ทำไมอยู่ๆก็ผุดขึ้นมาเยอะอีก ck


ปกติผมไม่ชอบความเห็นคนใน ss นะเพราะชอบติคนไปเรื่อย ทั้งที่ตัวเองแค่นั่งพิมพ์ เช่น กันต์ พี่หน่วง คือเราอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ความเห็นในนี้ผมว่าแย่เกิน ด่าเค้าไปทั่ว แต่ในเคส ck ผมมองเค้าเป็นแค่ไลฟ์โค้ช ขายคำพูด แล้วก็มั่นไปหน่อย ไม่ได้มองว่าแย่แต่ก็ไม่ได้มองว่าเค้าช่วยคนอื่นยังไงเลยไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับคนนี้เท่าไหร่ มองเป็นไลฟ์โค้ชทั่วไป

แล้วในกรณีที่เป็นที่ดินเปล่าค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา+ภาษีถือเป็นการเสื่อมค่าด้วยไหมครับ

ถ้าเทียบบน youtube ช่วงนี้คิดว่าดังมากครับขึ้นครับเทียบกับก่อนหน้านี้ของ ck เอง

แต่ถามว่า no.1 Impact สังคมไทยมั้ย คิดว่ายังไม่ใช่ครับ
ลองเทียบกับ อ.เบียร์ , หนุ่ม กรรชัย ช่วงพีค
โดยเฉลี่ยคิดว่ายังแมสไม่เท่า 2 คนนั้น แต่มีแน้วโน้มกำลังขึ้น + คนอื่นกระแสดรอปลง

ค่าเสื่อม (Depreciation) กับต้นทุนค่าบำรุงรักษา (Maintenance Cost) คือคนละอย่างกันครับ

แล้วที่ดินไม่มีสิ่งปลูกสร้างจะมีการคิดค่าเสื่อมไหมครับ

ใช่ครับ มันตามนี้แหละ ต้องแยกย่อยลงไปอีก แต่เพิ่มเติมนิดนึงว่าบ้านที่ผ่อนไม่หมดมันก็คือทรัพย์สินได้ครับ อย่างผมซื้อบ้านมาสิบปีก่อน 3 ล้านกว่า ยังผ่อนไม่หมดแต่ตอนนี้ราคาโดดเป็น 4-5 ล้านแล้ว ยกเว้นบ้านน้ำท่วมถาวร ที่ดินริมตลิ่งโดนกัดเซาะ พวกนี้ผ่อนไม่หมดคือหนี้สิน 100% สร้างกำไรไม่ได้เพราะมูลค่าก็ไม่มีหรือมีน้อยกว่าเดิม

แต่ ck ไปเหมารวมบอกบ้านคือหนี้สินอันนี้ผมว่าตรรกะบ้ง เพราะเขาสนใจแต่การทำกำไรแบบที่เห็นเป็นตัวเงินจริงๆ พอเห็นว่าบ้านมันต้องจ่ายทุกเดือนแต่ไม่เห็นตัวเงินกลับมาเลยเหมารวมว่าเป็นภาระหนี้สิน ทั้งที่ความเป็นจริงคือที่ดินขึ้นทุกปีๆทั้งจากตัวมันเองและจากอัตราเงินเฟ้อ แต่เพียงแต่มันยังไม่ได้ขายออกเท่านั้นเอง ที่ผ่อนๆจ่ายไปสุดท้ายขายออกก็ได้เยอะกว่าที่จ่ายไปถึงจะรวมดอกเบี้ยจ่ายไปแล้ว

อย่างสมมุติผ่อนบ้าน 5 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยอาจจะจ่ายไปเกือบ 10 ล้าน แต่ 30 ปีอัตราเงินเฟ้อมันพุ่งไปมากกว่าเท่าตัว บ้าน 5 ล้านตอนนั้นอาจจะไป 12-13 ล้านในอีก 30 ปีข้างหน้าไปแล้ว อย่างตึกแถวบ้านเก่าแฟนผม ซื้อมา 3 ล้าน ผ่านไป 20 กว่าปี ตอนนี้ซื้อขายกันเกือบสิบล้าน

ถ้าตามหลักการบัญชีอะ ใช่ครับ พวกสิ่งก่อสร้างจะมีค่าเสื่อมตามระยะเวลา สิ่งปลูกสร้างส่วนมากคือ 50 ปีตัดเสื่อมหมด

แต่ถึงตัดมูลค่าเสื่อมหมดก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีค่า เพราะค่าของมันคือ demand ที่คนมีต่อสินทรัพย์นั้นๆครับ อย่างพวกตึกเก่าในเยาวราชนี่อายุเกิน 50 ปี ตัดมูลค่าเสื่อมจนเหลือ 0 แล้วมั้ง หรือบางทีที่ดินเป็นราคาเก่าอีก

แต่เขาจะมีการประเมินมูลค่าเพื่ออัพเดทครับ เพราะของเก่ามันไม่เคยตีมูลค่าใหม่ อย่างที่ดินซื้อมา 1 ล้านแถวเยาวราช 50 ปีก่อน ในทางบัญชีถ้าไม่มีการประเมินมูลค่าใหม่ มูลค่าที่บันทึกบัญชีมันก็จะอยู่ 1 ล้านเท่าเดิมนั่นแหละ ส่วนตัวอาคารไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะเหลือ 0 เรียบร้อย แต่พอประเมินมูลค่าใหม่ถึงตัวอาคารตีไป 0 เลยเพราะพังแหล่มิพังแหล่ แต่ตัวมูลค่าที่ดินก็วิ่งไป 8 หลักครับ

ไม่มีการคิดค่าเสื่อม แต่ถ้าไม่มีการประเมินมูลค่าใหม่ มูลค่ามันก็จะเท่าเดิมตามที่บันทึกไว้ตอนซื้อครั้งแรก สมมุติห้าสิบปีที่แล้วซิ้อมา 1ล้านบาท ถ้าไม่ประเมินใหม่ มูลค่าทางบัญชีมันก็ 1 ล้านเท่าเดิมถึงแม้ราคาตลาดแถวนั้นจะวิ่งไป 100 ล้านก็ตาม

สำคัญเลย คือ สภาพคล่อง ราคาขึ้นก็จริง ตามการประเมิน แต่วันหนึงอยากเป็นเป็นกระแสเงินสด
มีคนซื้อในระยะเวลา สั้นๆ หรือเปล่า ยิงช่วงนนี้ติดป้ายมา 2 ปี แล้วยังไม่มีคนซื้อเลย หลายๆที่
ต้องลดราคาล่อ ลดขาดทุนก็มีบางคน

คนขับรถที่ทำงานผมเงินเดือน 15 k ทำงานมาพอ ๆ กับผมเลยครับผม 30 kกว่า ๆ ผมมีปริญญา คนขับรถไม่มี แถมคนขับรถตอนนี้กำลังเรียนปริญญาอยู่

ปล. ผมไม่รู้จักเลยว่าเค้าคือใคร ถ้าไม่ google ดู

ใช่ครับ เรื่องสภาพคล่องก็เป็นอีกปัจจัยนึง แต่ก็ยังไงไม่ใช่หนี้สินแบบที่ ck บอกแน่ๆละ (ยกเว้นเคสที่บอกน้ำท่วม โดนกัดเซาะ แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าทำมาหากินได้ก็มูลค่าสูงขึ้นได้) ผมเลยฟังแล้วหลายเรื่องเค้าบ้งเพราะเหมารวมชอบเอาเคส extreme หรือ outlier มาพูดเหมารวมนี่แหละ

มันก็เป็นสินทรัพย์ที่สามารถนำไปค้ำประกันเอาเงินสดออกมาได้นี่ครับ

ผมว่าตรรกะเค้ารู้ไม่จริง(รู้ไม่หมดก็แล้วกัน) แล้วออกมาให้ความรู้อ่ะครับ มันแย่ตรงนี้

กับอีกเคสคือ ขอสินเชื่อต่างๆไม่ผ่านเพราะผ่อน 0% เยอะ ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่เกี่ยวกันขนาดนั้นอ่ะครับ

ถ้างั้นก็อย่าทำคลิป 1 นาทีมาล่อให้คนดูครับ ตัวแกเองก็ได้ฐานคนดูจากพวกคลิปหนึ่งนาทีพวกนี้ด้วยแหละ ปฎิเสธไม่ได้หรอกว่าก็จงใจใช้พวกคำล่อเป้าเพื่อยอดเอ็นเก็จเม้นอยู่ดี

ประสบการณ์การทำงานสำคัญกว่าใบปริญญา ใช่ครับ แต่ในเคสที่ถ้าคุณไม่เคยมีประสบการณ์เลยละ ทุกคนก็ต้องมีงานแรก แล้วมันควรจะวัดจากอะไร พอร์ตงาน? คนที่เก่งๆสามารถทำงานฟรีแลนซ์ได้เองจนมีพอร์ตงานมันก็โอเค แต่ถ้าคนธรรมดาทั่วไปละ จะเอาไปพอร์ตงานมาจากไหนถ้าไม่เคยทำงาน ไม่เคยมีคนจ้าง ตรงนี้ใบปริญญามันก็พอช่วยเบิกทางได้

สิ่งที่แกพูดมันถูก แต่มันใช้ไม่ได้กับทุกบริบท ทุกเคส ผมถึงไม่ชอบเวลาแกพูดฟันธงว่าอันนั้นผิด อันนี้โง่ แบบนี้สิถึงจะถูกเท่านั้น เพราะชีวิตจริงมันไม่ใช่แบบนั้นไง มันมีหลายปัจจัยมากที่จะมาบอกว่าแบบนั้นดี แบบนี้ถูก แบบนั้นผิด