“ดีลข้ามขั้ว” บดขยี้ทั้งแดงและส้ม

ย้อนกลับไปในปี 2566 การที่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรในฝั่งเสรีนิยม “ข้ามขั้ว” ไปจับมือกับพรรคสองลุง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยม สร้างความแค้นเคืองแก่ผู้เลือกตั้งที่เป็นฝ่ายก้าวหน้า จนถึงขนาดคาดการณ์กันว่า เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคก้าวไกลจะได้เสียงเกินครึ่งสภา เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

สุดท้ายเมื่อรัฐบาลเพื่อไทย ไปไม่รอด พรรคประชาชน กลับเสนอตัวโหวตสนับสนุนให้นายอนุทิน จากพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี

การตัดสินใจเช่นนี้ สร้างคำถามแก่ด้อมส้มมากมาย โดยยังไม่ต้องคิดถึง ข้อตกลงใน MOU ว่าในสี่เดือนนี้ จะทำได้หรือไม่ ( ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่าทำไม่ได้ ) แค่พิจารณาจากพฤติกรรมที่ผ่านมา พรรคประชาชนคงต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้สิ้นสงสัย ก่อนที่จะไปลงมติกันในวันที่ 5 กันยายนนี้

ประการแรก พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมแบบสุดขั้ว ที่แสดงออกทั้งการอภิปรายในสภา นโยบาย การสื่อสารต่อสาธารณะ และพฤติกรรมของแกนนำพรรค เป็นเคมี ที่เข้ากันได้กับอุดมการณ์เสรีนิยมของพรรคประชาชนหรือ และการไป “อุ้มสม” กับพรรคที่มีจุดยืนต่างกันโดยสิ้นเชิง ถือเป็นการ “ข้ามขั้ว” หรือไม่

2. คดีฮั้วสว.ที่คุณอนุทินและกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ได้รับแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมกับสว.สีน้ำเงินรวม 229 คน ที่มองจากดาวอังคารก็ยังเห็น พรรคประชาชนไม่รับรู้เลยหรือ แล้วกระบวนการฮั้วสว.นี้ คือการยึดองค์กรอิสระ ที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยวไปทั้งระบบ พรรคไม่กังวลหรือ

3. คดีที่ดินเขากระโดง ที่ศาลฎีกาพิพากษาให้เป็นของการรถไฟแล้ว แต่ไม่มีการบังคับคดี พรรคก็จะปล่อยเลยตามเลย เช่นนั้นหรือ

4. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคภูมิใจไทยและสว.สีน้ำเงิน หันหลังให้มาโดยตลอด แถมยังสื่อสารต่อสาธารณะว่าเป็นผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญฉบับนี้ พรรคลืมวันที่พวกเขาเหล่านี้วอล์คเอ้าท์จากรัฐสภา เพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามญัตติของคุณพริษฐ์ ไปแล้วหรือ
คำตอบทั้งหมดนี้ย่อมประจักษ์แก่สายตาประชาชน ในการที่พรรคประชาชนได้ทำ “ดีล” กับพรรคภูมิใจไทยแล้ว
แต่การที่พรรคประชาชนนำเอา 14 ล้านเสียงของผู้ที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งปี 2566 ไปสนับสนุนให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมี 1 ล้านเสียง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นการขัดเจตจำนงทางการเมืองที่ผู้เลือกตั้งให้มาหรือไม่?

6 ปีที่สร้างมา จะสูญเปล่า กับการตัดสินใจ “ข้ามขั้ว” เพียงครั้งเดียว

ปล. นักวิชาการหลายคน ที่เอียงๆ ไปทางส้ม ไม่เห็นด้วยกันเยอะเลยนะ

งงตรงที่แต่ละคนวิจารณ์เหมือนไม่ได้ฟังเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงตัดสินใจทางนี้ พวกพี่ไม่ถกประเด็นนั้นด้วยเหรอ

แบกแดงครับพวกนี้

พวกนักวิชาการส้มเลือดผสมก็งี้แหละครับ โหวตเตอร์เลือดแท้เชื่อมั่นในพรรคและหลักการ

รอดู 14 ล้านเสียงจะลดหรือเพิ่มละกัน

มีแต่คำถาม ไม่เห็นมีคำตอบให้เลย จะปล่อยจอย แล้วก็จะโดนอ้างสุญญากาศ แล้วมีคนมาฉกฉวยไป แบบนั้นอีกหรอ คือตอนนี้นักวิชาการก็ได้แค่วิจารณ์ว่าไม่ควรโหวตกับน้ำเงิน แล้วโหวตแดงหรอ ทั้งที่มันก็เห้พอกัน

มุมมองนักวิชการการ กับมุมมองคนธรรมดา มันต่างกัน นักวิชการหลายท่านยังมองว่า พรรคเพื่อไทยจะดีจะเลวยังไงก็ยังมีเศษเสี้ยวของประชาธิปไตย แต่กับคนธรรมดามันไม่ได้คิดแบบนั้นอะดิ ประชาชนคนธรรมดาอย่างเราท่าน จะให้ไปจับมือกับคนที่เคยทรยศเรามารอบนึงแล้วมันทำไม่ลง

มันเข้าใจยากตรงไหนว่าโหวตเพื่อไปยุบสภามันแค่นี้เอง จะมาหลักการอะไรกันเยอะแยะก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะหลักการกันเท่านี้ แล้วถามจริงพวกนี้แกล้งไม่รู้จริงๆหรอว่าคนเซ็นมีคนเดียวแล้วทุกอย่างมันอยู่ที่คนเซ็น ไม่รู้จะแกล้งทำเป็นใสๆออกมาโชว์หลักการกันทำไม ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไรถึงเป็นกันอยู่แบบนี้

จริงครับพี่

บอกทุกอย่างเเต่ไม่บอกว่าส้มต้องทำยังไง เเล้วถ้าส้มเลือกเเดงผลออกมาไม่ดีกล้าเอาหัวตัวเองมาประกันมั้ยหว่า

แล้วไม่คิดว่าส้มจะดีลคดีตัวเองไว้บ้างหรอครับ ถ้ามันเป็นผลดีต่อเขา จะโหวตให้ก็ไม่แปลกไหม วินๆไรงี้

ไม่แปลกและเข้่าใจมันเถอะ เขามีสิทธิ์เห็นแย้ง แต่พรรคตัดสินใจไปแล้ว เดินหน้าต่อไปแค่นั้น พรุ่งนี้ก็จบแล้ว

วันนี้แหละหนักหน่อย น่าจะออกมาเขียนบทความกันยับๆแม้คนที่ไม่เคยเขียนยาวๆ เผื่อส้มเปลี่ยนใจ

ดีแล้วครับ เลือกตั้งครั้งหน้า มีพรรคไหนถูกใจก็เลือกได้ตามใจเลย คิดซะว่าครั้งนี้ผิดหวัง ไปหวังกับคนหน้าดีกว่า

ไม่มีผิดมีถูก ตามหลักประชาธิปไตยลงโทษในการเลือกตั้งครั้งถัดไปครับ

ประชาธิปไตยมันคือความเห็นต่างอยู่แล้ว ไม่ใช่ทุกคนต้องคิดเหมือนกัน

แสดงว่าส้มเอาหัวเป็นประกันสินะครับ ถ้าน้ำเงินผลออกมาไม่ดี

ไม่รู้พวกนี้เอาอะไรไปคิดว่าสีแดงมีเสี้ยวประชาธิปไตย ตัวทักษิณกลับมารอบนี้มันก็ย้ำอยู่ว่าทำงานเพื่อใครใครคือเจ้านาย ขนาดทักษิณมันพูดด้วยตัวเองพวกนี้ยังหลอนว่าแดงจะยังนึกถึงประชาชน คนเสื้อแดงตายฟรีหรือติดคุกไปตั้งเท่าไหร่มันยังไม่สน พวกนักวิชาการก็ยังไม่เลิกจินตนาการไปเองอีกไม่เข้าใจ

งงตรงที่แต่ละคนวิจารณ์เหมือนไม่ได้ฟังเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงตัดสินใจทางนี้ พวกพี่ไม่ถกประเด็นนั้นด้วยเหรอ