกลงจะให้ทอง เพราะมีคู่มือผูกมัดอยู่ โดยการโยกเงินมาทุ่มลงไปที่ค่าทอง ของ 1,000 คน แล้วลด จำนวนเงินโบนัสของ 1,500 คน ลงแทน เหลือคนละประมาณ 5.5 เดือน คิดว่าเรื่องจะจบมั้ยครับ เพราะเท่าที่อ่านผ่านๆ จริงๆ โบนัสจะให้เท่าไหร่ก็ได้ เพราะไม่มีตัวเลขชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ไม่ได้ตามข่าวเท่าไหร่ อ่านผ่านๆ ผมว่าปัญหาเรื่องนี้มันคือเรื่องทองนะ ถ้าแจกเงินสดแต่แรกคงจบไปแล้ว แต่ดันเปนปัญหาเพราะแจกเปนทอง แล้วราคาทองถ้าเทียบกับปีที่แล้วราคามันต่างกันเยอะมากเกือบเท่านึงได้เลยมั้ยนะ พอทีนี้ ทอง 3 บาทปีที่แล้วเทียบกับปีนี้มันเลยเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเลย ผมว่าแม่งเปนเคสตัวอย่างให้ บริษัทหลายๆบริษัทในอนาคตเลยอะ