ผมอยากฟังแนวคิดทางธุรกิจว่า ตี๋น้อย ลัคกี้ นี่เค้าเปิดมาเพื่อแย่ง market share MK

หรือเปิดมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดอีกระดับหนึ่ง

เพราะเห็นเคยเห็นผ่านๆตา บางคนบอกว่าคนละตลาดบ้าง เอ็มเคไม่จำเป็นต้องลงมาสู้บ้าง
แต่ช่วงวีคนี้ก็มีอะไรให้เห็นแปลกๆหลายอย่าง

ส่วนตัวผมว่าถ้ามาแย่ง market share ได้ คำว่าคนละตลาดอาจจะไม่ใช่ซักเท่าไหร่
แต่ไม่เคยเห็นตัวเลขที่ mk สูญเสียในช่วงที่ผ่านมา เลยยังตอบไม่ได้ชัดเจน

ไม่ใช่ตลาดเดียวกันทั้งหมด แต่ต้องยอมรับว่ามีบางส่วนที่เป็นตลาดเดียวกัน

กลุ่มลูกค้าฟีลผู้สูงอายุ + มากับครอบครัวหน่อย คิดว่าส่วนมากยังคงเลือก MK

ส่วนกลุ่มนักศึกษา + กลุ่มคนทำงานทั่วไป คือกลุ่มตลาดของตี๋น้อย

ผมว่าจุดที่ต้องแย่งกันคือคนวัยทำงานนี่ล่ะ ที่มีกำลังซื้อระดับนึงและสามารถเลือกกินได้ทั้ง 2 ร้าน
ผมว่า MK โดนแย่งตลาดนี้ไปเยอะนะ

อย่างส่วนตัวปกติผมกิน Mk บ่อยมาก
หลังๆ มาก็เริ่มเปลี่ยนไปกินตี๋น้อย เพราะรู้สึกว่าถูกกว่า และอิ่มกว่า

กลายเป็นตอนนี้ผมไม่กิน Mk ธรรมดาอีกเลย ถ้าจะกินก็จะเป็น Mk gold แทน

คุณว่าไอโฟนควรออกมือถือรุ่น 5000 มาตีตลาดแอนดรอยไหม แต่ละธุรกิจมีจุดเริ่มของมันอยู่ ถ้าจะย้ายข้ามเส้นเลยต้องคิดดีๆ

มันก้คงไม่คนละตลาดเลยขนาดนั้นอะ มันก้คงมีช่วงทับซ้อน

เช่น 300 กับ 600 ต่อหัว

มันอาจะมีช่วง 400-500 ทีีไปฝั่งตี๋น้อยมากขึ้น

ไม่ใช่ตลาดเดียวกันทั้งหมด แต่ต้องยอมรับว่ามีบางส่วนที่เป็นตลาดเดียวกัน

กลุ่มลูกค้าฟีลผู้สูงอายุ + มากับครอบครัวหน่อย คิดว่าส่วนมากยังคงเลือก MK

ส่วนกลุ่มนักศึกษา + กลุ่มคนทำงานทั่วไป คือกลุ่มตลาดของตี๋น้อย

ผมว่าจุดที่ต้องแย่งกันคือคนวัยทำงานนี่ล่ะ ที่มีกำลังซื้อระดับนึงและสามารถเลือกกินได้ทั้ง 2 ร้าน
ผมว่า MK โดนแย่งตลาดนี้ไปเยอะนะ

อย่างส่วนตัวปกติผมกิน Mk บ่อยมาก
หลังๆ มาก็เริ่มเปลี่ยนไปกินตี๋น้อย เพราะรู้สึกว่าถูกกว่า และอิ่มกว่า

กลายเป็นตอนนี้ผมไม่กิน Mk ธรรมดาอีกเลย ถ้าจะกินก็จะเป็น Mk gold แทน

ไม่รู้นะ รู้แต่เมื่อก่อนเคยกิน mk บ่อยมาก เพราะแม่ชอบไปเมื่อไรกินได้เยอะ

จนมีครั้งหนึ่งพาไปทั้งครอบครัว 5 คน พ่อ แม่ ย่า ลูก 2 คน สั่งมาประมาณ 2,000+ แล้วกินอิ่มแบบเกรงใจกัน

ตั้งแต่นั้นผมเลิกพาครอบครัวไปกินเลย เว้นแต่นานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแฟนบอกอยากกินก็ไปกินกันสองคน 900+

ซึ่งแพงขึ้นมากๆ สำหรับตัวผม ดังนั้นพอมี ตี๋น้อยมา ผมเลิกเลยไม่ไปอีกเลย

ผมคงหลุดจากตลาดของเค้าแล้วหล่ะ

ผมว่าตลาดมันไม่ใช่ 2 วงแยกกัน แต่ก็ไม่ใช่วงเดียวกัน

มันจะเป็น 2 วงที่มีบางส่วน intersect กันอยู่..และในวงของตัวเองก็มีไป intersect กับวงอื่นอีกด้วย(งงมั๊ยฮะ)

คือมีบางส่วนที่ย้ายจาก MK ไปกินตี๋น้อย/ลัคกี้จริง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน บางคนก็ไปกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่บุฟเฟต์ (หรือไม่ก็ไปกินแบบอื่นเลย)

อย่าว่าแต่แบ่งเป็นแต่ละบ้านเลยฮะ แม้แต่ตัวเราเอง ตลาดก็ยังไม่ชัดเจนขนาดนั้นเลย..พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนเรื่อยๆไม่ตายตัว

อย่างเมื่อก่อนตอนไม่มีพวกบุฟเฟต์ 299 ผมกิน MK น่าจะประมาณเดือนละครั้ง (ปกติกินร้านนอกบ้านคือวันเสาร์-อาทิตย์)

แต่พอมีบุฟเฟต์ขึ้นมา ผมว่าบางเดือนผมแทบจะกินอาทิตย์เว้นอาทิตย์ นั่นแปลว่าสำหรับผม เจ้าใหม่ๆนี่ไปแย่ง market share อื่นด้วย

สรุปคือการไปแบ่งว่า ตกลงมันตลาดเดียวกันมั๊ย เถียงกันยังงัยไม่มีทางจบฮะ เพราะแต่ละคน,แต่ละบ้านมีพฤติกรรมการบริโภคต่างกัน

กลยุทธ์ที่ร้านอาหารแต่ละเจ้าใช้ ก็แค่โฟกัสว่าจะพอไปแย่งส่วนแบ่งตลาดไหนมาได้บ้าง แค่นั้นแหละฮะ..

ผมว่าต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ลูกค้ามันย้ายข้ามตลาดได้ ถ้ายังคิดว่าลูกค้าต้องอยู่ตลาดนั้นๆตลอดไป assumption นี้งั้นทุกอย่างในโลกนี้ก็ตลาดเดียวกันหมดอะครับ ตลาดโลก

เคส MK มันก็ชัดเจนว่าไม่ใช่เพราะตลาดเดียวกัน ทั้งราคา ทั้งเมนู ทั้งวิธีการกิน ทั้งวัตถุดิบ ทั้งbrand image ทั้งจุดเด่นต่างๆ มันก็ชัดเจนว่าคนละอย่างกันเลยระหว่าง MK และ สุกี้ค่ายอื่น

ผมไม่รู้ว่าทำไมคนใน SS บางคนยังจะต้องพยายามให้มันตลาดเดียวกันอยู่ได้ไม่จบไม่สิ้น

ต้องดูว่ากลุ่มลูกค้าประจำมีกี่ % ลูกค้าทั่วไปมีกี่ % (ดูจากบัตรสมาชิกน่าจะพอรู้)
กลุ่มลูกค้าทั่วไปยังไงก็กระทบแน่นอนครับ ดังนั้นต้องดูสัดส่วนตรงนี้แหละถึงจะบอกได้ว่ากระทบมากหรือน้อย

สำหรับผมมันมีวงที่ทับซ้อนกันอ่ะ

แต่ ในรอบต้วผม ไม่มีซักคนที่เลิกกิน mk แล้วไปกินตี๋น้อย คือไม่กิน mk แล้วไปกินชาบูเจ้าอื่นกันมากกว่า เช่น momo กินกันจัง hotpotman haidilao

ถ้าติดแบรนด์ต้อง เป็ดย่าง เท่านั้นชอบ ต้องมากินอย่างนี้ ก็คนละตลาด แต่ถ้าแค่อยากไปกินกับเพื่อน ครอบครัว มองความคุ้มค่า ก็ตลาดเดียวกัน คนกินมีหลายแบบ ไอโฟนอยากจับตลาดกลางยังทำ se ออกมาเลย อาจจะมองว่า mk อยากขยายตลาดก็ได้ครับจุดแข็งเขาก็มี จุดอ่อนก็มี

ทุกวันนี้ผมก็กิน MK อยู่
แต่ไม่ได้กินบ่อยแบบเมื่อก่อน ส่วนตี๋น้อยก็นานๆที
มันมีระยะเวลาต่างกันอยู่ ผมไปกินตี๋น้อยกับเพื่อน
ไปกิน MK กับครอบครัว

แต่หลังๆตี๋น้อยคนมันเยอะผมก็มูฟไปร้านอื่นละ แต่ก็ไม่ใช่ MK นะครับ
ต่อให้มีหรือไม่มีตี๋น้อย MK สำหรับผมก็เข้าอยู่ดีนะ ถ้าไม่มีตี๋น้อยผมก็มูฟไปร้านอื่นเวลาไปกับเพื่อน เหมือนมันจะตลาดเดียวกันแต่ก็ไม่ทั้งหมด

แต่ตี๋น้อยไม่ได้มาแทน MK สำหรับผม ผมไม่ได้เลิกกิน MK ไปกินตี๋น้อย แต่สำหรับตี๋น้อยผมมีร้านไปแทนเยอะอยู่

ส่วนตัวคือแบรนด์mk ผมยกให้มันนอกเหนือ อารมณ์แบบมันอยู่มานานแล้วไงเหมื่อน มาม่า สิงห์ และอีกหลายๆแบรนด์ที่มันอยู่คู่คนไทยมานานเอ่ยชื่อ ก็นึกออกเลย มันต้องให้เวลายืนระยะของแบรนด์ใหม่ๆ นี่แหละพิสูจน์ความยั่งยืน เหมือนสมัยก่อนที่ ช้าง เข้ามาลงสนาม ไอเรื่องจะตลาดแบบไหน ไม่มีความคิดเห็นแฮะ

ถ้าวันหนึ่ง mk เป็นแบบ 13เหรียญ โคคา แคนตั้น แทกซัส เรือนเพชร แพนด้า เออถึงตอนนั้นก็ว่ากันอีกที

ถ้าคุณคิดว่า การมีของตี๋น้อย ไม่กระทบ MK เลย
นั่นคือคนละตลาด

ส่วนตัวผมนะ มองว่า คนละตลาดหรือตลาดเดียวกัน มันอยู่ที่ "หัวข้อ" ในการเปรียบเทียบมากกว่า
1. ถ้าเปรียบในเรื่องของสุกี้ ก็แสดงว่า ตลาดเดียวกันหมด เอ็มคี ตี๋น้อย ลัคกี้ ฯลฯ
2. ถ้าเปรียบในเรื่องของรูปแบบ เอ็มเค ก็นับเป็นอะลาคาร์ท คนละตลาดกับ ตี๋น้อย ที่เป็นบุฟเฟ่ต์
3. ถ้าเปรียบในเรื่องของราคา เอ็มเค ก็มองตัวเอง ราคาแพงระดับพรีเมี่ยม เท่ากับว่า คนละตลาดกับ ตี๋น้อย ที่เน้นไม่แพงมาก เข้าถึงได้ง่าย

ทีนี้ ทาง เอ็มเค เองก็ยอดซบเซามานานจากราคาที่แพง หรู แต่ดูเกินตัวไปจนทำให้หลายคนขอเลือกทางอื่นที่ราคาจับต้องได้มากกว่า เลยทำให้ เอ็มเค ต้องดิ้น วิ่งสู้ฟัดด้วย พอมาเลือกปรับเป็น เอ็มเค บุฟเฟ่ต์ ก็น่าสนใจดี แต่ว่าไม่ได้วางแผนซัพพลายให้พร้อม เลยพลาดไปเลย ซึ่งผมก็งงว่า เอ็มเค พลาดตรงนี้ได้ไง กลายเป็นแทนที่จะดิ้นสู้กับเค้าได้สัก 2-3 ยก อันนี้แพ้ตี๋น้อยตั้งแต่ยกแรกเลย ต้องรอดูว่า เอ็มเค จะพลิกวิกฤติเป็นโอกาสยังไง หรือจะพลิกให้วิกฤติเป็นหายนะ ไปอีก แต่ผมบอกเลยว่ารอบนี้ถ้าพลาดอีก อาจจะแก้ตัวได้ลำบากแล้ว เพราะความน่าเชื่อถือลดลงไปเยอะ (ซึ่งมูลค่าความน่าเชื่อถือแพงกว่าเงินที่ขาดทุนไปอีก)

ภาพกว้างมันคือตลาดเดียวกัน แต่ segment และ Position มันคนละเป้ากันในตอนแรก

สรุปง่ายๆ การโตแบบพรวดพราดของตี๋น้อยมันแย่ง Market Share ในตลาดสุกี้ไปบางส่วน ซึ่งผลกระทบเชิงประจักษ์ก็เห็นจากกำไรที่ลดลงของ MK ในช่วงปีหลัง ซึ่งผู้บริหาร MK มองเห็นจุดนี้เลยขยับมาไฟต์ใน Segment ของตี๋น้อย ลัคกี้ หรือ ร้านอื่นๆ เพราะคงมองว่านอกจากจะมาทำกำไรในส่วนนี้ได้แล้ว ยังเป็นการสกัด "คู่แข่ง" (ใช้คำนี้ได้อย่างเต็มปากแล้ว) ไปในตัว

แต่มันคือ Goal ที่ตั้งไว้แหละ ในทางปฏิบัติจะทำได้ตามเป้าไหมมันมีอุปสรรคอีกเยอะที่ต้องเจอ โดยเฉพาะการตัดสินใจเอาร้านหลักไปทำ Buffet เดินแบบ 2-way พร้อมกัน การ Manage โคตรจะซับซ้อน เผลอๆถ้าจัดการไม่ดีจะไม่ได้ทั้งลูกค้าใหม่ และเสียลูกค้าเก่าที่ Royalty ไปอีก กลับกันถ้าทำได้ดีก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เพราะทางเลือกก็เยอะขึ้น