เพราะมันคือเรื่องโบนัสครับ ถ้าเป็นเรื่อง base salary คนจะยังเห็นใจแรงงานมากกว่านี้
ส่วนโบนัส ผมมองว่า บ สามารถพิจารณาเพิ่มหรือลดได้ตามสถานการณ์เศรษฐกิจและหลาย ๆ อย่างอยู่แล้ว
ซึ่งการที่ บ สามารถเปลี่ยนการจ่ายได้แบบนี้ แสดงว่าในสัญญาต้องมีการเขียนระบุไว้อย้างชัดเจนว่าสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องโบนัสได้ และแรงงานต้องรับรู้ก่อนเซ็นอยู่แล้วว่ายินดีรับการเแลี่ยนแปลงนี้
ยิ่งเรื่องทอง มันราคาโดดสูงขึ้นมากขนาดนั้น คนส่วนใหญ่ที่เขามีวิจารณณานก็ย่อมเข้าใจว่า บ จำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะอะไร

ใช่ครับ ไม่ make sense

เพราะมัน fake news อะครับที่ขอโบนัส 10+ เดือน

พนง.ไดกิ้นก็ออกมาพูด มีข่าวลงแล้วว่าขอเท่าๆปี 66-67 ที่ 7 เดือน

แต่ปัญหาจริงๆคือทอง 3 บาทที่ให้คนทำงาน 10 ปี ไม่สาย ไม่ลาใดๆยกเว้นลาพักร้อน

เขียนไว้ในคู่มือพนักงาน มีคนลงไว้แล้ว แต่จะอ้างว่าไม่ใช่สัญญาจ้างงานก็ไปคุยกันที่ศาลแรงงาน ถ้าศาลฯบอกไม่มีผลตามกฎหมายก็จบ

แล้วเพราะอะไรละครับ ทำไมฐานเงินเดือนโรงงานมันถึงไม่เท่ากับพนง.ออฟฟิศ ก็เพราะความสามารถ ความรู้คุณมันไปสมัครพนักงานออฟฟิศไม่ได้ไงครับ คุณก็ต้องมาสมัครโรงงานที่เงินเดือนน้อยตาม spec ไม่ใช่ความรู้ความสามารถน้อยแต่อยากเรียกร้องเงินเดือนให้เท่ากับคนมีความรู้ความสามารถมากกว่าให้มัน make sense หน่อย


ส่วนถ้าไม่พอใจก็เลิกจ้าง ก็เนี่ยไงกระบวนการมันกำลังจะไปจุดนั้น ถามกลับแล้วทำไมไอ้ทาสที่คุณบอกไม่ลาออกละเงินเดือนไม่พอใจ เงินเดือนน้อย โดนกดขี่ แต่เสิกไม่ลาออก ยากอะไร งง??

ผมว่าสาเหตุจริงๆมันอยู่ที่ว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศเนี่ย อาจจะไม่ได้โบนัสหรือได้กันแค่ 1-3 เดือน

แต่พอเห็นข่าวว่าบริษัทให้โบนัส 5 เดือน แล้วฝั่งพนักงานยังไม่พอใจ จะเอา 11 เดือน มันก็เกิดไบแอสในใจขึ้นมาแล้ว

เชี่ยย ได้ตั้ง 5 เดือนยังไม่พออีกเหรอวะ จะเอาไรนักหนาตั้ง 11 เดือน

ไม่ได้สนใจจะไปหาข้อมูลต่อหรอกว่าเงื่อนไขมันเป็นยังไง สัญญากันไว้ยังไง เมื่อก่อนได้เท่าไหร่ กำไรเพิ่มขึ้นลดลงแค่ไหน ตัวเลขที่เหมาะสมจริงๆคือเท่าไหร่ (ผมก็หนึ่งในนั้น อ่านข่าวจบแล้วก็จบไป)

เข้า ss เกือบทุกวัน เข้ามาเจอมู้นี้แล้วแอบเหวอ

คนมันก็มีทั้งสุดโต่งซ้ายกับขวา เช่น บอกคนนั้นคนนี้เป็นทาส กับบอกพนักงานเรียกร้องเกินไปไล่ออกให้หมด

ตัดไอ้พวกนี้ออกมันก็คือข้อมูลที่เสพได้อะ ส่วนใหญ่เห็นพิมเขาก็คุยกันได้นะ ยกเว้นพวกที่ยกมามันก็ได้แค่สะใจนั่นละผมก็เป็น

เอ๊ะ ผมบอกตรงไหนว่าคนทำงานโรงงานเงินเดือนเท่าคนทำ office แค่บอกว่าเรทการจ่ายค่าตอบแทนมันต่างกัน จะคิดบนฐานของคนทำงาน office ไม่ได้ปะ อ่านให้แตกก่อนค้อยเม้นท์ครับ

ไม่อยู่ข้างแรงงาน เท่ากับ เป็นทาสนายทุนไปแล้วสินะ

ส่วนตัวติดว่าทองควรได้ตามที่ตกลง เพราะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขอะไร ส่วนเรื่องโบนัสก็หาจุดที่สองฝ่ายยอมรับได้ ถ้าหาไม่ได้ก็ไปให้ศาลท่านช่วยหา

ผมน่าจะไม่เคยให้ความเห็นเรื่องนี้เลย เพราะไม่รู้รายละเอียด

ความเห็นส่วนตัวแต่ละคนว่าเรียกร้องเกินไปหรือไม่ก็ไม่อยากยุ่ง

แต่อยากบอกว่า อย่าสร้างสระแสสังคมให้รู้สึกว่าแรงงานเรียกร้องเยอะเกินไป หรือเข้าข้างโรงงานว่าเลิกจ้างมันไปซะอะไรแบบนั้น

มันควรเรียกร้องได้ อาจจะเกินไปบ้างบางทีก็ได้

สิทธิต่างๆ ของแรงงานที่เรามองว่าปกติ เป็นธรรมในตอนนี้ มันก็เริ่มมาจากกลุ่มคนที่เรียกร้องอะไรเกินเลยในสายตาคนอื่นมาก่อน

ไม่ได้บอกว่าเคสนี้ฝ่ายไหนทำเหมาะสมถูกต้อง แต่มองภาพกว้างๆ อย่าไปกดดันเย้นหยันฝั่งแรงงานมากนัก โรงงงานเค้ามีทางเลือก ถ้ามันไม่เหมาะสม บริษัทถูกคุ้มครองตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ถ้าแรงงานไม่เรียกร้อง ไม่มีใครไปคุ้มครองเรียกร้องแทนเค้าได้

คนเจอปั่นเยอะครับ เจอขอ11เดือนบ้าง ขอ2แสนบ้าง 555+ ขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก

ปีนี้สหภาพขอ8เดือน+28k+เงินเดือนขึ้น5% เพราะปีที่แล้วให้มา7เดือน+21k+เงินเดือน4.5% สูงสุดที่เคยจ่าย7.8เดือน+25k

เทียบกับปีที่แล้วมันก็ขอได้อะ แต่พอข่าวออกไปปั่นว่าขอ10เดือน11เดือนแล้วเชื่อไปแบบนั้นแล้วไม่มองว่าปีที่แล้วเขาเคยได้7เดือน มองแค่ตัวเองได้1เดือนก็บุญแล้ว มันก็เลยออกหน้านี้

หลายคนยังไม่รู้เลยว่าถ้าการเจรจาสหภาพยอมจบตอนนี้เลยอะ ตอนนี้ได้โบนัส6เดือน+12kนะ จากตอนแรกบริษัทจ่าย5เดือน+12k

มันเจรจากันแบบนี้ทุกปีอยู่แล้ว ปีนี้ดันเป็นข่าวเจอกระแสสังคมโถมพร้อมปั่นตัวเลขเอายอดวิวกันยับ

สำหรับผมปัญหาเรื่องนี้หนักกว่าเข้าข้างนายทุนอะไรพวกนี้ไปไกลละ

คือคนไทยแม่มหูเบาชิบหาย เรียกร้อง 11 เดือนนี่ วันแรกๆเขาก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่ใช่
จนตอนนี้ประธานสหภาพฯก็ต้องออกมาพูดย้ำอีกรอบว่าไม่เคยเรียกร้อง 11 เดือน แม่มเชื่อเลข 11 เดือนเพราะต๊อกๆกันหมดก็เลยสมน้ำหน้าเขา

เรื่องทองนี่เขียนในคู่มือพนักงานในบริษัทเลยด้วยซ้ำไปว่าครบ 10 ปีไม่ลา ไม่ขาด ไม่สายได้ 3 บาท ถ้าสมมติพลาดแค่วันเดียวก็ต้องนับใหม่ ถามจริงๆ 10 ปีทำกันได้กี่คนเอง

ส่วนเรื่องปิดงานงดจ้างเนี่ย ที่เราไม่เคยได้ยินเพราะประเทศอื่นๆแม้แต่ในญปเองเขาก็ไม่ทำ
ทำแล้วมันส่งผลต่อภาพลักษณ์บริษัทในระยะยาวว่าไม่ได้แคร์แรงงานขนาดนั้น ซึ่งประเทศที่เขาเจริญทางความคิดแล้วเนี่ย ไม่มีใครเข้าข้างนายทุนระดับถ่มถุยแรงงาน แม้แต่ดินแดนทุนนิยมอย่างเมกาฯ คนก็ยังเข้าข้างฝั่งแรงงาน

ไปดู Teamster ที่ขับรถบรรทุกของเมกาก็ได้ ช่วงที่เป็น Red Scare ในเมกา ล่าแม่มดพวกที่สงสัยเป็นคอมมี่กันบานเบอะ ฝั่ง Teamster ไม่มีใครไปกล้าแตะด้วยซ้ำ จะบอกว่ามีมาเฟียคุมก็แล้วแต่ ประเด็นคือสหภาพแบบนั้นเขาเรียกร้องให้แฟร์กับพนักงานตัวเองที่สุดแล้ว ไดนามิคก็อย่างที่บอกคือมันต้องเจรจากันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่หักดิบงดจ้าง นึกภาพสมมติบ้านเราขนส่งเอกชนกับไปรษณีย์ไทยงี้รวมตัวกันตั้งสหภาพฯ อยู่ดีๆแพลตฟอร์มบอกเอองดจ้างละกันไม่ต้องวิ่ง คิดว่าใครควรโดนด่ามากกว่ากันระหว่างสหภาพกับแพลตฟอร์ม?

ถ้าความคิดแบบไทยๆก็จะบอกว่าโทษสหภาพนั่นแหละ

แล้วที่เห็นโง่เง่าที่สุดบนเฟสบุ้คคนไทยคือพวกที่ไม่ได้ทำงานโรงงานแล้วชอบเอาเงินเดือนกระจ้อยร่อยในออฟฟิศของตัวเองมาเทียบอะว่าได้โบนัสแค่เดือนเดียวบ้าง ทำงาน 6 วันบ้าง ไม่เห็นเรียกร้องอะไร ฯลฯ
คือตัวเองก็เป็นขี้ข้าเขาเหมือนกัน แทนที่จะเข้าข้างขี้ข้าเหมือนกัน ดันเป็นห่วงนายทุน

คือก็ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมคนไทยส่วนมากแม่มยังเป็นแค่ Salaryman นั่งแดกเงินเดือนที่ไม่ได้เยอะกว่าพวกพนักงานโรงงานมากขนาดนั้นแบบก้มหน้างกๆ หาเงินใช้หนี้เดือนชนเดือนไปแบบนี้จนตาย
แล้วก็มาตัดพ้อว่าจนไม่มีเงิน นี่ขนาดเรียกร้องตามสิทธิ์ยังไปถ่มถุยเขา โถถังกะละมังซักผ้า

เรื่องทองนี้ ส่วนใหญ่รางวัลพวกนี้ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาจ้างนะ มันเป็นนโยบายตอบแทน เป็นรางวัลให้เฉยๆ
ซึ่งมันเปลี่ยนกันได้

เอาจริงๆอ่านเงื่อนไขแล้ว การให้ทองนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องหยุดไม่งั้นต้องแจกทุกปีๆ ซึ่งได้ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป พัคสุดที่ 10 ปี แล้วยังได้ต่อไทุกปี ถ้าคนเดิมยังทำต่อได้ แล้วมีคนใหม่ทำได้เพิ่มอีก ยังไงก็พังครับรางวัลนี้

เรื่องทองผมว่าควรให้ตามสัญญาถ้าไม่ไหวก็อาจจะแบ่งจ่ายเอาสมมุติ 3บาท ก็แบ่งเอา 3 ครั้ง หรือหาข้อตกลงใหม่ เช่นเปลี่ยนเป็นเงินสดทันที 100k+- แต่เรื่องอื่นผมว่าเรียกร้องมากเกินไป อ่านไปอ่านมาก็งง แรกๆผมเห็นแต่ในนี้เข้าข้างลูกจ้างแผล่บเกือบร้อย บอกคนตรงข้ามว่าทาส ไหนว่าประชาธิปไตยรับความเห็นต่างได้ สรุปในนี้ก็สังคมมนุษย์เงินเดือนเป็นลูกจ้างแต่ด่าคนอื่นว่าทาส งง ทาสอะไรบางคนเค้าเป็นเจ้าของกิจการเจ้านายตัวเองพวกพนักงานเงินเดือนกลับมาเรียกว่าทาสไม่ดูตัวเองซะงั้น

ไม่ได้ระบุแต่อาจถือว่าเป็นสภาพการจ้างอะครับ ทีนี้สภาพการจ้างเนี่ยถ้ามันมีการเปลี่ยนขึ้นมาแล้วมันเป็นคุณต่อลูกจ้างสามารถทำได้ครับ แต่ถ้าเป็นไปในทางที่แย่ลงอาจเข้าข่ายเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างได้ครับ ซึ่งถ้าไปต่อที่ศาลแรงงานคิดว่า บ น่าจะไม่ได้ได้เปรียบเรื่องข้อโต้แย้งมากนักครับ

คุณไม่ได้พูดตรงๆไงครับ แต่คุณบอกว่าฐานเงินเดือนพนง.โรงงานมันน้อยเมื่อเทียบกับพนง.ออฟฟิศ เลยต้องเอาโบนัสมาโป๊ะๆเพื่อจะได้เงินใกล้เคียงกับพนงออฟิศ นี้คือคุณกำลังจะสื่อ

ผมเลยก็จะถามว่า ทำไมฐานเงินเดือนของพนง.โรงงานมันถึงต่ำกว่า ฐานของพนง.ออฟฟิศ เพราะอะไร มันโคตรจะเป็นสัจจะธรรมเลยนะ