ผมมีปัญญาแดก MK สบายๆ

แต่ก็มีวันที่ผมอยากแดกตี๋น้อย ก็ทำให้ความรู้สึกอยากแดก MK ลดลง

งงคำว่าคนละตลาดมากเลย คนมันก็คนเดียวกันแหละ คนที่แดกตี๋น้อยไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญาจะแดก MK เลย

แต่การที่คนที่เคยแดก MK เดินไปแดกตี๋น้อย ก็ทำให้ความรู้สึกอยากแดก MK ในวันต่อๆไปลดลงแน่นอน

คือหลายคนมันไม่ได้สนแบรนด์มากมาย เพื่อนชวนไปแดกตี๋น้อยก็แดก เพื่อนชวนไปแดก MK ก็แดก แต่ถ้าไปแดกร้านนึงแล้ว ก็คงไม่ไปแดกอีกร้านในอีกไม่กี่วันหรอก

คือเวลาเค้าพูดคำว่าตลาด ในเชิงการตลาดความหมายคือ positioning คือวางเเบรนด์สินค้าว่าอยู่ตรงไหน ทุกเเบรนด์มันมีการวาง positioning หมดครับ อย่างรถยนต์บ้านเรา bmw/benz คือกลุ่มเดียวกัน ส่วน toyota/honda/nissan ก้อีกกลุ่ม อันนี้คือเเบ่งเชิง commercial ถ้าเเบ่งเชิงการใช้งานก้อาจจะเเยก isuzu/hino มาอีกเป็นต้น

ถ้าดั้งเดิมเลย mk ก้กลุ่มนึงเน้นผู้สูงอายุ ครอบครัว ราคาสูงเเต่มีคุณภาพ เน้นอะลาคาร์ท
ตี๋น้อย มันเน้นลุกค้าวัยรุ่น ราคามิตรภาพอิ่มคุ้มค่า

เอาจริงๆเเค่ลูกค้าหลักขั้นต้นมันก้ต่างกันเเล้วนะ จะมีผู้สูงอายุสักกี่เปอร์เซ็นต์ที่ไปกดคิวเข้าเเถวรอกินตี๋น้อย หรือจะมีวัยรุ่นสักเท่าไหร่ไปกินอะลาคาร์ทสุกี้ของ mk

การที่ mk ลงมาเล่นบุฟเฟต์มันบ่งบอกถีงลูกค้าหลักฝั่งเค้ามันลดลงไง ทั้งๆที่เดิมเค้าอยู่ได้ เค้าเลยต้องพยายามขยายให้ส่วนทับซ้อนมันมากขึ้นนั่นหมายถึงการปรับตลาดไปเล่นกับตี๋น้อย เเต่ของเดิมอะมันเเทบจะคนละวง เเต่ก้มีลูกค้าเเค่บางส่วนที่กินได้ทั้ง 2 แบรนด์

เว้นเเต่จะบอกว่ามันคือตลาดสุกี้ซึ่งถ้าเถียงมางี้ก้ตามใจเลย

ท่านคือลูกค้าที่กินได้ทั้ง 2 แบรนด์ เเต่ไม่ได้หมายความว่ามันตลาดเดียวกันสักหน่อย

อย่างผมกิน starbuck ก้ได้ กินกาเเฟชงรถเข็นก้ได้ เเล้ว starbuck กับ กาเเฟรถเข็น มันตลาดเดียวกันมั้ยล่ะท่าน ที่ท่านมองว่าตลาดเดียวกันเพราะท่านมองเชิงสินค้าว่ามันขายของเหมือนกันคือตลาดกาเเฟ เเต่เวลาเค้าพูดเรื่องตลาดเค้าพูดถึงการวาง position ของเเบรนด์ ว่าลูกค้าหลักของเเบรนด์จริงๆคือใครเพื่อหาจุดเเข็ง-จุดอ่อน หาโปรสนับสนุนการขาย เพราะถ้าลูกค้าไม่ชัดมัวเเต่ตีขลุมก้จะเสียฐานลูกค้าได้ง่าย

ซึ่งเอาจริงๆ mk เดิมๆ กับ ตี๋น้อย ลูกค้าหลักโคตรจะคนละกลุ่ม เเต่ก้มีคนเเบบท่านไงที่อยู่ตรงกลางทับซ้อนกันเเละกินได้ทั้งสองเเบรนด์ซึ่งโดยปกติมันมีไม่เยอะหรอกเทียบภาพรวม คนที่กินตี๋น้อยประจำเเทบไม่กิน mk เเล้วเช่นเดียวกัน คนที่กินเเต่ mk ก้มักจะไม่กินตี๋น้อย เเค่เอาบุฟเฟ่ต์ชนกับอะลาคาร์ทมันก้เเบ่งชัดเเล้ว

เหนื่อยแทนคนที่มาอธิบายเรื่องการตลาดง่ายๆให้คนพวกนี้จังครับ ป้อนให้ขนาดนี้ยังไม่รับสงสัยต้องเคี้ยวให้ด้วย

จริงๆตัดเรื่องเหยียดจน มีตังอะไรนั่นไปมันน่าจะจบไปนานละ เเต่ จขกท.เหมือนไม่อยากจบ

ยังอุส่าดึงมาคุยกันต่อ เเล้วบวกเม้นให้เฉพาะคนที่เห็นด้วย ส่วนคนเเย้งด้วยข้อมูลปล่อยเบลอเฉยเลย

อธิบาจให้คนเเบบนี้ฟังก้เหนื่อยเเหละ

ถ้าราคานี้ผมเข้า mk

คนละตลาดคับ M อยู่ใน set
ส่วนตี๋น้อยยังไม่ได้เข้า ปั้นตัวอยู่

ผมกับแฟนกินชุดสุกี้หม้อแดงที่มีเป็ดหมูกรอบแถม หมี่เหลืองกลาง อุด้งกับลูกชิ้นรักบี้ของลูก พึ่งจะ482บาทเอง

ถ้าไม่คิดจะกินจนจุก ถูกกว่ากินบุฟเฟต์นะครับ

299 มีเนื้อ มีหมูนุ่ม มีข้าว มีเต้าหู้ มีเห็ดเข็มทอง ผมไปได้อยู่ มีแต่อะไรที่ผมสั่งอยู่แล้ว

มันก็อยู่ใน เซตตลาดสุกี้ เหมือนกันนั่นแหล่ะ

ให้นึงถึงกระเป๋า coach กับ LV ครับ กระเป๋าเหมือนกันคนล่ะราคา หรือ armani แตกลาย
ให้มีแบบแพงและถูก

เเต่ตามหลักเค้าไม่ได้พูดถึงเซตตลาดสุกี้ไง เค้าพูดถึงการเเบ่งสับเซต A/B ก้คือตี๋น้อย/mk

เพราะงั้นถ้ามองเซตเป็นภาพรวม สินค้าเเต่ละชนิดจะมีเเค่ตลาดทั้งหมดเเค่ตลาดเดียวซึ่งหมูหมาที่ไหนก้รู้ครับ ไม่งั้นถ้าผมตีเซตเเค่คำว่าอาหาร งั้นสุกี้+ไก่ทอด+ส้มตำ+ข้าวมันไก่+บลาๆ มันก้อยู่ในเซตอาหารเหมือนกันนั่นเเหละ เเล้วมันได้ประโยชน์ไรอะ

เเต่คำว่าคนละตลาดเค้าหมายถึงความเเตกต่างระหว่างสับเซต AเเละB ว่าขอบเขตของสับเซตคืออะไรซึ่งนั่นล่ะตัวแบ่งตลาดหรือความต้องการด้านผลิตภัณฑ์ของเเต่ละเเบรนด์

คือผมไม่อยากเท้าความเลยแต่คนที่บอก เอ็มเคของพรีเมี่ยมคนละตลาดนี่ ได้เคยไล่ไทม์ไลน์ความรุ่งเรืองของ MK มามั้ยครับว่าแกขายดีตอนอยู่ตลาดไหน

เอ็มเค สมัยก่อนที่บ้านผมกินจนเขาเอาแบล็คการ์ดมาให้ฟรี ๆ ถ้าจำไม่ผิดต่อปีต้องเป็นแสน แต่คือบ้านผมกินทุกวีคอ่ะครับ บางวีคสองสามครั้ง ตกครั้งละกี่บาทเองลองคิดดู

ตอนนั้นเอ็มเคเองขายดีมาก ๆ แต่ราคาไม่ได้จัดเป็นร้านอาหารที่มีความพรีเมี่ยมแน่นอน เป็นร้านที่แทบทุกครัวเรือนเข้าถึงได้ธรรมดา ๆ นี่แหละครับ มันคือร้านสุกี้อ่ะครับ จะบอกว่าก็เป็นสุกี้อีกร้านนึงที่ไม่ได้มีร้านแบบนี้ที่ราคาต่ำกว่าในตลาดเลยยังได้ (ถ้าไม่เชื่อลองถามคุณพ่อคุณแม่เรื่องความรุ่งเรือง และล่มจมของ เรือนเพชรสุกี้ และเท็กซัสสุกี้ได้ครับ ว่าราคาตอนนั้นเป็นไงและเอ็มเคจริง ๆ เข้ามาในฐานะตลาดไหน)

หลาย ๆ ท่านถ้ายังไม่เชื่ออีกเอายาโยอิเป็นเกณฑ์ก็ได้ครับ เป็นร้านในเครือ MK และถือว่าปัจจุบันราคาพอ ๆ กับฟูจิ และ เอ็มเค ในอาหารจานเดียว หลาย ๆ ท่านรู้ไหมตอนเปิดตัวอาหารชุดละ 99 บาท ออกโปรโมชั่นดึงลูกค้ากันเต็มที่ ตอนนั้นคือ กะแย่งตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นที่ฟูจิครองอยู่มาให้ได้ มันชัดมากว่าแต่ไหนแต่ไรคนไม่ได้ติด MK เพราะคุณภาพขนาดนั้นมันเป็นเรื่องราคามานานมากแล้ว จะร้านในเครือ หรือตัว MK เอง

ทีนี้มาตอนช่วงกอบโกยกัน หลังจากเอ็มเคเอาชนะตลาดสุกี้มาได้แล้ว เอ็มเคดันราคาขึ้น พยยายามชูความสะอาด ถูกหลักอนามัย อย่างเต็มที่ โฆษณาแบบอัดเต็มสุด ซึ่งก็ทำให้เอ็มเคขึ้นราคามาเรื่อย ๆ ลูกค้าที่ยังไม่ได้มีตัวเปรียบเทียบเยอะ และค่อย ๆ โดนขึ้นราคามาก็ยังไหวตัวไม่ทัน อยู่กับเอ็มเคมา 9 ปี 10 ปี

พอมาสถานการณ์ปัจจุบัน ราคามันสูงกว่าพวกสุกี้ราคาถูกอื่นค่อนข้างชัด แต่คุณภาพ ไม่ได้เป็นเอกฉันท์ ขนาดเปิดโหวตใน SS คนที่มองว่าวัตถุดิบคุณภาพดีกว่ายังแค่ราว ๆ 60% กว่า เองถ้าผมจำไม่ผิด ซึ่งน่าเศร้านะครับ ถ้าวางแบรนด์ตัวเองไว้สูงกว่าจริง ๆ มันไม่ควรต่างขนาดนี้

มันสะท้อนอยู่แล้วว่าของคุณมันไม่ได้คนละตลาดขนาดนั้น ไม่นับว่าความเป็นจริง คนหลายคนมาก ๆ ที่มีฐานะพอกินเอ็มเคเลือกไปกินสุกี้อื่น

อย่างเช่นครอบครัวผม กินปีละเป็นแสน เปลี่ยนไปกินอย่างอื่น นีโอผมก็กิน ลัคกี้ผมไม่ได้รังเกียจ โมโม่ ผมก็กินได้ ตี๋น้อยผมไม่กินแต่คนที่มั่งคั่งกว่าผมเยอะอย่าป๊าผมไม่เคยรังเกียจ

มันก็สะท้อนแล้วครับ ว่าPosition ที่ฝันเอาไว้ว่าคนละตลาดมันเป็นเรื่องราวบนเมฆ มันไม่เป็นจริงแล้ว ตอนนี้คือยอมรับควาทจริงให้ได้ ก็หาทางสู้กันต่อไป

จะบอกว่าไม่ได้ตลาดเดียวกันทั้งหมดกับสุกี้ราคาถูกผมเห็นด้วย แต่จะบอกว่าตลาดส่วนใหญ่ไม่ทับกับสุกี้ราคาถูกอันนี้มันไม่ใช่ มันก็เห็นแล้วว่าทับ

ก็ต้องพยายามปรับตัวให้ดีและปรับตัวให้ได้ และยอมรับสักทีว่าสินค้าคุณคนในตลาดโดยส่วนใหญ่เขาก็มองว่าไม่ได้ต่างกับสุกี้ราคาถูกมากเนี่ยแหละึรับ

มันคนละตลาดเพราะลูกค้ารู้สึกแตกต่างครับ อย่าง brand ที่คุณพูด มันต่างชัดเจน ใช้งานต่างชัดเจน มันคนละ position ชัดเจน ส่วน mk ถ้าไม่วิเคราะห์มาแล้วว่าลูกค้ามี subset สัดส่วนทับกันเยอะ perception ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่บางส่วนคิดว่ามันไม่ต่าง เค้าไม่ขยันออกโปรมาแย่งตลาด position ล่างๆลงมาที่พวกคุณพูดถึงพยายามแยก position เพรระมัวแต่คิดว่าต่างๆทั้งๆที่คุณภาพไม่ได้ต่างจนผู้บริโภครู้สึกยอมจ่าย มีอีโก้ถือแบบนั้น ทำตลาดแนวทางนี้ จนโดนแย่ง mkt share ไปเรื่อยๆจนใกล้ตายหรอกครับ

ผมเลยย้ำเเต่เเรกไง ว่า mk "เดิม" นั่นเเหละที่เรียกว่าคนละตลาด จนถึงจุดนึงที่ลดคุณภาพคงราคา ลดความคุ้มค่าลงนั่นเเหละถึง"ลงมาเล่นตลาดเดียวกัน" จริง mk มันชัเมากตั้งเเต่รีเเบรนเเล้วนะว่าต้องการจะลงมาเล่นตลาดเดียวกัน ไม่ได้เกี่ยวกับอีโก้อะไรเลย

จริงๆการ reposition ของ mk ก้เพราะ main customer คือกลุ่มผู้สูงอายุ มันลดลงไปเรื่อยๆนั่นเเหละ ซึ่งกลุ่มนี้มีกำลังจ่าย ไม่รอคอย ไม่บุฟเฟ่ต์ นี่เเหละลูกค้าหลัก ลองให้ลูกค้ากลุ่มนี้มีเท่าเดิมมันก้ขายได้ครับ เเต่ในความเป็นจริงคือก้ล้มหายตายจาก คนเก่าไปลูกค้าใหม่ไม่เติมไง ไมไ่ด้เกี่ยวกับอีโก้อะไรสักหน่อย

ส่วนที่เค้าลงมาเล่นตลาดกลุ่มบุฟเฟ่ต์ก้เรื่องปกติ ธุรกิจก้มันต้องปรับตัวมั้ยอะ อันนี้ยังไม่ได้พูดมุมต้นทุนจริงๆเลยนะว่า mk กับ ตี๋น้อย ใครบริหารทุนดีกว่ากัน

ส่วนตัวอย่างผมเทียบตัวอย่างให้มันเห็นชัดครับ งั้นลองเทียบ kfc กับไก่ทอด 5 ดาว ก้ได้ เทียบต่อชิ้นราคาแกปก้ไม่ได้กว้างเท่าไหร่คิดว่าคนละตลาดมั้ยล่ะครับ

อย่างที่ผมบอกอะ มันแปลกตั้งเเต่เทียบ mk กับ ตี๋น้อยเเต่เเรกเเล้ว อันนึงจานเดี่ยวอันนึงอะลาคาร์ท เเค่เริ่มต้นการรับรู้ของลูกค้าก้ต่างละ