ตอนแรกใช่ครับ แต่พอเริ่มไปๆมาๆ ตลาดมันแบ่งเซกเมนท์ใหม่ ตัวเก่าลดลง ตัวใหม่เยอะขึ้น มันเลยค่อยๆเทลงมากองกัน


ขนาดของสองตลาดแตกต่างกันตั้งแต่เริ่ม แต่อาจจะด้วยสภาวะทางการเงินๆหรือเศรษฐกิจหลายๆอย่าง มันทำให้มีการปรับโครงสร้างของความต้องการ จนส่วนแบ่งมันโยกย้าย segment ไปทางอื่น


คือมันตลาดเดียวกัน แต่แค่การแยก segment มันคนละเรื่อง ซึ่งปกติทั้งสองกลุ่มมันไปคนละทิศละทางอยู่แล้ว ด้วยเหตุการณ์อะไรก็ไม่ทราบที่ทำให้ segment ของ MK มันหดตัวลงแล้วไหลมาทางตี๋น้อยมากขึ้นแบบนี้


ส่วนตัวผมเชื่อว่า ต่อให้ไม่มีตี๋น้อยในตลาด MK ก็คงไม่ได้กระเตื้องอะไรขึ้นมาเหมือนก่อนโควิดหรือก่อนวิกฤติเศรษฐกิจได้อ่ะครับ

ถ้ามองลึกมันคนละตลาดอยู่แล้ว ให้มองตลาดรถยนต์

สมัยก่อนการกินสุกี้มันมีตัวเลือกไม่เยอะ อาหารบ้านเรามีให้เลือกน้อย MK ในแง่ของสุกี้ก็มีแค่นั้น market share มันเลยไปทาง MK อย่างเดียว

แต่ ณ ปัจจุบัน MK ถูกหาร market share ด้วย ชาบู หลายเจ้า หลายเจ้ามีดีกว่า MK มองง่าย ๆ กิน MK 2 คน 1000 ไปกินชาบู 499 599 ได้ซูชินิดหน่อยแบบนั้นดีกว่าเยอะ MK มันถูกพวกนั้นตีตลาด MK มันเป็นแบนในห้างให้มองแบบนั้น

แล้ว ณ ปัจจุบัน ต่อให้ MK เปิดบุฟเฟ่มาก็สู้ตี๋น้อยไม่ได้ เพราะ ตี๋น้อยมันมอง MK ไปคู่แข็งมันเอาโจทย์นี้มาคิดแล้วหาวิธีเอาลูกค้าจากตรงนั้นมายังไง มันเลยกลายเป็น MK ขายได้ 1 รอบงั้นกูขายแม่ง 2 รอบไปเลย เวลาเปิดมันถึงเป็นแบบนั้น แล้วตลาดช่วง 4 ทุ่มถึง ตี 5 มันไม่มีคู่แข่งไง คือต่อให้ MK ทำราคาเท่าตี๋น้อยเลยนะ ผมให้ถูกกว่าด้วย แต่มึงจะเอาลูกค้าตอน 4 ทุ่มถึงตี 5 ไปยังไงในเมื่อมึงไม่มีสาขานอกห้าง

ส่วนตัวผมมองว่า MK ไม่ได้พลาดแต่มันมีดีแค่นี้ มันปรับยังไงก็ได้เท่านี้แล้ว มันเหมือนของเก่าที่ต้องเตรียมหายไปตามกาลเวลาได้แล้ว

ผลิตภัณฑ์เดียวกันแต่คนละตลาด ยกตัวอย่าง

ตลาดเดียวกับ mk = ตลาดร้านอาหารครอบครัวซึ่งหารออกมาแล้วอาจจะตกคนละ 300 ก็ได้ เช่น แหลมเจริญ(mkซื้อแล้ว)

ตลาดตี๋น้อย = ตลาดที่กำตังไป 300 แล้วอิ่มคุ้ม เช่น ลัคกี้

ไม่ใช่ขายแบบเดียวกันจะเป็นตลาดเดียวกันไปซะหมด ไม่งั้นเราจะซื้อสตั๊ด mizuno หลายพันทำไมในเมื่อ pan หลักร้อยก็มี

ส่วนตัวมองว่าถ้ามีคนอยากกินแนว MK

ตี๋น้อยมันก็ไม่อยู่ในทางเลือกอ่ะ

ไม่เหมือนผมกินปิ้งย่าง มันจะมีช้อยเยอะ

สำหรับผมอันนั้นถือว่ากลุ่มเดียวกัน ต่างรายละเอียดนิดหน่อย

แต่ถามว่ามีผลกับ market share ไหม ผมมองว่าไม่ว่าร้านไหนเปิดก็มีผลหมดอ่ะ

เพราะผมเองก็มีท้องเดียว เกิดมีร้าน C เปิดใหม่

ร้าน A ร้าน B ที่ผมกินประจำยังไงก็เสียรายได้จากผมไปแน่ๆอยู่แล้ว ต่อให้อาหารคนละกลุ่ม

คำว่าคนละตลาด 100% มันยากมากนะ ขนาดคนกิน omakase บางคน ผมยังเชื่อว่าเคยกินตี๋น้อยเลย

กระเพาะคนมันมีจำกัด ถ้าวันนั้นกินตี๋น้อย ย่อมกิน MK ไม่ได้ กิน Momo ไม่ได้ อันนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดร้านอาหารมันก็ตลาดใหญ่ๆเดียวกันหมด

ทีนี้มันทับกันมากมั้ย คิดง่ายๆว่า MK มันหรูขนาดว่ากิน MK แล้ว กินตี๋น้อยแล้วตายมั้ย ก็คงไม่ ประเด็นคือสมมติวีคนึงเราจะกินอาหารราคาหัวละ 500 1-2 ครั้ง เมื่อก่อนคนอาจจะกิน MK เดี๋ยวนี้อาจจะบอกว่า ไปตี๋น้อยแก้ขัด แล้วไปหาอาหารชนิดอื่นหัวละ 500 ที่ไม่ใช่สุกี้ดีมั้ย

ดังนั้น ตี๋น้อย แย่งตลาด MK หนักมากแน่นอน และยังแย่งตลาดอาหารใกล้เคียงอื่นด้วย แม้กระทั่ง food court ด้วยซ้ำ แต่ที่แย่งน้อย ก็คือพวกราคาต่างมากๆ ที่ผมยก เช่น omakase

ตลาดที่ว่าคือเจ้าของ brand เค้าวาง position ตัวเองครับ ที่ท่านอธิบายมามันคือพฤติกรรมผู้บริโภค

ผมว่าตลาดเกียวกันแต่ไม่ได้ทับซ้อน 100%

ตลาดเดียวกันแน่ๆ แต่ต่างกันที่ ความคุ้มค่าของราคา

ตอนเปิดมันคนละตลาดจริงๆ แต่พอพฤติกรรมของผู้บริโภคมันเปลี่ยน MK มันก็ต้องเปลี่ยนตาม

สรุปง่ายๆครับ ถ้าคนละตลาด MK ไม่ปรับราคาลงสู้แน่นอน

ตลาดมันคร่อมกัน
มันเลยมีทั้งคนที่เปลี่ยนจาก MK ไปกินตี๋น้อย คนที่ยังกินทั้งคู่ตามแต่โอกาส กับคนที่ไม่กินตี๋น้อยแน่ๆ

แล้วก็เพราะมันคร่อมกันนี่แหละ ถึงได้เถียงกันไม่รู้จบ (คนที่บอกตลาดเดียวกัน ก็ half truth คนที่บอกคนละตลาดกันเลย ก็ half truth เลยต่างคนต่างคิดว่าฉันถูก)

ส่วนที่ว่า ทำไมหลายคนไม่เห็นด้วยกับการโดดลงมาแข่งกับตี๋น้อย ก็เพราะว่า MK มีต้นทุนที่สูงกว่า และบริหารจัดการให้มันลดลงได้ยาก
สุดท้ายก็อย่างที่เห็น จะลงมาเล่นสงครามราคา ก็เล่นได้ยาก (เพราะต้นทุนสูงกว่าเขา) ทำให้กล้าๆ กลัวๆ กลายเป็นกั๊กๆ ยิ่งทำยิ่งเสียหายอย่างที่เห็น

นั่นเค้าเรียก perceptual ครับ ถ้าตลาดคือ market มันทับซ้อนกันอย่างที่อธิบายครับ

ครับ

ตี๋น้อยและลัคกี้สุกี้ อาจจะเริ่มต้นจากการเจาะตลาดคนละกลุ่ม แต่ด้วยการเติบโตอย่างมหาศาลและความสำเร็จในการสร้าง Value Proposition ที่แข็งแกร่ง ทำให้ปัจจุบันได้กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงที่กำลัง "แย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด (Market Share)" จาก MK อย่างมีนัยสำคัญ

คำว่า "คนละตลาด" อาจเคยเป็นความจริง แต่ปัจจุบันเป็นเพียง "ข้ออ้างอิงถึงจุดกำเนิด" มากกว่าจะเป็นภาพสะท้อนความเป็นจริงของสมรภูมิธุรกิจในปัจจุบัน

เวลาผมอยากกินตี๋น้อย เดี๋ยวนี้ต้องคิดว่า จะตี๋น้อยหรือ ลักกี้ดี แต่ถ้าอยากกิน mk คือ mk เลยอะ ไม่ได้เอามาเทียบว่าไปตี๋น้อยดีกว่า